หลักสูตรการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม

หลักสูตรการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต

วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิทยาศาสตร์ในชีวิตประจำวัน-บทที่ 2

ให้นักศึกษาแนะนำอาหารเพื่อสุขภาพ พร้อมคุณค่าหรือประโยชน์ของอาหารนั้น (ระบุที่มาของข้อมูลด้วย)

60 ความคิดเห็น:

  1. นางสาวฐาปนี แก่นเขียว ID 52SP27600554

    อาหารเพื่อสุขภาพ "ข้าวโอ๊ตนมสด"

    คุณค่าทางอาหาร
    ข้าวโอ๊ตเป็นอาหารที่คนอังกฤษชอบรับประทาน ข้าวโอ๊ตมีโปรตีนและไขมันสูง เพราะยังมีจมูกข้าวอยู่ ข้าวโอ๊ตยังมีใยอาหารสูง ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ เมื่อนำมาปรุงกับนม กับผลไม้แห้งต่าง จึงได้อาหารเช้าปรุงง่าย ที่มีคุณค่าทางอาหารอยู่เต็มเปี่ยม

    ที่มา : http://www.skr.ac.th/Work_M5/food_health/milk_oat/milk_oat.htm

    ตอบลบ
  2. นายธณพล บูรณดี ID 52SP2760063
    อาหารเพื่อสุขภาพ

    [น้ำลูกเดือยทรงเครื่อง]

    สรรพคุณ : ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยเจริญอาหารบำรุงกระดูก บำรุงสายตา

    วิธีทำ : นำลูกเดือยและข้าวมันปูกล้องต้มจนเปื่อย แล้วปั่นรวมกัน จากนั้นก็กรองแยกกากออก โรยเกลือเล็กน้อย ก่อนเสิร์ฟนำไปแช่ตู้เย็นให้เย็น หรือดื่มตอนอุ่นๆ ก็ได้

    ที่มา :
    http://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=168&sub_name=เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ&sub_id=18&ref_main_id=4&mtop_name=5 เมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

    ตอบลบ
  3. นางสาว ลลิตา สุสิลา รหัส 52SP2760048

    อาหารเพื่อสุขภาพ

    “ยำตะไคร้ใบชะพลู”
    เมนูนี้มีส่วนประกอบของพืชผักสมุนไพรที่เด่นๆ คือตะไคร้ ที่มีสรรพคุณทางยาช่วยขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยให้เจริญอาหารส่วนใบชะพลูนั้นมีวิตามิน เกลือแร่ต่าง ๆ มีแคลเซียม และ เบต้าแคโรทีนด้วยเห็นประโยชน์มากมาย

    ส่วนผสมสำหรับ “ยำตะไคร้ใบชะพลู”มีดังนี้

    ตะไคร้สดซอยละเอียด 7 ต้น
    พริกขี้หนูซอย 8 เม็ด (หรือมากกว่านี้ตามความชอบใจ)
    หัวหอมแดงซอย 2 หัว
    ถั่วลิสงทอด ปลาหมึกแห้งทอด กุ้งแห้งทอด (สำหรับโรยหน้า)
    ใบชะพลู 10 ใบ
    น้ำตาลทราย และน้ำมะนาว (ปริมาณตามความชอบใจ)

    เมื่อเตรียมส่วนผสมกันครบหมดแล้วก็มาถึงขั้นตอนลงมือทำยำตะไคร้ใบชะพลูที่ไม่ยุ่งยากอะไรเลยเพียงแค่นำตะไคร้ซอยละเอียด หอมแดงซอย และพริกขี้หนูซอย มาคลุกเคล้ารวมกันแล้วก็ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำมะนาว แล้วก็คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกทีชิมรสชาติให้ถูกปาก แต่ให้ออกเปรี้ยวนำสักเล็กน้อย

    พร้อมตักใส่จานที่รองไว้ด้วยใบชะพลู แล้วก็นำปลาหมึกแห้งทอดกุ้งแห้งทอด และถั่วลิสงทอด มาโรยหน้าอีกทีเป็นอันว่าเสร็จสรรพเรียบร้อยได้กินยำตะไคร้หอมๆ แกล้มกับใบชะพลูเคี้ยวกร้วมทั้งคำรสชาติมันปาก แถมยังดีต่อสุขภาพเพราะว่าได้กินสมุนไพรหลายอย่างที่มีคุณค่าต่อร่างกาย

    ที่มา http://makemoney.spiceday.com/viewthread.php?tid=47306&extra=page%3D9&sid=T6t5pw

    ตอบลบ
  4. นางสาว กมลเนตร รัตนบานชื่น 52SP2760015

    อาหารเพื่อสุขภาพ (สลัดนำใส)
    ส่วนประกอบ

    เห็ดหอมสด
    มะเขือเทศสีดา
    ผักกรีนโอ๊ค
    เรดโอ๊ค
    ขนมปังกรอบ

    เครื่องปรุงน้ำสลัด
    น้ำส้มสายชู
    น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี
    พริกไทยดำป่น
    น้ำมันมะกอกเล็กน้อย

    วิธีทำ
    1. ผสมเครื่องปรุงน้ำสลัดทั้งหมดเข้าด้วยกัน ชิมรสตามชอบ ยกลงจากเตา พักไว้ให้เย็น ยกขึ้นตั้งไฟพอให้น้ำตาลละลาย
    2. เวลารับประทานตักน้ำสลัดคลุกเคล้ากับผักสดตามชอบ เช่น กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค มะเขือเทศสีดาและเห็ดหอมสดซึ่งลวกน้ำร้อน หรือผัดน้ำมันมะกอกพอสุก โรยหน้าด้วยขนมปังกรอบ

    คุณค่าและสารอาหาร
    สลัดจานนี้แม้จะดูเป็นอาหารเบาๆท้อง แต่คุณค่าอาหารเพียบพร้อมเชียวนะ เริ่มตั้งแต่

    ผักกรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค และมะเขือเทศสีดาที่อุดมด้วยวิตามินซี เบต้าแคโรทีน ซึ่งต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ไกลจากโรคมะเร็งและหลอดเลือด ทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และบำรุงสายตา และธาตุเหล็ก ซึ่งช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
    เห็ดหอมสด ซึ่งแคลอรี่น้อย ไขมันต่ำ มีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึมแคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุโพแทสเซียมที่ช่วยลดความดันเลือด และซิลิเนียมที่เป็นสารต้านมะเร็งอีกด้วย
    น้ำมันมะกอกนอกจากจะช่วยให้สลัดจานนี้มีกลิ่นรสชวนกินแล้ว ที่สำคัญยังมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวมากที่สุด (77 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว และเป็นแหล่งพลังงานที่ดีพอๆกับไขมันอิ่มตัว เรียกว่าให้พลังงานเต็มที่แต่ไม่ทำร้ายหัวใจคนกิน

    แหล่งที่มา http://www.skr.ac.th/Work_M5/food_health/salad/salad.htm

    ตอบลบ
  5. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  6. นางสาวจันจิรัตน์ เรืองคง 52SP2760012 Za

    น้ำเต้าหู้ผสมเต้าฮวยธัญพืช

    สรรพคุณ :ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันมะเร็งทางเดินอาหาร และในถั่วเหลืองจะมีเลซิทิน ซึ่งเป็นสารบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ลดไขมัน และลดคอเรสเตอรอลในร่างกาย
    วิธีทำ : นำถั่วเหลืองบดด้วยเครื่องพร้อมกับน้ำเปล่า กรองกากออก นำน้ำนมที่ได้ตั้งไฟอ่อนๆ เติมเกลือเล็กน้อย คนเรื่อยๆ แล้วเติมน้ำตาลตามใจชอบ จากนั้นก็เทใส่เต้าฮวยธัญพืช (ผงเต้าฮวยสำเร็จรูปทำตามขั้นตอนแล้วเติมธัญพืชที่ชอบก่อนที่จะจับตัวเป็นวุ้น) ที่ตัดเป็นแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ ลงไปในแก้วน้ำเต้าหู้ ได้ทั้งน้ำได้ทั้งเนื้อ อิ่ม!

    ที่มา
    http://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=168&sub_name=เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ&sub_id=18&ref_main_id=4&mtop_name=5%20เมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

    ตอบลบ
  7. นางสาว ภูริชญา สุรพัฒน์ ID 52SP2760036

    สมูธตี้โยเกิร์ตจมูกข้าวสาลี

    สรรพคุณ :โยเกิร์ตและผลไม้ที่ใช้เป็นแหล่งรวมวิตามินทั้งบีและซี ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ช่วยรักษาสุขภาพลำไส้ใหญ่ จมูกข้าวสาลีมีใยอาหารป้องกันท้องผูก และมีวิตามินอี ซึ่งสามารถป้องกันโรคต้อกระจก

    วิธีทำ :จมูกข้าวสาลีผง โยเกิร์ตรสธรรมชาติหรือรสผลไม้รวม น้ำส้มคั้น กล้วยหอม น้ำผึ้งแทนหรือน้ำตาลทรายแดง และน้ำแข็ง นำมาปั่นรวมกัน

    ที่มา
    http://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=168&sub_name=เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ&sub_id=18&ref_main_id=4&mtop_name=5 เมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

    ตอบลบ
  8. นางสาวศศินะ แสงทอง รหัส 52SP2760009


    ยำหกสมุนไพร

    คุณค่าทางอาหาร สมุนไพรไทยขึ้นชื่อในเรื่องของสรรพคุณทางยาเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะความร้อนแรงนั้นมีส่วนในระบบการคลายความอืดแน่นเฟ้อได้อย่างดี บำรุงธาตุต่างๆ อีกทั้งแต่ละชนิดยังอุดมด้วยเส้นใยอาหารที่ให้ผลดีต่อระบบทางเดินอาหาร ลองนำสมุนไพรต่างๆ มาปรุงรวมมิตรกันในรสชาติที่คุณชอบ ลองชิมดูกันสักจานดีกว่า รับรองว่าจานนี้เคี้ยวเพลิน คู่เครื่องดื่มแก้วโปรดของคุณ

    ส่วนผสม
    หอมแดง 80 กรัม

    ขิง 80 กรัม
    ตะไคร้ 50 กรัม
    ถั่วทอด 50 กรัม
    กระชายซอยทอด 50 กรัม
    ใบมะกรูดทอด 10 กรัม
    กุ้งแห้งทอด 30 กรัม
    หมูสับรวนให้สุก 30 กรัม
    ต้นหอมซอย 10 กรัม
    พริกขี้หนูซอย 10 กรัม
    มะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
    น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ


    วิธีทำ
    - หั่นหอมแดง ขิง ตะไคร้ เป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าเล็กๆ
    - นำมาคลุกเล้าเข้ากับเครื่องปรุง คือ มะนาว น้ำปลา พริก ต้นหอมซอย
    - ใส่ถั่ว กุ้งแห้ง และสมุนไพรทอดที่เหลืออื่นๆ ลงคลุกเคล้ารวมกันอีกครั้ง แล้วจัดเสิร์ฟ

    เคล็ดลับ

    เครื่องปรุงที่ต้องทอด ให้ทอดในน้ำมันร้อนจัด แล้วรีบตักขึ้นพักไว้ให้เย็น การคลุกเคล้าให้คลุกเคล้าแต่เบามือเพื่อไม่ให้สมุนไพรที่ทอดไว้ช้ำ


    ที่มา http://www.yourhealthyguide.com/Menu/msa-salad-6-herb.htm

    ตอบลบ
  9. นางสาวชนากานต์ อึงสวัสดิ์ ID 52SP2760020 ZA

    เมนูปลา..เพื่อสุขภาพ

    ปลาช่อนทอดกรอบพุงแตก
    ส่วนผสม
    ปลาช่อน 1 ตัว ปลาหมึกบั้งหั่นชิ้นพอดีคำ 1 ตัว กุ้งกุลาดำ 3-4 ตัว เนื้อปลากะพงหั่นชิ้น3-4 ชิ้น หอยแมงภู่แกะ 4 ตัว หอมใหญ่หั่นบาง 1/2 หัว มะเขือเทศหั่นเสี้ยว 1/2 ลูก ขึ้นฉ่ายหั่นท่อน 2 ต้น พริกขี้หนูโขลก 2 ช้อนชา แป้งมัน 1/4 ถ้วย น้ำปลา น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
    วิธีทำ
    1. ขอดเกล็ดปลาแล้วล้างให้สะอาด ผ่ากลางแบะตัวปลา เลาะเอาก้างและไส้ออก ล้างให้สะอาดอีกครั้งและซับน้ำให้แห้งค่ะ
    2. คลุกด้านในของปลาด้วยแป้งมันให้ทั่ว ใส่น้ำมันลงในกระทะ รอจนร้อนจึงใส่ปลาทอดให้เหลือง ปลาจะกรอบนอกนุ่มใน แล้วจึงจัดใส่จาน
    3. ใส่น้ำลงในหม้อ ใส่เกลือเล็กน้อย ตั้งไฟพอเดือด ลวกปลาหมึก กุ้ง เนื้อปลากะพง หอยแมงภู่ จนสุกแล้วตักขึ้น
    4. ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว ซอสพริก และพริกขี้หนู เข้าด้วยกัน เคล้ารวมกับกุ้ง หอย ปลา ปลาหมึก หอมใหญ่ ขึ้นฉ่าย และมะเขือเทศ จนเข้ากัน แล้วจึงนำราดบนตัวปลาค่ะ


    ปลาจาระเม็ดผัดเมล็ดมะม่วง
    ส่วนผสม
    ปลาจาระเม็ด 1 ตัว แครอตหั่นชิ้นลวกสุก 1/4 ถ้วย ข้าวโพดอ่อนผ่าครึ่งหั่นท่อน 1/4 ถ้วย ต้นหอมหั่นท่อน 1/4 ถ้วย เห็ดหอมแช่น้ำ 2 ดอก พริกชี้ฟ้าแห้งหั่น 2 เมล็ด เมล็ดมะ ม่วงหิมพานต์ทอด 1/4 ถ้วย น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
    วิธีทำ
    1. ล้างปลาแล้วแล่เอาแต่เนื้อปลา หั่นเป็นชิ้นขนาดพอคำ ลงทอดจนสุกเหลือง
    2. หั่นเห็ดหอมเป็นชิ้นแล้วนำลงทอด ตักขึ้น ทอดพริกแห้งต่อแล้วตักขึ้น
    3. ใส่น้ำพริกเผาในกระทะ ใส่น้ำมันเพิ่มอีก 2 ช้อนโต๊ะ เติมน้ำปลา ซีอิ๊วขาว เห็ดหอม พริกชี้ฟ้าทอด แครอท ข้าวโพดอ่อน ผัดให้เข้ากัน
    4. ใส่เมล็ดมะม่วงหิมพานต์และต้นหอม ลงผัดให้เข้ากันแล้วตักใส่จานเป็นอันเสร็จค่ะ


    ปลาแซลมอนทอดซอสบาร์บีคิว
    ส่วนผสม
    ปลาแซลมอน 170 กรัม มันฝรั่งหั่นยาว 100 กรัม แครอตหั่นเส้น 100 กรัม น้ำมันมะกอก 100 กรัม เนย 2 ช้อนโต๊ะ มะเขือเทศบด 1 ช้อนโต๊ะ กระเทียมสับ 1 ช้อนชา หอมสับ 1 ช้อนชา น้ำส้มแดง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
    วิธีทำ
    1. ตั้งกระทะพอร้อน ใส่น้ำมันมะกอก
    2. นำปลาแซลมอนมาโรยด้วยเกลือ พริกไทย แล้วนำลงทอดในน้ำมันมะกอก
    3. ทอดปลาให้มีสีสวย แล้วนำเข้าเตาอบ ซึ่งจะทำให้เนื้อปลานุ่มอร่อยขึ้น อบจนสุกแล้วพักไว้
    วิธีทำซอส
    * ตั้งกระทะ ใส่เนย กระเทียมสับ ผัดจนหอมเหลือง
    * ใส่หอมสับ มะเขือเทศ ผัดคลุกให้เข้ากัน
    * ใส่น้ำส้มแดง เคี่ยวให้หอม เติมน้ำตาลทรายแดงเคี่ยวต่อจนเข้ากันดี แล้วจึงนำมาราดบนปลาที่เตรียมไว้ พร้อมรับประทานค่ะ


    เก็บมาฝาก
    อร่อยกับปลา ไม่ยากเลย

    * ปลาสดๆ ต้องดูให้เป็น ตาจะต้องสดใส เหงือกแดงสด ไม่มีเมือก ถ้าเป็นปลาชนิดมีเมือก เมือกต้องใส เนื้อแน่น กดไม่ยุบ ท้องไม่บวมหรือแตกและเกล็ดสดใสค่ะ
    * ทอดปลาไม่ติดกระทะ ต้องคลุกเคล้าปลากับเกลือเล็กน้อยค่ะ กระทะต้องล้างสะอาด ใช้น้ำมันใหม่ น้ำมันต้องร้อนจัดจึงค่อยใส่ปลาลงทอด รอจนเหลืองแล้วค่อยกลับข้าง ถ้าน้ำมันกระเด็นให้ใช้ฝาปิด แต่หมั่นเปิดบ่อยๆและยกฝาออกเร็วๆนะคะ ไม่อย่างนั้นปลาจะไม่กรอบได้
    * ทำไงดี ปลาช่อนถึงไม่คาว
    * เพียงผสมน้ำสายชูกับเกลือป่นในน้ำสะอาด คนให้ละลายเข้ากัน นำปลาช่อนลงล้าง พยายามขัดเมือกปลาให้หมดจด แล้วล้างอีกครั้งด้วยน้ำสะอาด เท่านี้ปลาช่อนก็กิน อร่อย หมดกลิ่นคาวที่ทำให้เสียอารมณ์แล้วล่ะค่ะ

    ที่มา http://www.108health.com

    ตอบลบ
  10. นาย ภวินท์ พู่พันธ์พานิช 52SP2760001

    ซุปงาดำ+ธัญพืช

    งาดำมีประโยชน์หลายอย่างที่จำเป็นต่อร่างกายของเราเป็นอย่างมาก
    ได้ทั้งโปรตีน และ อื่นอีกมาก รวมไปถึงช่วยลดคลอเลสเตอรอล อีกด้วย

    ส่วนผสม
    1. ลูกเดือย 1 ถ้วยตวงแช่น้ำธรรมดา 5 ชั่วโมง(ถ้าน้ำร้อนใช้เวลาเร็วกว่า 4 เท่า)
    2. ถั่วแดง 1 ถ้วยตวงแช่น้ำธรรมดา 5 ชั่วโมง(ถ้าน้ำร้อนใช้เวลาเร็วกว่า 4 เท่า)
    3. เม็ดบัว 1 ถ้วยตวงแช่น้ำธรรมดา 3 ชั่วโมง(ถ้าน้ำร้อนใช้เวลาเร็วกว่า 4 เท่า)
    4.ข้าวกล้อง 2 ถ้วยตวง แช่น้ำธรรมดา 2 ชั่วโมง (ถ้าน้ำร้อนใช้เวลาเร็วกว่า 4 เท่า)
    5. ข้าวโอ๊ต 1 1/2 ถ้วยตวง
    6. จมูกข้าว 1 ถ้วยตวง
    7. งาดำป่น 2 ถ้วยตวง
    8. ครีมเทียม 1 ถ้วยตวง
    9. เกลือ 1 ช้อนโต๊ะ
    10. น้ำเชื่อมที่กรองแล้ว 3/2 ถ้วยตวง
    วิธีทำ
    1. นำข้อ1-4 มาต้มรวมกันจนสุกโดยใส่น้ำประมาณ 8 ถ้วย
    2. นำมาปั่นกรองกาก แล้วนำกากมาปั่นรวมกับที่จะปั่นอีกครั้งหนึ่ง ใส่น้ำพอประมาณ
    3. นำข้อ5-8 มารวมกันและนำข้อ 9-10 ผสมลงไป ชิมรสตามชอบใจ
    4. นำมาตุ๋นประมาณ 1/2 ชั่วโมง
    ท่านสามารถปรับเปลี่ยนรสได้ตามชอบใจ

    ตอบลบ
  11. นางสาว สุรีพร ยะวงษ์ศรี 52SP27600572/ZA

    ตำรับอาหารไทยเพื่อสุขภาพ

    ข้าวยำ
    เป็นอาหารที่ให้พลังงานค่อนข้างมาก ให้โปรตีนสูงแต่ไขมันน้อย เป็นอาหารที่ให้ธาตุเหล็กสูงมาก และยังให้วิตามินเอและวิตามินบี 1 สูงเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเป็นอาหารบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง และบำรุงโลหิต ข้าวยำเป็นอาหารที่มีลักษณะเฉพาะที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินของชาวใต้ ซึ่งจะต้องมีองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้คือ "น้ำบูดู" ซึ่งเป็นภูมิปัญญาในการปรุงแต่งรสอาหารของชาวใต้ โดยเป็นการนำเอาพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านมาเป็นเครื่องปรุงที่มีคุณค่าอาหารสูง และเป็นความชาญฉลาดที่นำเอาสมุนไพรพื้นบ้านมาปรุงเป็นยาแต่อยู่ในรูปของอาหาร


    ห่อหมกปลา
    เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงแต่ให้โปรตีนและไขมันน้อย เป็นอาหารที่ให้ธาตุแคลเซียมสูงเป็นพิเศษ ประกอบด้วย เครื่องปรุงสมุนไพรหลายชนิดที่ช่วยให้มีคุณค่าอาหารสูง สรรพคุณทางยาของห่อหมกปลาส่วนใหญ่มาจากเครื่องปรุงสมุนไพร เช่น กระชาย กระเทียม ใบยอ ข่า ตระไคร้ โหระพา พริก รากผักชี ทำให้เป็นอาหารที่บำรุงธาตุ บำรุงกระดูก เจริญอาหาร ขับลม ขับเหงื่อแก้จุกเสียด ช่วยลดความดันโลหิตสูง ทางด้านภูมิปัญญานั้น คือ เป็นการนำเอาเครื่องปรุงสมุนไพรหลากรสมารวมกับกะทิและเนื้อปลา กลายเป็นยาในรูปแบบของอาหารที่มีคุณค่าสูง และยังมีศิลปะในการนำใบตองมาห่อแทนการใช้ภาชนะ เพิ่มกลิ่นรส ร่วมกับใบยออ่อนที่ใช้รอง เป็นการผสมผสานการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติโดยแท้


    แกงป่า
    เป็นอาหารที่ให้พลังงานและไขมันต่ำ แต่ให้กากและใยอาหารสูงมาก ให้แร่ธาตุและวิตามินสูงเกือบทุกชนิด ช่วยปรับสมดุลร่างกาย ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยลดความดันโลหิต ฆ่าพยาธิและเชื้อแบคทีเรีย แกงป่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในการจัดการสภาพแวดล้อมเพื่อความอยู่รอด โดยการนำผักพื้นบ้านและสมุนไพรหลากหลายชนิดมาปรุงอย่างง่าย ๆ แต่ได้รสกลมกล่อม เป็นการปรุงยาให้อยู่ในรูปอาหารที่อร่อยมาก

    ที่มา http://www.horapa.com/content.php?Category=Healthy&No=920

    ตอบลบ
  12. นางสาวสวามินี ดีเสมอ
    ID 52SP2760056
    ZA

    “ข้าวยำสมุนไพร 3 สี” บำรุงร่างกาย-หัวใจ ข้าวยำสมุนไพร 3สี “น้านิตย์”
    [เอ.อาร์.ไอ.พี, www.arip.co.th] ข้าวยำสมุนไพร 3สี “น้านิตย์” ขยายบริการส่งถึงบ้านตีตลาดหญิงวัยทำงาน ชี้จุดเด่นสีสันสวยงาม ใส่สมุนไพร 9 ชนิดควบน้ำบูดู ช่วยบำรุงกาย-หัวใจแถมเพิ่ม แคลเซียม เตรียมผลิตข้าวยำสีชมพูจากผลบีทรูต คาดเดินเครื่องกลางปีหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์บรรจุกล่องรุกฝากขายในศูนย์อาหารตามร้านค้า-ห้างดัง วางแผนเปิดแฟรนไชส์ น้ำบูดูคู่ผักปลอดสารพิษ

    นางนิตย์ดา พลายพล เจ้าของสูตร ข้าวยำสมุนไพร 3 สี ในชื่อ “น้านิตย์” เปิดเผยว่า เดิมทีครอบครัวนิยมรับประทานข้าวยำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องจากเป็นอาหารหลัก มื้อเช้าสำหรับคนใต้ ขณะเดียวกันคุณยายทำออกขายด้วย โดยนำดอกอัญชันและใบยอที่คุณพ่อปลูกไว้มาเป็นส่วนผสมในการหุงข้าวยำให้เกิดสีสันสวยงาม

    ต่อมาเกิดความสนใจที่จะทำข้าวยำ สมุนไพรออกจำหน่ายอย่างจริงจัง เพราะมองว่าคนส่วนใหญ่หันมารับประทานอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้น โดยได้นำสีเหลืองจากใบขมิ้น ที่มีคุณประโยชน์ต่อร่างกาย มาเป็นส่วนผสมในการหุงข้าวยำเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังเป็นสีจากธรรมชาติที่สามารถนำมาทำข้าวเหนียวได้ และเป็นเครื่องปรุงหรือเครื่องแกงหลักที่ คนใต้นิยมใช้ในการปรุงแต่งอาหาร จึงคิดว่าน่าจะนำมาเป็นส่วนผสมในการหุงข้าวยำได้เช่นกัน จนกลายเป็นสูตรข้าวยำสมุนไพร 3 สีในที่สุด

    หลังจากนั้นได้นำผลิตภัณฑ์ข้าวยำ สมุนไพร 3 สีไปให้เพื่อนๆ ทดลองชิมโดยจะนำไปช่วยตามงานบุญของบรรดาญาติและเพื่อนฝูง ผลปรากฏว่าได้รับการตอบรับ ดีมาก ส่วนใหญ่จะชื่นชอบในรสชาติที่เป็นเอกลักษณ์ต่างจากข้าวยำทั่วๆ ไป เพราะจะมีความเค็มและหวานกลมกลืนกัน ขณะที่หาก ต้องการรสชาติเปรี้ยวสามารถจะใส่มะนาวหรือถ้าชอบกินเผ็ดก็สามารถใส่พริกเพิ่มเติมได้เช่นกัน

    จุดเด่นของข้าวยำสมุนไพร อยู่ที่สีสันจากธรรมชาติของดอกอัญชัน ใบยอ และใบขมิ้น รวมทั้งรสชาติที่กลมกล่อมถึงรสของน้ำบูดู ซึ่งทำจากปลาทะเลสดที่ผลการวิจัยพบว่า ให้คุณค่าทางแคลเซียมอย่างมาก นอกจากนี้ ข้าวยำสมุนไพร 3 สียังอุดมไปด้วยคุณค่าสารอาหารจากพืชผักปลอดสารพิษรวม 9 ชนิด ได้แก่ ใบชะพลู, ใบกะพังโหม, ใบบัวบก, ใบมะกรูด, ผักแพรว, ตะไคร้, ดอกดาหลา, เกสรชมพู่ และยอดหมุย ซึ่งมีคุณประโยชน์ ต่อร่างกายมากมาย อาทิ ลดคลอเลสเตอรอลในเส้นเลือด บำรุงร่างกาย และหัวใจ อีกทั้งยังคลุกเคล้าด้วยกลิ่นหอมของข้าวคั่ว งาคั่วและ ข้าวตังซึ่งนับเป็นสูตรต้นตำรับของข้าวยำที่ไม่เหมือนใครเหมาะสำหรับกลุ่มลูกค้าคนรักสุขภาพและกลุ่มวัยรุ่นยุคใหม่

    สำหรับการทำตลาดจะมุ่งใช้ยุทธวิธีการให้ความรู้ (Educate) พร้อมจัดทำเอกสารบรรยายสรรพคุณอย่างละเอียดเพื่อให้ลูกค้าเกิดความรู้และเข้าใจในคุณค่าของการรับ- ประทานข้าวยำมากขึ้นและใช้สีสันจากธรรมชาติเป็นจุดดึงดูดกลุ่มลูกค้าให้เกิดการทดลองรับประทาน เมื่อบริโภคแล้วได้รสชาติ ที่อร่อย ก็จะส่งผลให้เกิดการบอกต่อปากต่อปาก (Buzz) ทำให้ชื่อข้าวยำสมุนไพร “น้านิตย์”เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น

    “ต่อไปจะเพิ่มข้าวยำสมุนไพรอีก 1 สีเป็นข้าวยำสีชมพูจากผลบีทรูตและทำผลิตภัณฑ์ในรูปแบบกล่องสำเร็จรูปไปฝากขายตามศูนย์อาหารในมุมสุขภาพของร้านค้าและห้างสรรพสินค้า เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่เป็นเด็ก รวมถึงถ้าสามารถพัฒนาระบบให้มีศักยภาพและรองรับกำลังการผลิตที่สูงขึ้น จะขยาย ตลาดด้วยระบบแฟรนไชส์ โดยเบื้องต้นสนับสนุนในส่วนของน้ำบูดูซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของข้าวยำ ส่วนผักให้ผู้ประกอบการหาซื้อเอง แต่เน้นว่าต้องปลอดสารพิษ” นางนิตย์ดากล่าวทิ้งท้าย

    ที่มา : http://www.arip.co.th/businessnews.php?id=406531

    ตอบลบ
  13. นางสาว สิริอร เหมเจริญวงศ์ รหัส 52SP2760002

    เมนูเพื่อสุขภาพ

    ข้าวต้มปลาข้าวกล้องกับตังโอ๋

    ส่วนผสม
    ข้าวกล้องไร่หรือข้าวกล้อง 1/2 ถ้วย
    น้ำเปล่าประมาณ 4-5 ถ้วย
    เนื้อปลาช่อนลอกหนังออกหั่นเป็นชิ้นพอคำลวก 200 กรัม
    กุ้งแห้ง 8-10 ตัว
    ตังโอ๋ประมาณ 1 ถ้วย
    ซีอิ๊วประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ
    พริกไทย กระเทียมเจียว ต้นหอม ขึ้นฉ่าย สำหรับโรยหน้า

    วิธีทำ
    ต้มข้าวกล้องพอเดือดแล้วหรี่ไฟลงจนข้าวเริ่มสุกนิ่ม (ประมาณ 1 ชั่วโมง) ใส่เนื้อปลาที่ลวกไว้และตังโอ๋จนเดือด ปรุงรสด้วยซีอิ้ว ชิมรสตามชอบ ตักใส่ชามก่อนเสิร์ฟโรยกระเทียมเจียว ต้นหอม ขึ้นฉ่ายและพริกไทย รับประทานร้อนๆ

    ที่มา:http://thai-sle.com/smf/index.php?topic=1717.0

    ตอบลบ
  14. นายสาธิต แก้วสวี รหัส 52SP2760046 ZA

    ผัดฟักแม้วเห็ดหอมสด
    พืชผักมากมายในประเทศไทยเราหากนำมาปรุงอาหารก็คงจะนับชนิดไม่ถ้วน ผัดฟักแม้วเห็ดหอมสด ก็เป็นอีกสูตรอาหารที่ทำง่ายแถมอร่อยได้คุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย

    ส่วนผสม

    1.ฟักแม้วปอกเปลือกหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ถ้วย
    2.แครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
    3.เห็ดหอมสดดอกเล็กผ่าครึ่ง 10 ดอก (หรือเห็ดหอมแห้งแช่น้ำให้นิ่ม 2–3 ดอก)
    4.ซีอิ้วขาวเล็กน้อย
    5.เกลือเล็กน้อย
    6.น้ำตาลทรายเล็กน้อย
    7.น้ำมันพืชสำหรับผัด
    วิธีทำ

    1.ผัดฟักแม้วกับแครอทให้นิ่มเล็กน้อย (ถ้าใช้เห็ดหอมแห้งแช่น้ำให้ผัดพร้อมกันไปเลย) เติมน้ำเปล่าเล็กน้อย ผัดต่อจนสุก
    2.ปรุงรสตามชอบ ใส่เห็ดหอมสด ผัดต่อประมาณ 2 นาที ตักใส่จาน

    ตอบลบ
  15. นายสาธิต แก้วสวี รหัส 52SP2760046 ZA

    พืชผักมากมายในประเทศไทยเราหากนำมาปรุงอาหารก็คงจะนับชนิดไม่ถ้วน ผัดฟักแม้วเห็ดหอมสด ก็เป็นอีกสูตรอาหารที่ทำง่ายแถมอร่อยได้คุณค่าทางโภชนาการอีกด้วย

    ส่วนผสม

    1.ฟักแม้วปอกเปลือกหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ถ้วย
    2.แครอทหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 2 ช้อนโต๊ะ
    3.เห็ดหอมสดดอกเล็กผ่าครึ่ง 10 ดอก (หรือเห็ดหอมแห้งแช่น้ำให้นิ่ม 2–3 ดอก)
    4.ซีอิ้วขาวเล็กน้อย
    5.เกลือเล็กน้อย
    6.น้ำตาลทรายเล็กน้อย
    7.น้ำมันพืชสำหรับผัด
    วิธีทำ

    1.ผัดฟักแม้วกับแครอทให้นิ่มเล็กน้อย (ถ้าใช้เห็ดหอมแห้งแช่น้ำให้ผัดพร้อมกันไปเลย) เติมน้ำเปล่าเล็กน้อย ผัดต่อจนสุก
    2.ปรุงรสตามชอบ ใส่เห็ดหอมสด ผัดต่อประมาณ 2 นาที ตักใส่จาน

    สรรพคุณ

    เห็ดหอมเป็นยาอายุวัฒนะรักษาหวัดทำให้เลือดลมดี แก้โรคหัวใจ ต้านการเติบโตของเนื้อร้าย และแก้พิษงู นักวิจัยสมัยใหม่วิจัยพบสอดคล้องกันว่าเห็ดหอมช่วยป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ต้านโรคมะเร็งและโรคร้ายต่างๆ จากเชื้อไวรัส และฟักแม้วยังช่วยขับปัสสาวะ บำรุงหัวใจและหลอดเลือด แก้อักเสบ

    ที่มา:http://www.hilunch.com/

    ตอบลบ
  16. น.ส.กรกนก ยุพการนนท์ 52SP2760045 - ZA


    ผัดผักรวมมิตรกับงาขาว

    เครื่องปรุง

    1. กุ้งแชบ๊วยหั่นชิ้น 100 กรัม

    2. เห็ดฟาง 5 ดอก

    3. กะหล่ำปลี 1/4 หัว

    4. ผักไผ่หั่นหยาบ 1/2 ถ้วย

    5. งาขาวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ

    6. พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 3 เม็ด

    7. กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ

    8. หอมแดงซอย 3 หัว

    9. เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

    10. น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา

    11. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

    12. น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ

    วิธีทำ

    1.ล้องเห็ดฟาง กะหล่ำปลี เฉือนเอาโคนที่สกปรกของเห็ดฟางออก หั่นเป็นชิ้นบางตามยาว กะหล่ำปลีหั่นหยาบๆ

    2. ต้มน้ำให้เดือด ลวกเห็ดฟางและกะหล่ำปลีพอสุก ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ พักไว้

    3. โขลกพริกแห้ง กระเทียม หอมแดง เกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด ผัดกับน้ำมันมะกอกให้หอม ปรุงรสด้วยน้ำตาล

    4. ใส่เนื้อกุ้ง ผัดพอกุ้งสุก ยกลง ใส่น้ำมะนาว เคลาให้เข้ากันเป็นน้ำยำ

    5. เมื่อจะรับประทาน ใส่ผักลวกลงในอ่างผสม ใส่ผักไผ่และน้ำยา เคล้าเบาๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรงงาขาว เสิร์ฟ



    คุณค่าทางอาหาร

    งา เมล็ดพืชเล็กจิ๋วที่อุดมไปด้วยสารอาหาร มี 2 แบบ คือ งาดำ และงาขาว นอกจากนี้ยังมีน้ำมันงาที่ใช้ปรุงอาหารได้ดี เพราะมีกลิ่นหอมและกรดไขมันที่มีประโยชน์สาร อาหารที่มีอยู่ในเมล็ดงาล้วนแต่มีประโยชน์ทั้งสิ้น เช่น โปรตีนในงามีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย คือ กรดอะมิโนเมธิโอนีน ในถั่วเหลืองมีกรดอะมิโนที่จำเป็นตัวนี้น้อย ชาวมังสวิรัติจึงใส่งาลงไปในอาหารถั่วเหลืองที่ปรุง เพื่อให้มีสารโปรตีนสมบูรณ์มากขึ้นใน เมล็ดงามีน้ำมันมาก จึงสกัดออกมาเป็นน้ำมันงาที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม คือ มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูง ทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 กรดไขมัน โอเมก้า 6 ที่มีคุณสมบัติช่วยลดคลอเลสเตอรอล จึงช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันไลโนเลอิค ซึ่งช่วยทำให้ผมดกดำ บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้นงายัง มีวิตามันและแร่ธาตุที่สำคัญโดยเฉพาะแคลเซียมที่มีมากกว่านมวัวถึง 6 เท่า มีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และทองแดง อีกทั้งยังมากด้วยวิตามินบีชนิดต่างๆ ซึ่งดีต่อระบบประสาท ช่วยทำให้นอนหลับ ร่างกายกระฉับกระเฉง พร้อมกันนั้นยังมีสารบำรุงประสาทด้วย และวิตามินอีเป็นตัวแอนติออกซิเจนแดนท์ที่ช่วยต้านมะเร็งเลือก ซื้อเมล็ดงาดำและงาขาวที่สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน เมื่อซึ้อมาแล้วให้เก็บใส่ขวด ปิดฝา เมื่อจะใช้ให้คั่วในปริมาณที่พอใช้ เท่านั้น เพราะถ้าคั่วทิ้งไว้กลิ่นจะไม่หอมและเหม็นหืน


    ที่มา : http://www.friends_sisat.joomlathaihosting.0lx.net/index.php?option=com_content&view=article&id=5&Itemid=37

    ตอบลบ
  17. นาย จักรพันธ์ กิจประชา 52SP2760024


    สะเดา-น้ำปลาหวาน-ปลาดุกย่าง

    สะเดาเป็นผักพื้นบ้านที่มีรสขม ซึ่ง คนไทยนิยมรับประทานเป็นผักตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น คนไทยชอบรับประทานดอกสะเดาในช่วงต้นของฤดูหนาว เนื่องจากเชื่อว่า การกินสะเดาก่อนที่จะเป็นไข้ป้องกันได้ แต่ถ้ากินเมื่อเป็นแล้ว สามารถรักษาให้หายได้ (แต่ต้องเป็นไข้ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของ อุตุสมุฎฐานที่ร่างกายปรับไม่ทัน) จะทำให้มีอาการครั่นเนื้อครั่นตัว น้ำมูกใส คนโบราณเรียกว่า ?ไข้หัวลม ?การรับประทานสะเดานั้นคนภาคกลางนิยมรับประทานกับน้ำปลาหวานและปลาดุกย่าง เนื่องจากรสหวานของน้ำปลาหวานจะช่วยกลบรสขมของสะเดาได้ จึงทำให้รู้สึกรสชาติกลมกล่อม(อร่อย) เจริญอาหารยิ่งขึ้น

    เครื่องปรุง

    * น้ำตาลปีบ 2 ถ้วย (200 กรัม)
    * น้ำมะขามเปียกข้น ๆ ? ถ้วย (80 กรัม)
    * น้ำปลา ? ถ้วย (80 กรัม)
    * หอมแดงเจียว ? ถ้วย (50 กรัม)
    * กระเทียมเจียว ? ถ้วย (50 กรัม)
    * พริกขี้หนูแห้งหั่นบางๆทอดกรอบ ? ถ้วย (50 กรัม)
    * ดอกสะเดาอ่อน 5-10 กำ (500 กรัม)
    * ปลาดุกอุย ? ตัว (400 กรัม)
    * น้ำมันพืชสำหรับทา 1-2 ช้อนโต๊ะ (30 กรัม)

    วิธีทำ
    น้ำเครื่องปรุงน้ำปลาหวาน
    1. ล้างสะเดาให้สะอาด อย่าให้ช้ำ ต้มน้ำให้เดือดเทใส่ภาชนะที่ใส่สะเดาไว้ให้ท่วม ปิดฝา
    2. ผสมน้ำตาล น้ำมะขาม น้ำปลา เข้าด้วยกัน ตั้งไฟกลางค่อนข้างเคี่ยวจนเหนียวพอเคลือบพายติด ยกลง
    3. ตักใส่ถ้วย โรยหน้าด้วยหอมแดง กระเทียม พริกเสิร์ฟพร้อมสะเดา และปลาดุกย่าง

    เครื่องปรุงปลาดุกย่าง
    1. ล้างปลาให้สะอาด ผ่าท้อง ควักไส้ออก ล้างให้สะอาด บั้งปลาเฉียงๆ ทั้งสองด้าน
    2. นำปลาขึ้นย่างบนตะแกรงที่ทาน้ำมันไว้แล้ว หรือจะทาที่ตัวปลาก็ได้ ย่างไฟกลาง จนสุกเหลืองทั้งสองด้าน

    วิธีการลวกสะเดา
    ให้นำดอกสะเดาลวกในน้ำเดือด หรืออาจใช้วิธีต้มลงในน้ำเดือดหรือน้ำข้าวร้อนๆ เพื่อลดความขมลงก็ได้ มรกรณีที่ดอกสะเดาออกมาก รับประทานไม่ทัน ชาวบ้านจะมีวิธีเก็บสะเดาไว้รับประทานนานๆ (การถนอมอาหาร) โดยการเก็บดอกสะเดามาลวก 1 ครั้ง แล้วนำไปตากแดดจนแห้งสนิท เก็บไว้ในที่สะอาดและโปร่ง เมื่อต้องการจะรับประทานก็นำดอกสะเดาแห้งมาลวกน้ำร้อนอีกครั้งหนึ่งก็จะได้ สะเดาที่มีรสจืด (ไม่ขมหรือขมน้อย) ลักษณะเช่นเดียวกับสะเดาสดทุกประการ

    สรรพคุณทางยา
    1. ดอกสะเดา รสขมจัด ช่วยเจริญอาหาร บำรุงธาตุ แก้ไข้หัวลม
    2. น้ำมะขามเปียก รสเปรี้ยว แก้ไอ ขับเสมหะ เป็นยาระบายแก้ท้องผูก
    3. หอมแดง รสเผ็ดร้อน แก้ไข้เพื่อเสมหะ บำรุงธาตุ แก้ไข้หวัด
    4. กระเทียม รสเผ็ดร้อน ขับลมในลำไส้ แก้ไอ ขับเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร แก้โรคทางผิวหนัง น้ำมันกระเทียมมีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อรา แบคทีเรีย และไวรัส ลดน้ำตาลในเลือด ลดไขมันในหลอดเลือด
    5. พริกขี้หนูแห้ง รสเผ็ด ช่วยเจริญอาหาร ขับลม ช่วยย่อย

    ประโยชน์ทางอาหาร
    สะเดา-น้ำปลาหวาน-ปลาดุกย่าง นิยมใช้เป็นผักในช่วยฤดูหนาว โดยการนำมาลวกกับน้ำร้อน รับประทานกับน้ำปลาหวานและปลาดุกย่าง เพื่อช่วยบรรเทาความร้อนและเจริญอาหาร พร้อมๆ กับการป้องกันการเกิดไข้หัวลมในช่วงที่ธาตุน้ำกระทบธาตุไฟในต้นฤดูร้อน สะเดารสขมจึงบำรุงธาตุไฟและธาตุน้ำเป็นอย่างดี ปรับธาตุทั้งสองเป็นลำดับใครรู้สึกว่าธาตุใดแปรปวนก็แต่งรสให้สอดคล้องตาม ธาตุของตัวเอง บางครั้งมีปลาเผา ปลาดุดย่าง รับประทานร่วมด้วยก็ยิ่งเสริมธาตุดินมากยิ่งขึ้น

    คุณค่าทางโภชนาการ
    สะเดา-น้ำปลาหวาน-ปลาดุกย่าง 1 ชุด ให้พลังงานต่อร่างกาย 1938 กิโลแคลอรี ประกอบด้วย

    - น้ำ 96 กรัม
    - โปรตีน 27.8 กรัม
    - ไขมัน 16.1 กรัม
    - คาร์โบไฮเดรต 331.3 กรัม
    - กาก 24.6 กรัม
    - ใยอาหาร 8 กรัม
    - เถ้า 2.5 กรัม
    - แคลเซียม 2038.2 มิลลิกรัม
    - ฟอสฟอรัส 751.7 มิลลิกรัม
    - เหล็ก 72.5 กรัม
    - เรตินอล 2.2 ไมโครกรัม
    - เบต้า-แคโรทีน 18055 ไมโครกรัม
    - วิตามินเอ 25388 IU
    - วิตามินบีหนึ่ง 139.34 มิลลิกรัม
    - วิตามินบีสอง 1.2 มิลลิกรัม
    - ไนอาซิน 24.85 มิลลิกรัม
    - วิตามินซี 984.40 มิลลิกรัม

    แห่งที่มา http://www.samunpri.com/food/?p=50

    ตอบลบ
  18. นางสาว สุพินญา ฉลวยธนาพร รหัส 52SP2760016

    ก๋วยเตี๋ยวลุยสวน เป็นอาหารระหว่างมื้อหรืออาหารว่าง ที่คนไทยนิยมรับประทานกันมาก
    ซึ่งมีผัก หมูและเห็ดซ่อนอยู่ข้างใน เวลารับประทานจะทานกับน้ำจิ้มที่มีรสจัด
    คล้ายน้ำจิ้มทานกับอาหารทะเล แต่ใส่ใบโหระพาเพื่อเพิ่มความหอมและรสชาติที่ดี
    เป็นอาหารที่ทานง่าย สะดวก และรวดเร็ว
    แถมยังได้สารอาหารครับทั้ง 5 หมู่ เหมาะสำหรับคนที่ไม่ชอบรับประทานผัก

    เครื่องปรุง (สำหรับรับประทาน 4 คน)
    เนื้อหมูสับ 1/2 กิโลกรัม
    แผ่นก๋วยเตี๋ยวแผ่นใหญ 1 กิโลกรัม
    ซีอิ๋วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
    ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
    น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนชา
    พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
    รสดี รสหมู 2 ช้อนโต๊ะ
    น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
    น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
    แครอทหั่น (สี่เหลี่ยมลูกเต๋า) 3+1/4 ถ้วยตวง
    โหระพา 7 กิ่ง
    เห็ดหอมส่วนดอกแช่น้ำ (หั่นเส้นกว้าง 1 ซ.ม.) 1/4 ถ้วยตวง
    เห็ดหูหนูสดหั่น (เท่าไม้ขีดไฟ) 1/2 ถ้วยตวง
    ไชโป๊วหวานสับหยาบ 1/4 ถ้วยตวง
    ผักชีไทย 5 ต้น
    ผักกาดหอม

    วิธีทำไส้
    1. หมักหมูกับซีอิ๋วขาว รสดี พริกไทย และน้ำตาลทราย นวดให้เข้ากัน
    หมักไว้อย่างน้อย 15 นาที
    2. ตั้งกระทะ ใส่น้ำมันพอร้อน นำหมูที่หมักไว้ลงผัดพอสุก
    ใส่ซอสปรุงรส น้ำมันหอย และรสดี รสหมูที่เหลือผัดเคล้าให้ทั่ว
    ใส่เห็ดหูหนู เห็ดหอม ไชโป๊ว และแครอท ผัดต่อจนเข้ากัน
    ชิมรสออกเค็มหวานเล็กน้อย ผัดจนน้ำแห้ง ตักใส่จานพักไว้ให้เย็น


    วิธีเตรียมแป้งก๋วยเตี๋ยวและผัก
    1. แผ่นก๋วยเตี๋ยวแผ่นใหญ่ 1 กก. ขนาดกว้าง 12x16 นิ้ว
    2. ตั้งลังถึงให้น้ำเดือดพล่าน นำแผ่นก๋วยเตี๋ยว ทั้งแผ่นใส่ถาดนึ่งประมาณ 10 นาที
    ยกลงปล่อยให้เย็น
    3. ผักกาดหอมตัดเส้นกลางใบออก
    แล้วตัดเป็นสี่เหลี่ยมขนาด 1+1/2 x 1+1/2 นิ้ว ประมาณ 1 ต้นใหญ่
    4. โหระพา 7 กิ่ง เด็ดเป็นใบๆ
    5. ผักชีต้นใหญ่ 5 ต้น เด็ดเป็นช่อสั้นๆ


    วิธีการห่อ
    วางแป้งลงบนแผ่นพลาสติก วางผักกาดหอมลงตรงกลาง ให้เหลือริมแป้งไว้ด้านละ 2 นิ้ว
    วางเรียงไส้ตามลำดับ คือ ผักกาดหอม โหระพา ผักชี วางให้เสมอใบผักกาด
    ตักไส้ที่ผัดไว้ใส่พอประมาณเกลี่ยให้ทั่ว พับแป้งด้านข้างทั้ง 2 ด้านมาทับบนไส้
    แล้วพับแป้งด้านล่างขึ้นทับพร้อมกับลอกแผ่นพลาสติก ค่อยๆม้วนให้แน่น(แบบข้าวห่อสาหร่าย)
    วางเรียงบนจานเสิร์ฟ 2-3 แท่ง แล้วแต่ความต้องการ
    ใช้มีดหั่นตามขวางพอคำ เพื่อสะดวกในการรับประทาน


    น้ำจิ้มก๋วยเตี๋ยวลุยสวนสูตร 1

    พริกขี้หนูสวนสีเขียวซอย 20 เม็ด
    พริกขี้หนูแบบยาวสีเขียวซอย 10 เม็ด
    กระเทียมกลีบเล็กหั่นหยาบๆ 20 กลีบ
    ใบโหระพาซอยหยาบๆ 1/2 ถ้วยตวง
    น้ำส้มสายชู 1/2 ถ้วยตวง
    เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
    น้ำเชื่อม (น้ำเปล่า 1/2 ถ้วยตวง น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วยตวง ต้มจนน้ำละลาย พักให้เย็น)

    วิธีทำน้ำจิ้ม
    * ปั่นกระเทียม ใบโหระพา พริกขี้หนูทั้งหมดให้ละเอียดเป็นเนื้อเดียวกัน เทใส่ในชาม
    เติมน้ำเชื่อม เกลือ คนให้เกลือละลาย ชิมรสเปรี้ยวเค็มหวาน
    * น้ำจิ้มสามารถทำไว้ล่วงหน้าได้ โดยใส่ขวดแก้วแช่ในตู้เย็น รุ่งขึ้นน้ำจิ้มจะเข้มข้น
    ไม่มีกลิ่นใบโหระพา รวมทั้งใช้เป็นน้ำจิ้มอาหารทะเล นึ่ง ย่างได้ด้วย

    http://www.panyathai.or.th/wiki/index.php/%E0%B8%81%E0%B9%8B%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B9%80%E0%B8%95%E0%B8%B5%E0%B9%8B%E0%B8%A2%E0%B8%A7%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%A2%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99

    ตอบลบ
  19. ภวัต เบ็ญจขันธ์ 52SP2760021 .. ZA

    >>>> ฟักทองนมสด <<<<

    ** ส่วนผสม **

    ฟักทองหั่นแล้ว 1 ถ้วย
    นมสด 2 ถ้วย
    น้ำตาล 1/2 ถ้วย
    น้ำเปล่า 1 ถ้วย
    เกลือ (เล็กน้อย)

    ** วิธีทำ **

    - นำฟักทองมาล้างให้สะอาด จากนั้น นำฟักทองมาหั่นเป็นชิ้นบางๆ พอดีคำ
    - นำฟักทองที่หั่นแล้ว นมสด น้ำตาล และน้ำเปล่า ใส่ลงในหม้อแล้วตั้งไฟจนสุก
    - อย่าลืมโรยเกลือเล็กน้อยเพื่อให้รสชาติเข้มข้นขึ้น จากนั้นตักใส่ถ้วยให้สวยงามพร้อมเสิร์ฟได้เลย (สำหรับคนที่กลัวอ้วนใช้นมสดแบบพร่องมันเนย และใช้น้ำตาลเทียมแทนก็ได้)

    ** แนะนำคุณค่าและประโยชน์ **

    ฟักทอง มีสารอาหารบำรุงร่างกายมากมาย เช่น วิตามินเอ บี ซี และธาตุฟอสฟอรัส และที่สำคัญสารเบต้าแคโรทีน ที่มีอยู่ในเนื้อสีเหลืองของฟักทอง ยังมีส่วนช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้

    หากกินฟักทองทั้งเปลือกจะได้ฤทธิ์ทางยา สามารถกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน ซึ่งช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเส้นเลือด ป้องกันการเกิดเบาหวาน ความดันโลหิต นอกจากนี้ ยังช่วยบำรุงตับ ไต นัยน์ตา และสร้างเซลล์ใหม่ทดแทนเซลล์ที่ตายไป

    นอกจากนี้ ฟักทองยังมีส่วนช่วยเสริมสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง ทำให้ผิวพรรณมีน้ำมีนวล เหมาะสำหรับหลังคลอดบุตร ที่ขาดธาตุฟอสฟอรัส และเสี่ยงกับการเกิดหน้าท้องลาย ส่วนนมสด ก็อย่างที่รู้ๆ กันเป็นอย่างดีว่า เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหาร ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟัน ช่วยในการเจริญเติบโตอีกด้วย

    ที่มา:www.manager.co.th

    ตอบลบ
  20. นายวัชระ สุลำนาจ
    รหัส 52SP2760017

    สลัดผลไม้
    สลัดผลไม้ (ชีวจิต)
    เห็นผลไม้สดฉ่ำสีสวยแล้วรู้สึกสดชื่นอย่าบอกใคร วันนี้ชวนมาเติมความสวยสดใสกับสลัดจานอร่อยที่อุดมด้วยวิตามิน A C E ซึ่งมีสารแอนตีออกซิแดนท์ ช่วยให้ไม่ร่วงโรยก่อนวัย สร้างภูมิคุ้มกันโรค แล้วยังดีต่อหัวใจและหลอดเลือดอีกด้วย กลัวจะสวยไม่พอ เลยแถมน้ำสลัดสุขภาพที่มีน้ำผึ้งเป็นนางเอกอีก 2 สูตร ให้ถูกใจคนรักสวยรักงามตัวจริงกันไปเลย ใครไม่อยากแก่เร็ว รับรองว่าวิตามินสดๆ จากเมนูนี้ช่วยให้ปิ๊งปั๊ง! ได้ทันอกทันใจ
    ส่วนผสม
    - ส้มซันควิกแกะออกเป็นกลีบ 1 ผล
    - แอปเปิ้ลเขียวหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ผล
    - แอปเปิ้ลแดงหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ผล
    - กีวีหั่นแนวขวาง 2 ผล
    - สตรอว์เบอร์รี่ผ่าซีก 4-5 ผล
    - องุ่นดำ 1 ช่อ
    - ถั่วลิสงคั่วบุบหยาบ 1/2 ถ้วย
    - ใบสะระแหน่ปริมาณตามชอบ
    ส่วนผสมน้ำสลัดสูตรโยเกิร์ต
    - โยเกิร์ตรสธรรมชาติไขมันต่ำ 1/2 ถ้วย
    - น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
    - น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
    - เกลือ 1 ช้อนชา
    ส่วนผสมน้ำสลัดสูตรน้ำส้ม
    - น้ำส้มคั้น 1/4 ถ้วย
    - น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
    - มะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
    - เกลือ 1 ช้อนชา
    วิธีทำ
    1.ล้างผลไม้ที่หั่นแล้วในน้ำเกลือ นำไปแช่เย็น
    2. เลือกน้ำสลัดสูตรที่ชอบ ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน นำไปแช่เย็น
    3. จัดผลไม้ใส่จาน ราดน้ำสลัดให้ทั่ว แล้วโรยถั่วลิสงและใบสะระแหน่
    Tips:
    - ผลไม้ที่นำมาทำสลัดควรให้ออกรสเปรี้ยวหน่อยจะอร่อย
    - การแช่เย็นผลไม้ต่างๆ และน้ำสลัด ทำให้สลัดอร่อยยิ่งขึ้น
    - ใส่เกลือหรือมะนาวลงในน้ำแช่แอปเปิ้ล จะทำให้เนื้อแอปเปิ้ลไม่ดำ
    - วิธีผ่าส้มให้เป็นกลีบ ให้ผ่าลงตามรอยแบ่งกลีบของส้ม แล้วดึงเยื่อกั้นระหว่างกลีบส้มออกโดยค่อยๆ ลอกจากด้านในที่ติดกับแกนของลูกออกมา จะได้ส้มที่ไม่ช้ำ ไม่แหลก
    - สำหรับน้ำสลัดสูตรโยเกิร์ต ค่อยๆ เติมน้ำมะนาว แล้วชิมรส เพราะโยเกิร์ตมีรสเปรี้ยวอยู่แล้ว
    - ใครขี้เกียจทำน้ำสลัด สามารถใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติแทนได้ แล้วโรยจมูกข้าวและงาดำกินเป็นอาหารเช้าได้เลย
    - ถ้าชอบให้ออกรสเผ็ด ใส่พริกลงไปได้นิดหน่อย
    ที่มา http://health.kapook.com/view3200.html

    ตอบลบ
  21. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  22. นายกันตณัฐ อินทร์ศรี รหัส 52SP2760032 ZA

    >>>อาหารเพื่อสุขภาพยำตะไคร้ใบชะพลู<<<

    การดูแลเอาใจใส่เรื่องการรักษาสุขภาพร่างกายนอกจากการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแล้ว การเลือกกินอาหารที่ดีมีประโยชน์ก็เป็นส่วนช่วยเสริมสร้างสุขภาพที่ดีให้กับร่างกายได้เช่นกัน เมนูนี้มีส่วนประกอบของพืชผักสมุนไพรที่เด่นๆ คือตะไคร้

    สรรพคุณและประโยชน์ของตะไคร้: ช่วยขับลมในลำไส้ แก้ท้องอืด ท้องเฟ้อ และช่วยให้เจริญอาหาร
    สรรพคุณและประโยชน์ของใบชะพลู: มีวิตามิน เกลือแร่ต่าง ๆ มีแคลเซียม และ เบต้าแคโรทีน ทำให้ร่างกายแข็งเเรง

    From...http://www.chobjung.com/index.php?topic=85.0

    ตอบลบ
  23. น.ส.ทวีพร สัญจรดี รหัส52SP2760006 ตอนเรียน ZA

    สลัดผลไม้
    ส่วนผสม
    ส้มซันควิกแกะออกเป็นกลีบ 1 ผล
    แอปเปิลเขียวหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ผล
    แอปเปิลแดงหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ผล
    กีวีหั่นแนวขวาง 2 ผล
    สตรอว์เบอร์รี่ผ่าซีก 4-5 ผล
    องุ่นดำ 1 ช่อ
    ถั่วลิสงคั่วบุบหยาบ 1/2 ถ้วย
    ใบสะระแหน่ปริมาณตามชอบ

    ส่วนผสมน้ำสลัดสูตรโยเกิร์ต ส่วนผสมน้ำสลัดสูตรน้ำส้ม
    โยเกิร์ตรสธรรมชาติไขมันต่ำ 1/2 ถ้วย น้ำส้มคั้น 1/4 ถ้วย
    น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
    น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ มะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
    เกลือ 1 ช้อนชา เกลือ 1 ช้อนชา


    วิธีทำ
    - ล้างผลไม้ที่หั่นแล้วในน้ำเกลือ นำไปแช่เย็น
    - เลือกน้ำสลัดสูตรที่ชอบ ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน นำไปแช่เย็น
    - จัดผลไม้ใส่จาน ราดน้ำสลัดให้ทั่ว แล้วโรยถั่วลิสงและใบสะระแหน่




    หมายเหตุ : - ผลไม้ที่นำมาทำสลัดควรให้ออกรสเปรี้ยวหน่อยจะอร่อย
    - การแช่เย็นผลไม้ต่างๆและน้ำสลัด ทำให้สลัดอร่อยยิ่งขึ้น
    - ใส่เกลือหรือมะนาวลงในน้ำแช่แอ๊ปเปิ้ล จะทำให้เนื้อแอ๊ปเปิ้ลไม่ดำ
    - วิธีผ่าส้มให้เป็นกลีบ ให้ผ่าลงตามรอยแบ่งกลีบของส้ม แล้วดึงเยื่อกั้นระหว่างกลีบส้มออกโดยค่อยๆ ลอกจากด้านในที่ติดกับแกนของลูกออกมา จะได้ส้มที่ไม่ช้ำ ไม่แหลก
    - สำหรับน้ำสลัดสูตรโยเกิร์ต ค่อยๆ เติมน้ำมะนาว แล้วชิมรส เพราะโยเกิร์ตมีรสเปรี้ยวอยู่แล้ว
    - ใครขี้เกียจทำน้ำสลัด สามารถใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติแทนได้ แล้วโรยจมูกข้าวและงาดำ กินเป็นอาหารเช้าได้เลย
    - ถ้าชอบให้ออกรสเผ็ด ใส่พริกลงไปได้นิดหน่อย


    ที่มา:
    นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 213

    แหล่งข้อมูล : www.cheewajit.com

    ตอบลบ
  24. น.ส.ทวีพร สัญจรดี รหัส52SP2760006 ตอนเรียน ZA

    ส่วนผสม
    ส้มซันควิกแกะออกเป็นกลีบ 1 ผล
    แอปเปิลเขียวหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ผล
    แอปเปิลแดงหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 ผล
    กีวีหั่นแนวขวาง 2 ผล
    สตรอว์เบอร์รี่ผ่าซีก 4-5 ผล
    องุ่นดำ 1 ช่อ
    ถั่วลิสงคั่วบุบหยาบ 1/2 ถ้วย
    ใบสะระแหน่ปริมาณตามชอบ

    ส่วนผสมน้ำสลัดสูตรโยเกิร์ต ส่วนผสมน้ำสลัดสูตรน้ำส้ม
    โยเกิร์ตรสธรรมชาติไขมันต่ำ 1/2 ถ้วย น้ำส้มคั้น 1/4 ถ้วย
    น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
    น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ มะนาว 1 ช้อนโต๊ะ
    เกลือ 1 ช้อนชา เกลือ 1 ช้อนชา


    วิธีทำ
    - ล้างผลไม้ที่หั่นแล้วในน้ำเกลือ นำไปแช่เย็น
    - เลือกน้ำสลัดสูตรที่ชอบ ผสมทุกอย่างให้เข้ากัน นำไปแช่เย็น
    - จัดผลไม้ใส่จาน ราดน้ำสลัดให้ทั่ว แล้วโรยถั่วลิสงและใบสะระแหน่




    หมายเหตุ : - ผลไม้ที่นำมาทำสลัดควรให้ออกรสเปรี้ยวหน่อยจะอร่อย
    - การแช่เย็นผลไม้ต่างๆและน้ำสลัด ทำให้สลัดอร่อยยิ่งขึ้น
    - ใส่เกลือหรือมะนาวลงในน้ำแช่แอ๊ปเปิ้ล จะทำให้เนื้อแอ๊ปเปิ้ลไม่ดำ
    - วิธีผ่าส้มให้เป็นกลีบ ให้ผ่าลงตามรอยแบ่งกลีบของส้ม แล้วดึงเยื่อกั้นระหว่างกลีบส้มออกโดยค่อยๆ ลอกจากด้านในที่ติดกับแกนของลูกออกมา จะได้ส้มที่ไม่ช้ำ ไม่แหลก
    - สำหรับน้ำสลัดสูตรโยเกิร์ต ค่อยๆ เติมน้ำมะนาว แล้วชิมรส เพราะโยเกิร์ตมีรสเปรี้ยวอยู่แล้ว
    - ใครขี้เกียจทำน้ำสลัด สามารถใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติแทนได้ แล้วโรยจมูกข้าวและงาดำ กินเป็นอาหารเช้าได้เลย
    - ถ้าชอบให้ออกรสเผ็ด ใส่พริกลงไปได้นิดหน่อย


    ที่มา:
    นิตยสารชีวจิตฉบับที่ 213

    แหล่งข้อมูล : www.cheewajit.com

    ตอบลบ
  25. นางสาว กรพินธ์ จิตรมั่น 52SP2760014 ตอนเรียนZA

    ฟองเต้าหู้ห่อผัก
    ส่วนผสม
    ฟองเต้าหู้ 2 แผ่น
    ถั่วงอกเด็ดหาง 1 ถ้วย
    เห็ดหูหนูซอย 1 ถ้วย
    แครอทหั่นฝอย 1 ถ้วย
    ถั่วแขกหั่นเฉียง 1/2 ถ้วย
    ซีอิ๊วขาว 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
    น้ำมันพืชสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ
    น้ำมันพืชสำหรับทอด 4 ถ้วย
    ต้นหอม ใบผักชี ผักสำหรับตกแต่ง

    วิธีทำ
    1. ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ใส่น้ำมันพอร้อน ใส่แครอท ใส่ถั่วแขก เห็ดหูหนู ผัดพอสุก ใส่ถั่วงอก ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาว ผัดพอผักสุกทั่ว ตักใส่ถ้วยสำหรับเป็นไส้
    2. ฟองเต้าหู้พรมน้ำพอนิ่ม ตัดเป็นแผ่นขนาด 5x5 นิ้ว จำนวน 4 แผ่น ใส่ไส้ที่ทำไว้ประมาณ 3 ช้อนโต๊ะ ทาแป้งเปียกพับด้านซ้ายขวา ม้วนให้แน่น ทำจนหมด
    3. ตั้งกระทะใช้ไฟกลางใส่น้ำมันพอร้อน ใส่ฟองเต้าหู้ที่ห่อไว้ ทอดจนสุกเหลือง ตักวางบนกระดาษซับมัน
    4. หั่นเป็นชิ้นพอคำ จัดใส่จาน ตกแต่งด้วยต้นหอมและใบผักชี เสิร์ฟพร้อมซอสพริก

    หมายเหตุ
    ทำแป้งเปียกโดยผสมแป้งสาลี 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำ 3 ช้อนโต๊ะ ตั้งไฟคนจนสุกเหนียว

    สรรพคุณ
    - เต้าหู้ เป็นอาหารที่มีโปรตีนในปริมาณและคุณ ภาพไม่แพ้โปรตีนจากเนื้อสัตว์ จนมีผู้ให้ สมญา นามว่า เนื้อไม่มีกระดูก หรือ โปรตีนแห่งท้องทุ่ง ซึ่งเป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย นอกจากนี้ยังมีไขมันที่มี ความจำเป็นกับร่างกายอีกด้วย และไม่มีคอเลส เตอรอล และมีวิตามิน เกลือแร่ต่างๆ เช่นแคล เซียม ฟอสฟอรัส และเลซิติน ที่ช่วยลด ระดับ คอเลสเตอรอลในเลือด และป้องกันเกล็ด เลือด แข็งตัว ทำให้ลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจ
    - เห็ดหูหนู คุณค่าทางสมุนไพร ช่วยลดความดันโลหิต มีสารต้านมะเร็ง มีวิตามินช่วยในการดูดซึม
    - แครอท สีส้มสดใสสว่างของแครอทช่วยดับความกลัวโรคมะเร็งได้ ใน แครอทมีเบต้า-แคโรทีนที่กำจัดสารก่อนมะเร็งที่อาจมากับควันบุหรี่ หรือแสงแดดแผดจัด สารนี้ป้องกันมะเร็งได้โดยเฉพาะมะเร็ง ในปอด ใครกินผักสด และผลไม้มากสม่ำเสมอ มีสารนี้ใน เลือดมากและใครมีมากก็ไม่ต้องเสี่ยงกับมะเร็งในปอด ลบ ความกลัวด้วยการกินแครอท ผักสดและผลไม้อื่นๆ
    - ผักชี แก้เจ็บคอ ริดสีดวงทวาร
    - ถั่วแขก บำรุงร่างกาย ดับร้อน ขับปัสสาวะ รักษาอาการบวมน้ำได้
    http://www.horapa.com/content.php?Category=Appitizer&No=1027

    ตอบลบ
  26. นายภูริภัทร บุญนิล รหัส 52SP2760028 ตอนเรียน ZA

    อาหารเพื่อสุขภาพ..ผัดผักรวมมิตร


    เครื่องปรุง
    -กุ้งแชบ๊วยหั่นชิ้น 100 กรัม

    -เห็ดฟาง 5 ดอก

    -กะหล่ำปลี 1/4 หัว

    -ผักไผ่หั่นหยาบ 1/2 ถ้วย

    -งาขาวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ

    -พริกแห้งแกะเมล็ดออกแช่น้ำ 3 เม็ด

    -กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ

    -หอมแดงซอย 3 หัว

    -เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

    -น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา

    -น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

    -น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ

    วิธีทำ
    1.ล้างเห็ดฟาง กะหล่ำปลี เฉือนเอาโคนที่สกปรกของเห็ดฟางออก หั่นเป็นชิ้นบางตามยาว กะหล่ำปลีหั่นหยาบๆ

    2. ต้มน้ำให้เดือด ลวกเห็ดฟางและกะหล่ำปลีพอสุก ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ พักไว้

    3. โขลกพริกแห้ง กระเทียม หอมแดง เกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด ผัดกับน้ำมันมะกอกให้หอม ปรุงรสด้วยน้ำตาล

    4. ใส่เนื้อกุ้ง ผัดพอกุ้งสุก ยกลง ใส่น้ำมะนาว เคล้าให้เข้ากันเป็นน้ำยำ

    5. เมื่อจะรับประทาน ใส่ผักลวกลงในอ่างผสม ใส่ผักไผ่และน้ำยา เคล้าเบาๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรงงาขาว เสิร์ฟ

    อ้างอิง -http://www.petsang.com/%E0%B9%80%E0%B8%A1%E0%B8%99%E0%B8%B9%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E/%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%9E%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%AA%E0%B8%B8%E0%B8%82%E0%B8%A0%E0%B8%B2%E0%B8%9E..%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%9C%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%A7%E0%B8%A1%E0%B8%A1%E0%B8%B4%E0%B8%95%E0%B8%A3.html

    ตอบลบ
  27. เมนูสุขภาพ - ข้าวฮางคลุกน้ำพริกเผา
    เครื่องปรุง ข้าวฮางหุงสุกแล้ว 1 ทัพพีพูน น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ เนื้อปลาดุกย่าง 1/2 ตัว ไข่เค็ม 1/2 ลูก กุ้งแห้งปั่น 1 ช้อนโต๊ะ ผักบุ้ง ผักสะเดา เอาไว้แกล้ม

    วิธีทำ คลุกข้าวฮางกับน้ำพริก จัดเครื่องเคียงทุกอย่างลงจาน กินแกล้มกับผักอย่างผักบุ้ง สะเดาผ่านไฟเป็นต้น

    คุณค่า ข้าวฮางมีสารเส้นใยสูงกว่าข้าวขาวอย่างน้อย 3 เท่า การหันมากินข้าวฮางเพื่อป้องกันลำไส้ใหญ่จึงสอดคล้องกับรสนิยมการกินของคนไทย เพียงแต่เปลี่ยนจากกินข้าวขาวมาเป็นข้าวฮางเท่านั้น ลำไส้ใหญ่ของเราก็จะสะอาดเอี่ยม และปลอดจากมะเร็งลำไส้ใหญ่ สะเดาก็เป็นผักพื้นบ้านไทยที่มีสารเส้นใยสูงมาก สูงกว่าผักตลาดทั่ว ๆ ไปถึง 5 เท่า คนไทยโบราณนิยมกินสะเดาเป็นยา จึงไม่ค่อยเป็นโรคนี้

    ที่มา http://article.zubzip.com/?article-เมนูสุขภาพ---ข้าวฮางคลุกน้ำพริกเผา-4434

    ตอบลบ
  28. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  29. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  30. นางสาวรติรมย์ ถมยา 52SP2760047
    เมนูอาหารเพื่อสุขภาพที่อยากแนะนำคือ
    ส้มตำ 18 นางฟ้ากับ 1 นางมารร้าย
    เรามารู้จักสรรพคุณกันก่อน
    - ป้องกันการเกิดมะเร็ง
    - ช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งในร่างกาย
    - ลดไขมันในร่างกาย
    - ควบคุมน้ำหนักตัว
    - ยับยั้งกระบวนการเสื่อมในร่างกายที่เกิดจากอนุมูลอิสระ ชะลอความชรา
    - ใช้เป็นอาหารในเมนูเจได้
    เครื่องปรุง 18 นางฟ้า
    1. สาลี่
    2. แครอท
    3. มะเฟือง
    4. ชมพู่แดง
    5. แก้วมังกร
    6. พุทรายักษ์
    7. แอปเปิ้ลเขียว
    8.สับปะรดกรอบ
    9. มะเขือเทศราชินี
    10. ฝรั่งสาลี่
    11. องุ่นแดง
    12. องุ่นเขียว
    13. แห้วจีนต้ม
    14. สตรอเบอรี่
    15. แอปเปิ้ลแดง
    16. ถั่วลิสงคัด คั่วเอง
    17. มะม่วงมันอมเปรี้ยว
    18. มะละกอดิบหรือห่าม
    กับอีก 1 นางมารร้าย
    1. พริกขี้หนูสวนเม็ดเล็ก
    น้ำปรุงส้มตำ
    1. เกลือ
    2. น้ำผึ้ง
    3. มะนาว
    4. น้ำตาลทราย
    5. มะขามเปียก
    6. น้ำตาลปี๊บอย่างดี
    วิธีทำและเคล็ดลับ
    - เครื่องปรุงทุกชนิิดต้องสดและเป็นชนิดที่กำหนด
    - ล้างให้สะอาด หั่นเป็นลูกเต๋าเท่าๆกัน แช่เย็นรอปรุง
    - ปอกเปลือกเฉพาะที่จำป็นเพราะสารต้านมะเร็งอยู่ที่เปลือกมาก
    - ผลไม้ที่หั่นแล้วดำ ใ้ห้แช่น้ำเย็นปนเกลือเล็กน้อย
    น้ำส้มตำ
    เคี่ยวน้ำตาลปี๊บ น้ำตาลทราย น้ำมะขามเปียก เกลือ ชิมให้รสชาติเข้มข้น เปรี้ยว เค็ม หวาน เมื่อปิดไฟแล้วเติมมะนาวและน้ำผึ้ง เพื่อความหอม น่ารับประทาน ชิมให้แน่ใจในรสชาติที่ต้องการ
    วิธีรับประทาน
    - ตักนางฟ้าทั้ง 18 องค์ องค์ละเท่าๆกัน ลงในชามคลุก
    - เติม 1 มารร้าย ให้เผ็ดเท่าที่ต้องการหรือไม่ใส่ก็ได้
    - ตักน้ำส้มตำปริมาณพอเหมาะ คลุกรวมทั้งหมด
    - เสิร์ฟ รับประทานทันที ไม่คลุกทิ้งไว้

    ที่มาค่ะ http://fic.ifrpd.ku.ac.th/fic/index.php?option=com_content&view=article&id=191:somtum-18-angle&catid=61:food-menu-healty

    ตอบลบ
  31. ไม่ระบุชื่อ3 กรกฎาคม 2553 เวลา 04:40

    นาย อรรถวุฒิ งามสูงเนิน 52SP2760022 ZA

    น้ำงาดำ

    สรรพคุณ :ช่วยรักษาระดับคอเรสเตอรอล ป้องกันไม่ให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแข็งตัว บำรุงประสาท แก้เหน็บชา ลดอาการนอนไม่หลับ ป้องกันอาการท้องผูกและเบื่ออาหาร

    วิธีทำ :นำงาดำป่น งาขาวป่น ถั่วเหลืองป่นผสมน้ำต้มจนเดือด และใส่น้ำตาลทรายแดงสักหน่อย โรยเกลืออีกสักนิด ก็จะได้น้ำงาดำอร่อยๆ อุ่นๆ พร้อมดื่มได้ทุกวัน

    ที่มา:http://www.108health.com/108health/topic_detail.php?mtopic_id=168&sub_name=เมนูอาหารเพื่อสุขภาพ&sub_id=18&ref_main_id=4&mtop_name=5 เมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

    ตอบลบ
  32. นาย ชนก พักตร์ฉัตร์ทัน 52SP2760060 ZA

    ผัดผักสูตรกวางตุ้ง

    ส่วนผสม

    - ผักบุ้งจีน 4 ขีด
    - ถั่วงอก 1 ขีดครึ่ง
    - ขิงดอง 30 กรัม
    - พริกหวานเหลืองและแดง อย่างละ 1 ลูก หั่นเป็นวง
    - กระเทียมสับ 3-4 กลีบ
    - น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
    - น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ
    - แป้งข้าวโพด 1 ช้อนโต๊ะ
    - เกลือ 1 ช้อนชา
    - น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ
    - เหล้าจีนสำหรับปรุงอาหาร

    วิธีทำ

    - เด็ดใบผักบุ้งออกให้หมดเหลือแต่ก้าน นำไปหั่นเป็นท่อนๆ พักไว้ ตั้งกระทะเติมน้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ นำถั่วงอกลงผัด กลับเร็ว ๆ 2-3 ครั้ง เหยาะเหล้าจีน ตักขึ้นพักไว้ ติมน้ำมันอีก 2 ช้อนโต๊ะ นำพริกหวานลงผัด พอสลดตักขึ้นพักไว้ เจียวกระเทียมแล้วนำผักบุ้งลงผัด เติมเกลือ พอสลด ให้ใส่พริกหวาน ขิงดอง และถั่วงอกลงไป เติมเครื่องปรุงอื่นๆ ผัดให้เข้ากัน ยกลงตักเสริ์ฟ

    สรรพคุณ : เหมาะกับผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูง เพราะเป็นอาหารที่มีเส้นใยสูง

    ที่มา : http://www.ecookingfood.com

    ตอบลบ
  33. นายสิทธิชัย ทับเทศ 52SP2760029 ZA

    ไก่นึ่งเห็ดหอม

    ส่วนผสม

    -ไก่ขนาดกลาง
    -เห็ดหอม 25-30 กรัม
    -ขิงสด? 5 กรัม
    -ต้นหอม 2-3 ต้น
    -เครื่องหมักไก่ เช่น น้ำมันงา พริกไทยป่น น้ำตาลทราย ซีอิ้วขาว เหล้าขาว เกลือ
    -แป้งข้าวโพด

    วิธีทำ

    - นำไก่มาหมักด้วยน้ำมันงา พริกไทยป่น 1/3 ช้อนชา น้ำตาลทราย 1/3 ช้อนชา ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ เหล้าขาว 1 ช้อนชา แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา คลุกเคล้าให้ทั่ว ทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที จากนั้นให้นำเห็ดหอมพร้อมขิงสดที่หั่นบาง ๆ วางเรียงลงไป เติมน้ำเปล่าหรือน้ำซุป แล้วนำไปนึ่งประมาณ 20 นาที เปิดฝาแล้วโรยต้นหอมและขิงซอยนึ่งต่ออีก 2 นาที

    สรรพคุณ : ช่วยบำรุงกระเพาะ ม้าม และเลือดลม นอกจากนี้ยังช่วยฟื้นฟูกำลังอีกด้วย

    ที่มา : http://www.ecookingfood.com/category/%e0%b8%ad%e0%b8%b2%e0%b8%ab%e0%b8%b2%e0%b8%a3%e0%b9%80%e0%b8%9e%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%aa%e0%b8%b8%e0%b8%82%e0%b8%a0%e0%b8%b2%e0%b8%9e/

    ตอบลบ
  34. นาย วัชกร อุดมกฤตยา 52SP2760043 ZA

    น้ำฟักทอง

    แนะนำส่วนผสมของน้ำฟักทอง

    1.ฟักทองนึ่งสุก 1 ถ้วย
    2.น้ำสะอาด 3 ถ้วย
    3.น้ำตาลทราย 100 กรัม หรือน้ำเชื่อม 1 ถ้วยตวง
    4.เกลือป่น

    วิธีทำ

    ปอกเปลือกฟักทอง นึ่งให้สุก ใส่เครื่องปั่นเติมน้ำ ปั่นให้ละเอียด เทใส่ภาชนะนำไปตั้งไฟ เติมน้ำตาลทราย เกลือป่น ชิมรสตามใจชอบ กรองด้วยผ้าขาวบางใส่หม้อตั้งไฟพอเดือด ยกลง จะได้น้ำฟักทองสีเหลือง มีรสหวานมัน เทใส่ขวด นำไปแช่เย็น หรือนำฟักทองไปนึ่งให้สุก แล้วนำมาใส่เครื่องปั่น เติมน้ำ แล้วปั่นให้ละเอียด นำไปตั้งไฟต้มจนเดือด เติมน้ำเชื่อม และเกลือลงไป ชิมรส เมื่อได้รสชาติตามชอบแล้วยกลงกรองด้วยผ้าขาวบาง เราก็จะได้น้ำฟักทองสีเหลืองน่ารับประทาน
    คุณค่าทางโภชนาการ

    1.เนื้อฟักทอง มีวิตามินเอสูงมาก มีฟอสฟอรัส แคลเซียม วิตามินซี แป้ง สารสีเหลืองและโปรตีน
    2.ใบอ่อน มีวิตามินเอสูงเท่ากับเนื้อฟักทอง มีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูงกว่าในเนื้อ
    3.ดอก มีวิตามินเอ ธาตุแคลเซียมและฟอสฟอรัส มีวิตามินซีเล็กน้อย
    4.เมล็ด มีน้ำมัน แป้ง ฟอสฟอรัส โปรตีนและวิตามิน

    สรรพคุณ
    1.เมล็ด ขับพยาธิตัวตืด ขับปัสสาวะ และบำรุงร่างกาย
    2.ราก บำรุงร่างกาย แก้ไอ ถ่อนพิษของฝิ่น
    3.น้ำมันจากเมล็ด บำรุงประสาท
    4.เยื่อกลางผล พอกแก้ฟกช้ำ แก้ปวดอักเสบ

    ที่มา : http://www.108health.com

    ตอบลบ
  35. นาย ธฤต อมาตยกุล 52SP2760041 ZA

    กุ้งกระเทียมผิดพริกขี้หนู

    พริกขี้หนู เป็นพริกเม็ดเล็กๆ แต่เวลานำเอามาปรุงเป็นอาหาร จะมีรสชาติและกลิ่นหอม
    มากกว่าพริกเม็ดใหญ่ๆ ยิ่งเม็ดเล็กก็ยิ่งมีรสและกลิ่นมากขึ้น จึงกลายมาเป็นคำเปรียบเทียบว่า
    ถึงเล็กก็เล็กพริกขี้หนู ยิ่งเอามาผัดคู่กับกระเทียมด้วยแล้ว กลิ่นรสยิ่งชวนชิมมากขึ้น
    อาหารที่กินคู่กับข้าวกล้องวันนี้ก็เลยเป็นกุ้งกระเทียมผัดพริกขี้หนู

    ส่วนผสม

    1. กุ้งชีแฮ้ย่างไฟพอสุก 2 ขีด
    2. เห็ดหอมสด 1 ขีด
    3. กระเทียมบุบพอแตก 10 กลีบ
    4. พริกขี้หนูบุบพอแตก 10 เม็ด
    5. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
    6. น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา
    7. น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
    8. น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ

    วีธีทำ

    1. แกะเปลือกกุ้งที่ย่างแล้ว ฉีกเป็นชิ้นพอคำ แล้วพักไว้ เห็ดหอมสดผ่าครึ่ง ล้างให้สะอาด
    2. เจียวกระเทียมและพริกขี้หนูในน้ำมันพอหอม ใส่กุ้งและเห็ดหอมลงผัด
    เติมน้ำปลาและน้ำตาลทรายแดง เติมน้ำเปล่า ลงผัดให้เข้ากัน คนอีกครั้ง ตักขึ้นใส่จาน
    กินกับข้าวกล้องร้อนๆ

    กุ้งผัดกระเทียมจานนี้จะมีกลิ่นหอมมากกว่าธรรมดา เพราะว่าเราใช้กุ้งย่างแทนกุ้งสด

    สรรพคุณ

    กระเทียม – ช่วยลดคอเลสเตอรอล ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
    พริกขี้หนู – มีสารเบต้าแคโรทีน ช่วยขับเหงื่อ ปัสสาวะ เจริญอาหาร ทำให้หลอดเลือดอ่อนตัว
    ช่วยป้องกันโรคหัวใจ เลือดไหลหมุนเวียนดี ลดความดันเลือด
    เห็ดหอม – สามารถยับยั้งโรคมะเร็ง
    กุ้ง – เพิ่มน้ำนม
    ข้าวกล้อง – มีวิตามินบี 1 บี 2 ป้องกันเหน็บชา

    ที่มา : skr.ac.th

    ตอบลบ
  36. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  37. นางสาววัลลภา ศิริสุวรรณ 52SP2760003 (ZA)

    เมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ
    น้ำสมุนไพรนั้นมีรสชาติที่อร่อยตามธรรมชาติ ให้คุณค่าและประโยชน์ต่อร่างกายโดยตรง มีผลต่อระบบการย่อยอาหาร เจริญอาหาร ให้พลังงาน ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง ร่างกายกระชุ่มกระชวย และอุดมไปด้วย วิตามิน เกลือแร่ นอกจากนี้ ยังช่วยบำรุงเส้นผม ควบคุมไขมันส่วนที่เกิน ทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีประโยชน์มากมาย

    น้ำตำลึง
    ใบตำลึง 20 กรัม
    น้ำเชื่อม 30 กรัม
    น้ำมะนาว 10 กรัม
    น้ำต้มเปล่าสุก 200 กรัม
    เกลือป่นเสริมไอโอดีน 1 กรัม

    วิธีทำ
    นำใบตำลึงมาล้างให้สะอาดแล้วหั่นใส่เครื่องปั่น ใสน้ำต้มครึ่งหนึ่ง ปั่นให้ละเอียด นำไปกรอง ใส่น้ำที่เหลือคั้นเอา แต่น้ำ นำน้ำที่ได้ไปใส่เกลือ น้ำมะนาว น้ำเชื่อม ชิมรสตามใจชอบ

    คุณค่าทางอาหาร
    ให้วิตามินเอสูงมาก ซึ่งช่วยบำรุงสายตา มีแคลเซี่ยมและฟอสฟอรัส ช่วยบำรุงกระดูกและวิตามินซี ป้องกันเลือดออกตาม ไรฟัน

    คุณค่าทางยา
    นำใบมาตำให้ละเอียด แก้อาการแพ้ อาการอักเสบ แมลงกัดต่อย ช่วยป้องกันโลหิตจาง โรคมะเร็ง และหัวใจขาดเลือด


    ชาตะไคร้

    เครื่องปรุง
    - ตะไคร้ 3 ต้น
    - ใบเตยหอม 3 ใบ
    วิธีทำ
    ล้างตะไคร้ให้สะอาด ทุบพอแตก หั่นเป็นท่อนๆ ใบเตยหอมล้างให้สะอาด ขยำพอช้ำ หั่น คั่ว ใส่ลงต้ม 5 นาที

    สรรพคุณ
    ใช้แก้ท้องอืดเฟ้อ แน่นจุกเสียด ทั้งยังขับปัสสาวะสำหรับผู้ที่มีอาการขัดเบา แม้ไม่ถึงกับมีอาการบวมแขนขาก็ตาม น้ำมันตะไคร้ยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย จึงช่วยให้ทางเดินอาหารและทางเดินหายใจส่วนบนสะอาด ป้องกันหวัดได้

    ที่มา: http://www.horapa.com/

    ตอบลบ
  38. นายวนศักดิ์ กสิณศักดิ์ ID 52SP2760054

    "สูตรสมุนไพรบำรุงหัวใจ"

    ๑.ใบเตยหอม
    ๒.ต้นผักชีล้อม
    ๓.ต้นลิ้นมังกร

    เอามาอย่างละ๑กำมือมาต้มรวมกัน ดื่มแล้ว
    จะทำให้ชื่นใจ ชุ่มคอบรรเทาอาการแน่น
    หน้าอกได้เป็นอย่างดี ทำให้หัวใจเต้นได้
    เป็นปกติ

    แหล่งข้อมูล
    -วิสิทธิ์พร เปล่งขำ"มะเร็งร้าย หายด้วย
    ธรรมชาติบำบัด"๒๕๕๓

    ตอบลบ
  39. นางสาว สุภาพรรณ อาภานันท์
    รหัส 52SP2760037 [ZA]

    ''ข้าวต้มปลาข้าวกล้องกับตังโอ๋''

    ส่วนผสม
    ข้าวกล้องไร่หรือ ข้าวกล้อง 1/2 ถ้วย
    น้ำเปล่าประมาณ 4-5 ถ้วย
    เนื้อปลาช่อนลอก หนังออกหั่นเป็นชิ้นพอคำลวก 200 กรัม
    กุ้งแห้ง 8-10 ตัว
    ตังโอ๋ ประมาณ 1 ถ้วย
    ซีอิ๊วประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะ
    พริกไทย กระเทียมเจียว ต้นหอม ขึ้นฉ่าย สำหรับโรยหน้า

    วิธีทำ
    ต้ม ข้าวกล้องพอเดือดแล้วหรี่ไฟลงจนข้าวเริ่มสุกนิ่ม (ประมาณ 1 ชั่วโมง) ใส่เนื้อปลาที่ลวกไว้และตังโอ๋จนเดือด ปรุงรสด้วยซีอิ้ว ชิมรสตามชอบ ตักใส่ชามก่อนเสิร์ฟโรยกระเทียมเจียว ต้นหอม ขึ้นฉ่ายและพริกไทย รับประทานร้อนๆ

    ที่มา : http://thai-sle.com/smf/index.php?topic=1717.0

    ตอบลบ
  40. นายยุทธศักดิ์ อริยะชัยประดิษฐ์ 52SP2760007

    ส้มตำกรอบ
    ส่วนผสมมะละกอทอด
    มะละกอขูดเส้น 1 ถ้วยตวง
    แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ
    แป้งมันสำปะหลัง 1 ช้อนโต๊ะ
    น้ำมันพืชสำหรับทอด 1-2 ถ้วยตวง
    น้ำเย็นเล็กน้อย

    ส่วนผสมส้มตำ
    ถั่วฝักยาวหั่นท่อน 1 นิ้ว 10 ท่อน
    มะเขือเทศสีดาหั่นชิ้น 3 ลูก
    กุ้งแห้ง 1 ช้อนโต๊ะ
    เมล็ดมะม่วงหิมพานต์อบ 10 เม็ด
    พริกขี้หนู 2 เม็ด
    กระเทียม 4 กลีบ
    น้ำปลา 3 1/2 ช้อนชา
    น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ช้อนโต๊ะ
    น้ำมะนาว 3 1/2 ช้อนชา

    วิธีทำ
    1. ผสมแป้งข้าวเจ้า แป้งมันสำปะหลังเข้าด้วยกัน ใส่เส้นมะละกอลงคลุกเคล้ากับแป้ง
    2. เติมน้ำเย็นลงในแป้งพอแป้งจับตัวกับเส้นมะละกอ
    3. ตั้งน้ำมันให้ร้อน ใส่เส้นมะละกอลงทอดให้เหลืองกรอบ ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน
    4. โขลกพริกขี้หนู กระเทียมพอแหลก ใส่ถั่วฝักยาว มะเขือเทศโขลกให้พอช้ำๆ ปรุงรสด้วยน้ำปลา น้ำตาลปี๊บ น้ำมะนาว คลุกเคล้าให้เข้ากัน
    5. จัดมะละกอทอดใส่จาน ราดด้วยน้ำยำส้มตำ โรยหน้าด้วยกุ้งแห้ง เมล็ดมะห่วงหิมพานต์ พร้อมจัดเสิร์ฟ

    หมายเหตุ
    การคลุกแป้งกับเส้นมะละกอไม่ควรคลุกมากหรือน้อยเกินไป จะทำให้ความกรอบของเส้นมะละกอไม่ดี

    ที่มา http://www.horapa.com/content.php?Category=Thai&No=856

    ตอบลบ
  41. สลัดผักสีทอง

    นางสาว ธนาภรณ์ จิระชาญชัยศิริ 52SP2760040 ZA

    ส่วนประกอบ

    1.ผักกาดแก้ว 2.ผักกาดหอม 3.ใบคะน้า 4.ใบหยิก 5. พริกหวานเขียว,แดง และเหลือง6. มะเขือม่วงลูกใหญ่7. สับปะรด
    8.เห็ดหอมสด 9.ซูกินี 10. หอมใหญ่ 11.มะเขือเทศดอยคำเลือกห่ามๆ 12.แตงกวาญี่ปุ่น 13.เห็ดเป๋าฮื้อ 14. ซอสมะเขือเทศ
    15.มายองเนสรสเปรี้ยว16. แป้งทอดกรอบ 17.แป้งสาลี 18.น้ำมันสำหรับทอด

    วิธีทำ

    1. ผักกาดแก้ว ผักกาดหอม ใบคะน้า ใบหยิก ล้างนำเด็ดเป็นใบๆ ผึ่งให้สะเด็ดน้ำ มะเขือม่วงหั่นเป็นแผ่น
    แช่นำผสมนำมะนาวเพื่อป้องกันการดำ พริกหวานเขียว,แดง และเหลืองหั่นเป็นแว่น ซูกินีหั่นเป็นแผ่น
    หอมใหญ่หั่นเป็นแว่นตามขวาง มะเขือเทศดอยคำหั่นเป็นแว่นตามขวาง เห็ดหอมเลือกดอกกลางๆ เห็ดเป๋าฮื้อฉีกเป็นแผ่น
    2. นำผักต่างๆ คลุกแป้งสาลีแห้งก่อนแล้วนำไปจุ่มในแป้งทอดกรอบ
    ที่ผสมไว้ค่อนข้างข้น แล้วนำไปทอดให้เหลืองกรอบ ทอดผักทีละชิ้น วางให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จานเสริร์ฟกับแตงกวาญี่ปุ่น สับปะรด
    ซอสมะเขือเทศ และน้ำมายองเนส

    ประโยชน์

    เป็นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระ หรือ ต้านการเป็นโรคมะเร็งในปริมาณ
    ที่สูง และยังช่วยในการชำระร่างกายโดยการกำจัดสารพิษที่ตกค้างในร่างกาย

    http://www.skr.ac.th/Work_M5/food_health/gs/gs.html

    ตอบลบ
  42. นางสาว ธนาภา เซี่ยงฉิน รหัส52SP2760039 [Za]
    เมนูเพื่อสุขภาพ สำหรับผู้ไม่อยากบริโภคแป้ง
    ซอสสปาเก็ตตี้ราดผักต้ม
    ส่วนประกอบ
    - ผัดนานาชนิดที่ต้องการนำมาต้ม ที่ใช้คือ
    - บล็อกโครี่ 1 หัว
    - แครอทชิ้นเล็กๆบางๆหรือจะหั่นแบบลูกเต๋าก็ได้ 1 หัว(เรียกอะไรลืม )
    - กะหล่ำปลีซอย 1 /4 หัว
    - ข้าวโพดอ่อนหั่น ชิ้นยาวๆเล็กๆ ถุง 3 ขีด
    - มะเขือเทศ หั่นขนาดลูกเต๋า 3 ลูกใหญ่
    - ใบออริกาโน่ป่น(มีขายขวดเล็กๆ ขวดละ 30 บาทได้)
    - เนื้อไก่สด 2 ขีด


    เครื่องปรุง
    - ซอสมะเขือเทศ
    - ซีอิ้วขาว
    - น้ำตาลทราย


    วิธีทำ

    1. นำผักทั้งหมดต้ม (ลวกทีละอย่างก็ได้ น้ำเดือดก็ใส่ จนสุกก็เอาขึ้น )เอาขึ้นพักไว้ ใส่เกลือในน้ำต้มผักด้วย หลังจากเอาขึ้นราดด้วยน้ำเย็นอีกทีจะได้ไม่เหี่ยว
    2. ปรุงซอสสปาเก็ตตี้ เจียวกระเทียมจนหอมก็ใส่ไก่ลงไปผัดจากนั้นตามด้วยซอสมะเขือเทศ ปรุงรสตามใจชอบด้วย ซีอิ๊วขาว น้ำตาลทราย
    3. ใส่มะเขือเทศอย่างสุดท้าย(จะได้ไม่เละ) ใส่ใบออริกาโน่ป่นลงไป
    4. นำผักต้มใส่จาน ราดด้วยซอสสปาเก็ตตี้ โรยหน้าด้วยใบออริกาโน่ป่น ใครชอบเผ็ดนิดๆก็ตามด้วยพริกป่น

    ตอบลบ
  43. ที่มา:http://www.annisaa.com/forum/index.php?topic=101.0

    ตอบลบ
  44. นางสาวธอดารัตน์ นาคาพงษ์ 52SP2760005

    กุ้งกระเทียมผัดพริกขี้หนู


    พริกขี้หนู เป็นพริกเม็ดเล็กๆ แต่เวลานำเอามาปรุงเป็นอาหาร จะมีรสชาติและกลิ่นหอม
    มากกว่าพริกเม็ดใหญ่ๆ ยิ่งเม็ดเล็กก็ยิ่งมีรสและกลิ่นมากขึ้น จึงกลายมาเป็นคำเปรียบเทียบว่า
    ถึงเล็กก็เล็กพริกขี้หนู ยิ่งเอามาผัดคู่กับกระเทียมด้วยแล้ว กลิ่นรสยิ่งชวนชิมมากขึ้น
    อาหารที่กินคู่กับข้าวกล้องวันนี้ก็เลยเป็นกุ้งกระเทียมผัดพริกขี้หนู

    ส่วนผสม
    1. กุ้งชีแฮ้ย่างไฟพอสุก 2 ขีด
    2. เห็ดหอมสด 1 ขีด
    3. กระเทียมบุบพอแตก 10 กลีบ
    4. พริกขี้หนูบุบพอแตก 10 เม็ด
    5. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
    6. น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา
    7. น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
    8. น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ

    วิธีทำ

    1. แกะเปลือกกุ้งที่ย่างแล้ว ฉีกเป็นชิ้นพอคำ แล้วพักไว้ เห็ดหอมสดผ่าครึ่ง ล้างให้สะอาด
    2. เจียวกระเทียมและพริกขี้หนูในน้ำมันพอหอม ใส่กุ้งและเห็ดหอมลงผัด
    เติมน้ำปลาและน้ำตาลทรายแดง เติมน้ำเปล่า ลงผัดให้เข้ากัน คนอีกครั้ง ตักขึ้นใส่จาน
    กินกับข้าวกล้องร้อนๆ

    สรรพคุณ
    กระเทียม - ช่วยลดคอเลสเตอรอล ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
    พริกขี้หนู - มีสารเบต้าแคโรทีน ช่วยขับเหงื่อ ปัสสาวะ เจริญอาหาร ทำให้หลอดเลือดอ่อนตัว
    ช่วยป้องกันโรคหัวใจ เลือดไหลหมุนเวียนดี ลดความดันเลือด
    เห็ดหอม - สามารถยับยั้งโรคมะเร็ง
    กุ้ง - เพิ่มน้ำนม
    ข้าวกล้อง - มีวิตามินบี 1 บี 2 ป้องกันเหน็บชา

    ที่มา:http://www.skr.ac.th/Work_M5/food_health/sgs/sgss.html

    ตอบลบ
  45. นาย ณัฐพล โตมี 52SP2760035

    ชาตะไคร้
    เครื่องปรุง
    - ตะไคร้ 3 ต้น
    - ใบเตยหอม 3 ใบ
    วิธีทำ
    ล้างตะไคร้ให้สะอาด ทุบพอแตก หั่นเป็นท่อนๆ ใบเตยหอมล้างให้สะอาด ขยำพอช้ำ หั่น คั่ว ใส่ลงต้ม 5 นาที

    สรรพคุณ
    ใช้แก้ท้องอืดเฟ้อ แน่นจุกเสียด ทั้งยังขับปัสสาวะสำหรับผู้ที่มีอาการขัดเบา แม้ไม่ถึงกับมีอาการบวมแขนขาก็ตาม น้ำมันตะไคร้ยังมีฤทธิ์ฆ่าเชื้อราและแบคทีเรีย จึงช่วยให้ทางเดินอาหารและทางเดินหายใจส่วนบนสะอาด ป้องกันหวัดได้

    ที่มา www.horapa.com

    ตอบลบ
  46. นาย ภัทรพงศ์ วาศไชยพงศ์ 52SP2760033

    น้ำมะเขือเทศปั่น
    ประโยชน์ มะเขือเทศมีวิตามิน A B C ฟอสฟอรัส แคลเซียม และเหล็ก ช่วยให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น ช่วยระบายและฟอกเลือดบำรุงหัวใจ

    ส่วนผสม
    มะเขือเทศ 1/2 กิโลกรัม
    น้ำเชื่อม 1 ถ้วย
    น้ำต้มสุก 2 ถ้วย
    เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
    น้ำแข็งป่น

    วิธีทำ
    1. นำมะเขือเทศต้มสุก และปอกเปลือกผ่าครึ่ง
    2. หลังจากนั้นนำมะเขือเทศที่ได้ใส่ลงในโถเครื่องปั่นพร้อมน้ำต้มสุก น้ำเชื่อม เกลือ และน้ำแข็งปั่นให้ละเอียด
    3. เมื่อปั่นละเอียดแล้วเทใส่แก้วพร้อมดื่มได้ทันที

    www.horapa.com

    ตอบลบ
  47. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  48. นายธนพล โพธิ์ทอง 52SP2760004

    5 เมนูเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ

    1.น้ำลูกเดือยทรงเครื่อง
    สรรพคุณ : ช่วยขับปัสสาวะ ช่วยเจริญอาหารบำรุงกระดูก บำรุงสายตา
    วิธีทำ : นำลูกเดือยและข้าวมันปูกล้องต้มจนเปื่อย แล้วปั่นรวมกัน จากนั้นก็กรองแยกกากออก โรยเกลือเล็กน้อย ก่อนเสิร์ฟนำไปแช่ตู้เย็นให้เย็น หรือดื่มตอนอุ่นๆ ก็ได้

    2.น้ำงาดำ
    สรรพคุณ :ช่วยรักษาระดับคอเรสเตอรอล ป้องกันไม่ให้เกิดหลอดเลือดอุดตัน หรือหลอดเลือดแข็งตัว บำรุงประสาท แก้เหน็บชา ลดอาการนอนไม่หลับ ป้องกันอาการท้องผูกและเบื่ออาหาร
    วิธีทำ :นำงาดำป่น งาขาวป่น ถั่วเหลืองป่นผสมน้ำต้มจนเดือด และใส่น้ำตาลทรายแดงสักหน่อย โรยเกลืออีกสักนิด ก็จะได้น้ำงาดำอร่อยๆ อุ่นๆ พร้อมดื่มได้ทุกวัน

    3.โอวัลตินปั่นวุ้นธัญพืช
    สรรพคุณ :ในโอวัลตินไฟว์เกรนส์จะมีส่วนผสมของธัญพืชทั้ง 5 ชนิดที่เข้าไปช่วยรักษาสมดุลในร่างกายให้แข็งแรงและสดใส ส่วนลูกเดือยต้มสุกก็มีฤทธิ์เป็นยาเย็น ช่วยแก้ร้อนใน ถั่วเหลืองก็ช่วยลดคอเรสตอรอลและป้องกันโรคหัวใจได้
    วิธีทำ :นำโอวัลตินแบบผงหรือโอวัลตินไฟว์เกรนส์มาชงใส่นมข้นหวานแล้วปั่น จากนั้นก็นำวุ้นธัญพืช (ผงวุ้นสำเร็จรูปต้มกับน้ำ แล้วเติมธัญพืช) มาตัดเป็นชิ้นแล้วใส่ลงไปในแก้ว

    4.สมูธตี้โยเกิร์ตจมูกข้าวสาลี
    สรรพคุณ :โยเกิร์ตและผลไม้ที่ใช้เป็นแหล่งรวมวิตามินทั้งบีและซี ป้องกันโรคหลอดเลือดหัวใจ ช่วยรักษาสุขภาพลำไส้ใหญ่ จมูกข้าวสาลีมีใยอาหารป้องกันท้องผูก และมีวิตามินอี ซึ่งสามารถป้องกันโรคต้อกระจก
    วิธีทำ :จมูกข้าวสาลีผง โยเกิร์ตรสธรรมชาติหรือรสผลไม้รวม น้ำส้มคั้น กล้วยหอม น้ำผึ้งแทนหรือน้ำตาลทรายแดง และน้ำแข็ง นำมาปั่นรวมกัน

    5.น้ำเต้าหู้ผสมเต้าฮวยธัญพืช
    สรรพคุณ :ช่วยในการขับถ่าย ป้องกันมะเร็งทางเดินอาหาร และในถั่วเหลืองจะมีเลซิทิน ซึ่งเป็นสารบำรุงสมอง เพิ่มความจำ ลดไขมัน และลดคอเรสเตอรอลในร่างกาย
    วิธีทำ : นำถั่วเหลืองบดด้วยเครื่องพร้อมกับน้ำเปล่า กรองกากออก นำน้ำนมที่ได้ตั้งไฟอ่อนๆ เติมเกลือเล็กน้อย คนเรื่อยๆ แล้วเติมน้ำตาลตามใจชอบ จากนั้นก็เทใส่เต้าฮวยธัญพืช (ผงเต้าฮวยสำเร็จรูปทำตามขั้นตอนแล้วเติมธัญพืชที่ชอบก่อนที่จะจับตัวเป็นวุ้น) ที่ตัดเป็นแบ่งเป็นชิ้นเล็กๆ ลงไปในแก้วน้ำเต้าหู้ ได้ทั้งน้ำได้ทั้งเนื้อ อิ่ม!

    ตอบลบ
  49. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  50. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  51. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  52. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  53. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  54. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  55. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  56. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  57. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  58. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ
  59. นางสาวอุไรวรรณ เอี่ยมพงษ์ 52SP2760051 (ZA)
    ข้าวโอ๊ตนมสด
    ข้าวโอ๊ตเป็นอาหารที่คนอังกฤษชอบรับประทาน ข้าวโอ๊ตมีโปรตีนและไขมันสูง เพราะยังมีจมูกข้าวอยู่ แต่ก็เกิดกลิ่นเหม็นหืนได้ง่าย ก่อนบรรจุกล่องขายจึงต้องนึ่งก่อน เวลาซื้อข้าวโอ๊ตมาปรุงจึงสุกง่าย
    ข้าวโอ๊ตยังมีใยอาหารสูง ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ เมื่อนำมาปรุงกับนม กับผลไม้แห้งต่าง จึงได้อาหารเช้าปรุงง่าย ที่มีคุณค่าทางอาหารอยู่เต็มเปี่ยม
    ส่วนผสม
    ข้าวโอ๊ต 3/4 ถ้วย
    นมสดพร่องมันเนย 1 ถ้วย
    งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
    น้ำตาลทราย (ถ้าชอบหวาน) 1-2 ช้อนโต๊ะ
    เกลือเล็กน้อย
    ผลไม้แห้ง เช่น กล้วยตาก ลูกพรุน ลูกเกด ตามชอบ
    วิธีทำ
    1. ผสมข้าวโอ๊ตกับนมในหม้อ ใส่ผลไม้แห้งหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เหยาะเกลือเล็กน้อย
    2. นำหม้อขึ้นตั้งไฟอ่อน เขย่าเบาๆ พอข้นยกลง ตักใส่ชามเสิร์ฟ โรยงาขาวให้ทั่ว
    http://www.skr.ac.th/Work_M5/food_health/milk_oat/milk_oat.htm

    ตอบลบ
  60. ไม่ระบุชื่อ6 ธันวาคม 2553 เวลา 23:38

    ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ