วันพฤหัสบดีที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2553
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
blog นี้จัดทำขึ้นโดย ดร.สิรวัลภ์ เรืองช่วย ตู้ประกาย หลักสูตรการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต เพื่อเป็นอีกช่องทางหนึ่งในการสื่อสารกับนักศึกษา
ข่าวมลพิทางอากาศ ของ นางสาวเสาวลักษณ์ ฤกษ์อรุณวิทยา รหัส 51116603029 จีนเตือนประชาชนระวังภัยพายุทราย
ตอบลบฝุ่นทรายที่พัดจากทะเลสาบโกบีได้ปกคลุมท้องฟ้าเมืองจีนจนทางการต้องออกมาเตือนประชาชนให้หลีกเลี่ยงออกนอกบ้าน ด้านทางการฮ่องกงแถลงเตือนดัชนีมลพิษทางอากาศสูงขึ้นเป็นประวิติการณ์สูงกว่าระดับมาตรฐานที่จำเป็นต้องออกคำเตือนอันตรายถึง 2 เท่า
ข่าวมลพิษทางอากาศ โดย อันธิกา ไทยเอียด 51116603033
ตอบลบกรมควบคุมมลพิษเผยไม่พบปริมาณมลพิษอากาศเกินปริมาณมาตรฐานในพื้นที่ กทม..ในช่วงที่มีการเผายางรถยนต์ของกลุ่ม นปช. แต่ไม่ได้หมายความว่าการเผายางรถยนต์จะไม่เกิดปัญหา จึงฝากเตือนประชาชนที่ต้องการรองน้ำฝนไว้ใช้อุปโภคบริโภคช่วงนี้ ขอให้ทิ้งช่วงให้น้ำฝนชะล้างเขม่าที่เกิดจากการเผายางรถยนต์ประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะรองน้ำไว้ใช้ตามปกติเพราะเขม่าดังกล่าวอาจเป็นอันตรายได้เมื่อบริโภคเข้าไป
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2553 10:04:54 น.
ข่าวมลพิษอากาศของ นางสาว น้ำทิพย์ เรืองอร่าม รหัส 51116603041
ตอบลบชุมชนในอำเภอเชียงดาว จังหวัดเชียงใหม่ ได้หันมาสร้างระบบก๊าซชีวภาพ เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศ ที่เกิดจากกลิ่นของมูลสุกรของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้จำนวนมากแล้วส่งกลิ่นเหม็น ปล่อยก๊าซมีเทนและก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นแก๊สเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ ซึ่งผู้ใหญ่บ้านสมศักดิ์ ปวงลังกา ได้ใช้งบประมาณมาสร้างระบบก๊าซชีวภาพขนาดกลางทำให้ฟาร์มสามารถผลิตก๊าซชีวภาพได้และนำมาใช้เป็นก๊าซหุงต้ม ให้ชาวบ้านใช้กันทำให้ชาวบ้านประหยัดพลังงานและช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศได้และส่งผลดีต่อสภาพแวดล้อมด้วย
แหล่งที่มาของข้อมูลข่าว หนังสือพิมพ์บ้านเมือง วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม 2553
ตอบลบข่าวของเสาวลักษณ์ ที่มา http;//news.thaider.com วันอังคารที่ 23 มีนาคม 2553 ค่ะ
ตอบลบน.ส.ธนาภรณ์ ศรีบุระ รหัส 51116603030
ตอบลบข่าวมลพิษทางอากาศ
สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมฮ่องกง เปิดเผยว่า มลพิษทางอากาศตามท้องถนนของฮ่องกง อยู่ในระดับที่สูงมาก ที่ 3 ทำเล ได้แก่ เซ็นทรัล ดิสทริค ที่ดัชนีมลพิษ ซึ่งเป็นดัชนีวัดคุณภาพอากาศในวันนี้ อยู่ที่ 117 ส่วนย่านคอสเวย์ เบย์ อยู่ที่ 119 และหม่งก๊ก ที่ 113 จากการตรวจวัดเมื่อเวลา 8.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นวันนี้ ส่งผลให้รัฐบาลออกมาเตือนประชาชนที่เป็นโรคหัวใจและโรคปอด หลีกเลี่ยงการอยู่ในบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่นเป็นเวลานาน โดยตัวเลขดัชนีที่สูงกว่า 100 นั้น บ่งชี้ว่า ผู้ที่เป็นโรคหอบหืดและโรคหัวใจ อาจจะมี อาการกำเริบขึ้นมาได้ และควรลดการออกกำลังกาย และทำกิจกรรมกลางแจ้ง ด้านนายเอ็ดเวิร์ด เหยา รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมฮ่องกง เปิดเผยว่า ฮ่องกงกำลังเร่งพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนรถโดยสารเก่า รวมทั้ง การเปลี่ยนเส้นทางเดินรถ และจัดตั้งเขตพื้นที่ ที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในระดับต่ำ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งคาดว่า จะเลิกใช้งานรถโดยสารรุ่นเก่าๆ ได้ภายในปี พ.ศ. 2562
ศุกร์ที่ 19 มีนาคม พ.ศ. 2553 07:21 น. ที่มาhttp://www.newswit.net/read/988679.html
นางสาวจันทัปปภา เรียงสูง รหัส 51116603022 หลักสูตร การจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
ตอบลบสิงคโปร์รั้งอันดับ 1 เมืองน่าอยู่ของเอเชีย นำหน้าโตเกียว ฮ่องกง
สิงคโปร์ยังคงรักษาตำแหน่งเมืองที่มีคุณภาพชีวิตดีที่สุดในเอเชียได้อีกหนึ่งสมัย โดยนำหน้าศูนย์กลางการเงินที่เป็นคู่แข่งรายสำคัญอย่าง ฮ่องกง ที่เผชิญปัญหามลพิษทางอากาศ
ผลการสำรวจ Mercer 2010 Quality of Living Survey ที่จัดทำโดยเมอร์เซอร์ คอนซัลติ้ง เพื่อเป็นแนวทางสำหรับรัฐบาลและบริษัทข้ามชาติในการจ่ายเงินชดเชยให้กับลูกจ้างที่ถูกย้ายไปทำงานต่างถิ่น ระบุว่า สิงคโปร์รั้งอันดับที่ 28 จากทั้งหมด 221 เมืองทั่วโลก โตเกียวอยู่ในอันดับที่ 40 และฮ่องกงรั้งอันดับ 71 โดยการจัดอันดับดังกล่าวพิจารณาจากปัจจัย 10 ข้อ อาทิ สาธารณูปโภคและโครงสร้างพื้นฐาน ปัจจัยแวดล้อมทางการเมืองและสังคม และการเข้าถึงการดูแลรักษาทางการแพทย์ เป็นต้น
ที่มา : ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พุธที่ 26 พฤษภาคม 2553 14:42:00 น.
http://www.ryt9.com/s/iq01/907503
นางสาว ประภรณ์ สันเพ็ง รหัส 51116603031
ตอบลบหลักสูตร การจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองแลอุตสาหกรรม
"ญี่ปุ่นยันร่วมมือจีนใช้มาตรการแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ"
รัฐมนตรีกระทรวงสิ่งแวดล้อมยันจะร่วมมือกับจีนในการใช้มาตรการเพื่อรับมือกับมลพิษทางอากาศในช่วงฤดูใบไม้ผลินี้ เนื่องจากหมอกควันที่พบมากขึ้นในญี่ปุ่นอาจจะมาจากมลพิษบริเวณพรมแดนของ 2 ประเทศ
กระทรวงจึงวางแผนที่จะให้คำแนะนำด้านเทคโนโลยีจากประสบการณ์ในการรับมือกับปัญหามลพิษทางอากาศของญี่ปุ่นเอง เพื่อร่วมมือกับจีนในการผลักดันแผนลดปริมาณการปล่อยก๊าซไนโตรเจนในอากาศระยะเวลา 5 ปี ซึ่งก๊าซดังกล่าวเป็นต้นตอของมลพิษ
กระทรวงสิ่งแวดล้อมญี่ปุ่นได้เสนอใช้งบประมาณ 18 ล้านเยนในงบประมาณประจำปีงบประมาณ 2553 ซึ่งครอบคลุมถึงงบในการศึกษาและวิจัยด้านมลพิษและสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ โครงการที่จะดำเนินการร่วมกัน ได้แก่ การจัดสัมนาให้กับหน่วยงานรัฐบาลจีน จัดการสำรวจและวิจัยในพื้นที่ร่วมกันระหว่างจีนและญี่ปึ่น และแจ้งให้จีนทรายถึงอาการป่วยที่เกิดขึ้นจากมลพิษ สำนักข่าวเกียวโดรายงาน
ที่มา: ข่าวต่างประเทศ สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- เสาร์ที่ 23 มกราคม 2553 15:00:00 น.
http://www.ryt9.com/s/iq02/782984
นางสาวจันทิสา คำมี
ตอบลบผู้ป่วยทางเดินหายใจลำปางพุ่งกว่า3พันรายนายแพทย์ศิริชัย ภัทรนุภาพร นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดลำปางเปิดเผยว่า ช่วงเวลาเกือบ 1 เดือนที่ผ่านมา จังหวัดลำปาง ประสบปัญหาหมอกควันไฟปกคลุมทั่วทั้งเมือง เนื่องจากมีการจุดไฟเผาป่า ล่าสุดปริมาณฝุ่นละอองในวันนี้ (11มี.ค.53) เครื่องตรวจวัดคุณภาพอากาศวัดค่าได้ 110.5 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งถือว่า ลดลงเป็นอย่างมาก ส่วนสถิติการรักษาของผู้ป่วย วันที่ 1- 9 มีนาคม 2553 พบจำนวนผู้ที่คาดว่าเจ็บป่วยจากผลกระทบจากมลภาวะทางอากาศ มี ทั้งสิ้น 3,000 ราย พบมากที่สุด คือโรคระบบทางเดินหายใจ และยังมีผู้ป่วยที่มีอาการแสบตา คันตา และเข้ามารักษาโรคเยื่อบุตาอักเสบถึง 60-100 คนต่อวัน และในช่วงนี้หากมองเห็น มีฝุ่นละอองในอากาศมาก ควรอยู่ในบ้านและควรงดออกกำลังกายกลางแจ้งด้วย ทั้งนี้ในช่วงเย็นวันนี้ ไปจนถึงวันพรุ่งนี้ หากการทำฝนหลวงในช่วงเช้าที่ผ่านมา และหากมีฝนตกลงมาในพื้นที่จังหวัดลำปาง ปัญหามลภาวะจากหมอกควันไฟ จะบรรเทาลดลงไปอีกด้วย ส่วนจำนวนผู้ป่วยที่จะเข้ามารับการรักษา ก็จะลดตามไปอีก
พฤหัสบดีที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2553 15:52 น. — INN :
http://www.innnews.co.th/local.php?nid=215469
นางสาวจิลิตา พรหมคุณ รหัส 51116603021
ตอบลบหลักสูตรการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
เตรียมแผนรับมือปัญหามลพิษทางอากาศในเมืองเชียงใหม่ ใช้รถจักรยานแทนการใช้รถจักรยานยนต์ โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลเยอรมัน
เชียงใหม่/ จากกรณีปัญหาหมอกควันและควันพิษจากเครื่องยนต์จนทำให้เมืองเชียงใหม่ถูกมองว่าเป็นมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูแล้งของทุกปี ตามพื้นที่รอบนอกมักมีการลักลอบเผาป่าและเผาหญ้าแห้งเพื่อทำไร่ของเกษตรกร ซึ่งการเผาในที่โล่งดังกล่าวส่งผลกระทบหลายด้าน ทางด้านมลพิษทางอากาศทำให้ชั้นบรรยากาศเต็มไปด้วยหมอกควัน และปีนี้ก็เช่นเดียวกันเริ่มก้าวย่างเข้าสู่ฤดูแล้งแล้วปัญหาที่กำลังจะเผชิญคือ หมอกควันปกคลุมเมือง จากปัญหาดังกล่าวหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้เร่งแก้ไขไว้ล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะในเขตเมืองเชียงใหม่
นางสาวอรพิน ตอนศรี รหัส 51116603043
ตอบลบหลักสูตรการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
กรมควบคุมมลพิษเผยไม่พบปริมาณมลพิษอากาศเกินปริมาณมาตรฐานในพื้นที่ กทม.
นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวถึงการเผายางรถยนต์ของกลุ่ม นปช. ว่า ยางรถยนต์ผลิตจากน้ำมันดิบ องค์ประกอบของยางรถยนต์จะมีส่วนคล้ายน้ำมัน เช่น คาร์บอน รวมทั้งการผลิตจะมีโคลงโลหะ ซึ่งการเผายางดังกล่าวจะทำให้เกิดมลพิษทางอากาศ ที่เป็นอนุภาคฝุ่นขนาดใหญ่ ,ขนาดเล็ก และก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้สารประกอบที่คล้ายน้ำมันที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งสิ้น หากสูดดมมากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และเกิดการสะสมเป็นสารก่อมะเร็งได้
ที่มา : ข่าวทั่วไป สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- ศุกร์ที่ 21 พฤษภาคม 2553 10:04:54 น.
http://www.ryt9.com/s/iq01/904013
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบนางสาวอัจฉรา สมพร้อม รหัส 51116603032
ตอบลบหลักสูตร การจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
รัฐบาลฮ่องกงเผยดัชนีวัดมลพิษทางอากาศวันนี้พุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากที่มีพายุทรายพัดจากภาคเหนือของจีนมายังฮ่องกง โดยดัชนีมลพิษทางอากาศของฮ่องกงวันนี้พุ่งทะลุ 453 จุด ซึ่งใกล้กับระดับที่รุนแรงที่สุด ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถวัดดัชนีดังกล่าวได้ที่ย่านกวุน ตง ซึ่งเป็นทำเลที่พักอาศัย และสามารถวัดดัชนีได้ที่ระดับใกล้เคียงกันในพื้นที่อื่นๆของฮ่องกง
สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- จันทร์ที่ 22 มีนาคม 2553 14:26:00 น.
ที่มา http://www.ryt9.com/s/iq01/868022
นาย จักรพันธุ์ ดอนคง รหัส 51116603016
ตอบลบหลักสูตร การจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
มช.ส่งเสริม'ไบโอแก๊ส'ชุมชนต่อเนื่องช่วยลดมลพิษทางอากาศ
จะมีใครรู้บ้างไหมว่า ยังมีชุมชนแห่งหนึ่งในอ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ที่มีแนวคิดในการหันมาสร้าง "ระบบก๊าซชีวภาพ" เพื่อช่วยลดปัญหามลพิษทางอากาศ ที่เกิดจากกลิ่นของมูลสุกรจำนวนมาก ที่ปล่อยก๊าซมีเทนและคาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นแก๊สเรือนกระจกสู่ชั้นบรรยากาศ
จากความกังวลใจของผู้ใหญ่บ้านสมศักดิ์ ปวงลังกา วัย 54 ปี เจ้าของฟาร์มสุกร ใน อ.เชียงดาว ได้นำมาซึ่งรอยยิ้มให้กับชุมชนบ้านแม่อ้อใน ต.แม่นะ จ.เชียงใหม่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชนพื้นเมืองและชนเผ่าต่างๆ เช่น ชนเผ่าลีซอลาหู่ และไตใหญ่ จำนวนมากกว่า 347 หลังคาเรือน
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- พฤหัสบดีที่ 15 เมษายน 2553 10:51:39 น.
นภาพร ขัติยะ/เชียงใหม่
นางสาวจิลิตา พรหมคุณ รหัส 51116603021
ตอบลบหลักสุตร การจัดการสิ่งแวดลอมเมืองและอุตสาหกรรม
'เชียงใหม่' เตรียมรับมือหมอกควันมลพิษอากาศ
เตรียมแผนรับมือปัญหามลพิษทางอากาศในเมืองเชียงใหม่ ใช้รถจักรยานแทนการใช้รถจักรยานยนต์ โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลเยอรมัน
เชียงใหม่/ จากกรณีปัญหาหมอกควันและควันพิษจากเครื่องยนต์จนทำให้เมืองเชียงใหม่ถูกมองว่าเป็นมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูแล้งของทุกปี ตามพื้นที่รอบนอกมักมีการลักลอบเผาป่าและเผาหญ้าแห้งเพื่อทำไร่ของเกษตรกร ซึ่งการเผาในที่โล่งดังกล่าวส่งผลกระทบหลายด้าน ทางด้านมลพิษทางอากาศทำให้ชั้นบรรยากาศเต็มไปด้วยหมอกควัน และปีนี้ก็เช่นเดียวกันเริ่มก้าวย่างเข้าสู่ฤดูแล้งแล้วปัญหาที่กำลังจะเผชิญคือ หมอกควันปกคลุมเมือง จากปัญหาดังกล่าวหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้เร่งแก้ไขไว้ล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะในเขตเมืองเชียงใหม่
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง -- พุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 10:13:51 น.
นางสาวเมธาวินี ทนทัศน์กุล รหัส 51116603007
ตอบลบหลักสูตรการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ -- อังคารที่ 16 กุมภาพันธ์ 2553 00:00:00 น.
ไทยโพสต์ - บีโอไอรีบโชว์ยอดต่างชาติยื่นลงทุนเดือน ม.ค.พุ่งพรวด 1,265% ยื่น 61 อนุมัติแล้ว 49 โครงการ เม็ดเงิน 1.5 หมื่นล้าน แต่เทียบภาพรวมยังวูบ 43% ด้าน กนอ.ส่งทีมคุมเข้ม "อินโดรามา" ปรับปรุงระบบขจัดมลพิษทางอากาศ เสนอ "ชาญชัย" ก่อนเปิดทางดำเนินการต่อ
คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) รายงานตัวเลขขอรับการส่งเสริมการลงทุนเดือน ม.ค.53 พบว่า การลงทุนโดยตรงจากนักลงทุนต่างชาติ (เอฟดีไอ) เพิ่มขึ้นมากทั้งในแง่โครงการและเงินลงทุน โดยมีต่างชาติขอรับการลงทุน 61 โครงการ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีก่อน 32.6% ส่วนมูลค่าการลงทุนรวม 48,377 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 381.4% จากเดือน ม.ค.52 อยู่ที่ 10,048 ล้านบาท
ที่มา http://www.ryt9.com/s/tpd/795397
น.ส.จุฑารัตน์ ศักดี รหัส 51116603018 หลักสูตรการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสากรรม
ตอบลบสสช.เผยภัยแล้งปัญหาสิ่งแวดล้อมปี'53 คนกรุงขอรัฐช่วยแก้มลพิษทางอากาศ
สำนักงานสถิติแห่งชาติ เผยผลสำรวจด้านสิ่งแวดล้อมปี'53 พบปัญหาภาวะภัยแล้งมากสุด ร้อยละ 70.4 เรียกร้องรัฐเร่งแก้อย่างเร่งด่วน รองมาเป็นปัญหามลพิษทางอากาศ ภาวะน้ำท่วม มลพิษจากขยะ ด้านคนกรุงเรียกร้องรัฐแก้ปัญหามลพิษทางอากาศด่วน
นางจีราวรรณ บุญเพิ่ม ผู้อำนวยการสำนักงานสถิติแห่งชาติ (สสช.) เปิดเผยถึงผลการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและภาวะโลกร้อน พ.ศ.2553 พบว่าจากผลการสำรวจประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรวมในทุกภาค ประสบปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมในชุมชน/หมู่บ้าน ร้อยละ 70.4 และไม่ประสบปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ร้อยละ 29.6 ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม 5 อันดับแรก ได้แก่ การเกิดภาวะภัยแล้ง ร้อยละ 72.6 เกิดภาวะน้ำท่วม ร้อยละ 25.3 มลพิษทางอากาศ ร้อยละ 22.5 การทำลายป่าไม้ ร้อยละ 19.8 และการสูญเสียความอุดมสมบูรณ์ของดิน ร้อยละ 18.1
ทั้งนี้ปัญหาการเกิดภาวะภัยแล้ง เป็นปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมที่ต้องการให้รัฐแก้ไขอย่างเร่งด่วนที่สุด ร้อยละ 59.8 รองลงมา เป็นปัญหามลพิษทางอากาศ ร้อยละ 8.8 ปัญหาการเกิดภาวะน้ำท่วม 8.7 เรื่องมลพิษจากขยะ ร้อยละ 5.4 และเรื่องการทำลายป่าไม้ ร้อยละ 4.3 ในส่วนของชาวกรุงเทพมหานคร (กทม.) ต้องการให้รัฐแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศอย่างเร่งด่วนที่สุด ร้อยละ 21.9 นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ ร้อยละ 96.6 มีความรู้สึกว่าสภาพอากาศในปัจจุบันเปรียบเทียบสภาพอากาศในรอบปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก
อย่างไรก็ตามจากการสอบถามประชาชนที่อาศัยอยู่โดยรวมในทุกภาค พบว่าร้อยละ 69.2 คิดว่า การจุดไฟเผา เช่น เผาป่า เผาขยะ เผาฟาง เพื่อการเพาะปลูกเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน รองลงมาการตัดไม้ทำลายป่า ร้อยละ 52.8 และการปล่อยควันจากท่อไอเสียจากยานพาหนะ ร้อยละ 43.7 เป็นต้น เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค ประชาชนส่วนใหญ่ในภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคใต้ และภาคกลาง ระบุว่าการจุดไฟเผาเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดภาวะโลกร้อนมากที่สุด ร้อยละ 87.9 ร้อยละ 78.5 ร้อยละ 64.5 และร้อยละ 58.3 ตามลำดับ สำหรับกรุงเทพฯ ระบุว่า การปล่อยควันจากท่อไอเสียจากยานพาหนะเป็นสาเหตุสำคัญ ร้อยละ 59.5
นอกจากนี้กิจกรรมที่ประชาชนทำเป็นประจำ เพื่อลดปัญหาภาวะโลกร้อน ได้แก่ การปิดไฟดวงที่ไม่ใช้งาน ร้อยละ 80.7 รองลงมา เป็นการถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกครั้งเมื่อเลิกใช้งาน ร้อยละ 70.3 ไม่เปิดน้ำทิ้งระหว่างการแปรงฟัน-อาบน้ำ ร้อยละ 66.2 กักน้ำในภาชนะเพื่อชำระล้างแทนการผ่านน้ำจากก๊อก ร้อยละ 58.7 และการเลือกใช้เครื่องไฟฟ้าที่มีฉลากประหยัดไฟเบอร์ 5 ร้อยละ 52.6 ตามลำดับ นอกจากนี้ ประชาชนส่วนใหญ่ได้ให้ข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อลดภาวะโลกร้อน ว่าควรปลูกต้นไม้/ปลูกป่าทดแทน ร้อยละ 26.4 และอีกร้อยละ 8.6 เห็นควรประหยัดพลังงานทุกชนิด ร้อยละ 4.5 แสดงความคิดเห็นว่าควรใช้กฎหมายรัดกุมในเรื่องการตัดไม้ทำลายป่า ร้อยละ 4.4 เสนอว่าควรรณรงค์ประชาสัมพันธ์/จัดกิจกรรมให้ประชาชนตระหนักถึงภาวะโลกร้อน และมีเพียงร้อยละ 2.5 เห็นว่าควรรณรงค์เลิกใช้ถุงพลาสติก
http://thairecent.com/Bangkok/2010/658615/
05/06/2553 12:47
นายวีรินทร์ ศรีลักษณ์ 51116603035
ตอบลบการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
ผลจากการติดตามตรวจสอบปริมาณสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ (VOCs)
แนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของVOC 7 จุด (รายงาน ณ วันที่ 2 มิ.ย.2553)
ผลการตรวจวัดปริมาณสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศ ในพื้นที่มาบตาพุด จำนวน 7 แห่ง ได้แก่ สถานีอนามัยมาบตาพุด วัดมาบชะลูด โรงเรียนวัดหนองแฟบ สถานีเมืองใหม่มาบตาพุด ชุมชนบ้านพลง ศูนย์บริการสาธารณสุขบ้านตากวน และหมู่บ้านนพเกตุตั้งแต่เดือนกันยายน 2549 ถึง เมษายน 2553 ได้นำมาคำนวณหาค่าเฉลี่ยใน 1 ปีและเปรียบเทียบกับค่ามาตรฐาน โดยพบว่าสถานการณ์ ณ เดือนเมษายน 2553 มีสารอินทรีย์ระเหยง่าย ที่มีค่าความเข้มข้นเกินค่ามาตรฐานเฉลี่ยรายปี ได้แก่ สาร 1,3- Butadiene ตรวจพบเกินมาตรฐานบริเวณสถานีอนามัยมาบตาพุด และศูนย์บริการสาธารณสุขบ้านตากวน สาร 1,2-Dichloroethane ตรวจพบเกินมาตรฐานบริเวณ สถานีอนามัยมาบตาพุด วัดมาบชะลูด สถานีเมืองใหม่มาบตาพุด ชุมชนบ้านพลง และศูนย์บริการสาธารณสุขบ้านตากวน และสาร Benzene ตรวจพบเกินมาตรฐานบริเวณ สถานีอนามัยมาบตาพุด สถานีเมืองใหม่มาบตาพุด ชุมชนบ้านพลง ศูนย์บริการสาธารณสุขบ้านตากวน และหมู่บ้านนพเกตุ สำหรับสารอินทรีย์ระเหยง่ายที่มีค่าความเข้มข้นไม่เกินค่ามาตรฐานเฉลี่ยรายปีมี 6 สาร ได้แก่ Vinyl Chloride, Chloroform, Dichloromethane, Trichloroethylene, 1,2-Dichloropropane และ Tetrachloroethylene (ข้อมูลที่ผ่านการตรวจสอบในระดับเบื้องต้น)
ที่มา.... http://www.pcd.go.th/Info_serv/pol_maptapoot_airvocs.html
น.ส. ผกามาศ สุทธศรี No. 51116603036
ตอบลบหลักสูตรการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
ชาวบ้านชุมนุมจี้ กฟผ.แก้ปัญหามลพิษโรงไฟฟ้าแม่เมาะ
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 พฤษภาคม 2553 15:11 น.
บรรยากาศหน้าการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย กฟผ.แม่เมาะ หน้าหมู่บ้านห้วยคิง ชาวห้วยคิงจำนวนหนึ่ง เริ่มทยอยนำเต็นท์มากาง ตั้งเวทีปราศรัยปิดกั้นถนน 1 ช่องทาง หลังได้รับผลกระทบจากการเปิดเหมืองในเฟส 6 จนไม่สามารถใช้พื้นที่ที่ทำกินได้ เนื่องจากเกิดมลพิษทางอากาศ และเสียง
โดยทาง กฟผ.แม่เมาะ รับปากว่า จะอพยพชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบ เข้าไปอยู่ในพื้นที่หมู่ 8 บ้านเมาะหลวง ต.แม่เมาะ อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง แต่เมื่อเข้าไปชี้จุดอพยพกลับถูกชาวบ้านที่อพยพเข้ามาอยู่อาศัยก่อนหน้านี้ ประท้วงขับไล่
โดยล่าสุดแกนนำ และชาวบ้านยังคงปักหลักชุมนุม รอนายอำเภอแม่เมาะ และผู้เกี่ยวข้องออกมาชี้แจง
http://www.manager.co.th/Home/ViewNews.aspx?NewsID=9530000063029
นาย กตัญญู สังขพุทธิ รหัส 51116603027
ตอบลบหลักสูตร การจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
ข่าวของผม ชื่อ มลพิษจากการเผาไหม้ 4 จุดมีปริมาณมาก
ข่าวมีอยู่ว่า พ.ญ.วันทนีย์ วัฒนะ รองผู้อำนวยการสำนักอนามัย กรุงเทพมหานคร ได้เปิดเผย ผลการวิเคราะห์ฝุ่นละออง ตั้งแต่
วันศุกร์ที่ 21-23 พ.ค. หลังเหตุการณ์จลาจลยุติลงว่า
ทางสำนักอนามัยกรุงเทพมหานคร ได้ลงพื้นที่สุ่มตรวจ 4 จุดประกอบด้วย ชุมชนบ่อนไก่ แยกศาลาแดง สามเหลี่ยมดินแดง และราชประสงค์ พบว่า มีปริมาณฝุ่นละอองควันดำสูงกว่ามาตรฐาน หรือ มลภาวะเป็นพิษ นอกจากนี้ยังพบค่าสูงกว่ามาตรฐาน ซึ่งบางส่วนได้มีการทำความสะอาด และระบายโรงบำบัดน้ำเสีย รวมถึงปริมาณฝนที่ตกลงมา ได้ชำระล้างลงไปบ้างแล้ว แต่ทั้งนี้ ทางสำนักอนามัย จะมีการเข้าไปตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ซึ่งฝุ่นละอองที่เกิดจากการเผาไหม้ ได้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนทางด้านระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะบุคคลที่ป่วยเป็นโรคปอด และโรคประจำตัวเป็นอย่างมาก พร้อมระบุว่า หากประชาชนมีอาการที่ผิดปกติให้ไปพบแพทย์ทันที
อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่บริเวณชุมชนบ่อนไก่
ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ยังคงรู้สึกหวาดกลัว และวิตกกังวลว่า เหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมาอีกครั้ง แม้ว่า ขณะนี้ทุกอย่างจะเข้าสู่ภาวะปกติแล้วก็ตาม
วันที่ 24 พฤษภาคม 2553 เวลา 16:35 น
ที่มา http://news.giggog.com/315925
นางสาวชัชฏาภรณ์ สิทธิมงคล รหัส 51116603049
ตอบลบหลักสูตร การจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
'เชียงใหม่' เตรียมรับมือหมอกควันมลพิษอากาศ
ข่าวทั่วไปหนังสือพิมพ์บ้านเมือง
พุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 10:13:51 น.
เตรียมแผนรับ มือปัญหามลพิษทางอากาศในเมืองเชียงใหม่ ใช้รถจักรยานแทนการใช้รถจักรยานยนต์ โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลเยอรมัน
เชียงใหม่/ จากกรณีปัญหาหมอกควันและควันพิษจากเครื่องยนต์จนทำให้เมืองเชียงใหม่ถูกมอง ว่าเป็นมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูแล้งของทุกปี ตามพื้นที่รอบนอกมักมีการลักลอบเผาป่าและเผาหญ้าแห้งเพื่อทำไร่ของเกษตรกร ซึ่งการเผาในที่โล่งดังกล่าวส่งผลกระทบหลายด้าน ทางด้านมลพิษทางอากาศทำให้ชั้นบรรยากาศเต็มไปด้วยหมอกควัน และปีนี้ก็เช่นเดียวกันเริ่มก้าวย่างเข้าสู่ฤดูแล้งแล้วปัญหาที่กำลังจะ เผชิญคือ หมอกควันปกคลุมเมือง จากปัญหาดังกล่าวหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้เร่งแก้ไขไว้ล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะในเขตเมืองเชียงใหม่
นายทัศนัย บุรณุปกรณ์ นายกเทศมนตรีนครเชียงใหม่ กล่าวถึงปฏิบัติการกำหนดวิสัยทัศน์เมืองเชียงใหม่อากาศสะอาด ในโครงการอากาศสะอาดเมืองเชียงใหม่ ว่าในช่วงนี้อากาศของเมืองเชียงใหม่มีมลพิษทางอากาศมากขึ้นซึ่งมีสาเหตุมา จากทั้งการเผาพื้นที่การเกษตรที่เกิดขึ้นในบริเวณพื้นที่โล่งชานเมือง การก่อสร้างตึกและอาคารและการจราจรในเชียงใหม่ดังนั้นเพื่อปรับปรุงคุณภาพอากาศเชียงใหม่ให้ดีขึ้นจึงเตรียมป้องกันและแก้ไขปัญหามลพิษทางอากาศ ซึ่งจะแก้ไขปัญหาการจราจรโดยการนำรถจักรยานมาใช้แทน ลดจำนวนการใช้รถจักรยานยนต์ในเขตเทศบาลเมืองเชียงใหม่เพราะในปัจจุบัน จังหวัดเชียงใหม่เป็นจังหวัดที่ใช้รถจักรยานยนต์มากที่สุดในประเทศไทย อันเป็นสาเหตุหนึ่งของมลพิษทางอากาศ สำหรับโครงการอากาศสะอาดเมืองเชียงใหม่นั้น เป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลเยอรมันซึ่งให้ความช่วยเหลือทาง วิชาการแก่เมืองที่ได้รับการคัดเลือกเข้าร่วมโครงการปรับปรุงคุณภาพอากาศใน เมืองขนาดเล็กสำหรับภูมิภาคอาเซียนเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนซึ่งเทศบาลนคร เชียงใหม่ก็เป็นเมืองที่ได้รับคัดเลือกเข้าโครงการนี้
ที่มา : http://www.ryt9.com/s/bmnd/788075
ส่งข่าวใหม่ค่ะ
ตอบลบนางสาวชนัฏฎา ภู่เกลี้ยง รหัส 5111603025
หลักสูตร การจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
เชิญเข้าพิจารณาศึกษาและวิเคราะห์คุณภาพอากาศและเสียง กทม.
วันที่ 11 มิถุนายน 2553 14:28 น.
ที่มา กองประชาสัมพันธ์ กทม.
เรืออากาศโทอิราวัสส์ ปัทมะสุคนธ์ ผู้อำนวยการสำนักสิ่งแวดล้อม กทม. แจ้งว่า กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม จะจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและวิเคราะห์คุณภาพอากาศและเสียงบริเวณที่เสี่ยงต่อการเกิดมลพิษ รวบรวมข้อมูลผลการตรวจวัดคุณภาพอากาศและเสียงริมเส้นทางจราจรที่ดำเนินการโดยกรุงเทพมหานคร ตั้งแต่ปี 48 จนถึงปัจจุบัน พร้อมจัดทำแผนที่คุณภาพอากาศและเสียง ศึกษาความคิดเห็นประชาชนบริเวณพื้นที่ศึกษา และเสนอแนะแนวทางการจัดการปัญหามลพิษทางอากาศและเสียงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร รวมถึงรายละเอียดต่างๆ เกี่ยวกับคุณภาพอากาศและเสียงผู้สนใจขอรับการพิจารณาเป็นที่ปรึกษาเพื่อศึกษาและวิเคราะห์คุณภาพอากาศและเสียงดังกล่าว สอบถามรายละเอียดที่กองจัดการคุณภาพอากาศและเสียง สำนักสิ่งแวดล้อม ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 ดินแดง ถ.มิตรไมตรี แขตดินแดง โทร. 0 2248 6332 โทรสาร 0 2246 8114
ที่มา: http://www.thaipr.net/nc/readnews.aspx?newsid=1168DFA4897FF5FEE4891E47F8237963&query=wcW+1Mm30qfN0qHSyA==
นางสาวกันยารัตน์ มานะจิตต์ รหัส 51116603012
ตอบลบหลักสูตร การจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
ฮ่องกงเตือนประชาชนเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้งอีกในวันนี้หลังระดับมลพิษทางอากาศยังพุ่งสูง
สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมฮ่องกงได้แนะนำให้ประชาชนเลี่ยงการทำกิจกรรมกลางแจ้งต่อเป็นวันที่ 2 เนื่องจากมลพิษทางอากาศอยู่ในระดับที่รุนแรง โดยดัชนีวัดมลพิษทางอากาศที่สถานีตรวจวัดแห่งหนึ่งยังอยู่ในระดับสูงสุดที่ 500 หลังจากที่ได้ปรับตัวลงจากระดับสูงสุดดังกล่าวที่สถานีอื่นๆก่อนหน้านี้
รัฐบาลฮ่องกงต้องเร่งหาทางปรับปรุงคุณภาพอากาศ หลังจากที่ประชาชนได้รับคำแนะนำให้อยู่แต่ในอาคารเป็นวันที่ 2 เนื่องจากท้องฟ้าของฮ่องกงมีหมอกควันปกคลุม
วันที่ 23 มีนาคม 2553
ที่มา http://www.ryt9.com/s/iq03/868642
นางสาว นริศร ตั้นสวัสดิ์ รหัส 51116603017
ตอบลบหลักสูตรการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
ค่าฝุ่นละอองเชียงใหม่ มีแนวโน้มเพิ่มสูง
พฤหัสบดีที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553 12:26 น. INN : ข่าวภูมิภาค
ฝุ่นละอองในอากาศ ที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน แต่ก็มีแนวโน้มสูงขึ้น ล่าสุด สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด สั่งการให้ทุกโรงพยาบาล เตรียมพร้อมรับสถานการณ์แล้ว จากปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กของจังหวัดเชียงใหม่ เพิ่มสูง ขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังไม่เกินค่ามาตรฐาน ส่วนจังหวัดใกล้เคียง เชียงราย ลำปาง ลำพูน พะเยา มีค่า PM 10 หรือฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 10 ไมครอน เกินมาตรฐานที่กำหนด 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร แล้ว ดร.ทันตแพทย์สุรสิงห์ วิศรุตรัตน์ รองนายแพทย์สาธารณสุข จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ได้ประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พร้อมสั่งการให้สาธารณสุขอำเภอ เตรียมพร้อมเฝ้าระวังผลกระทบ และให้การรักษาคนไข้ โรคระบบทางเดินหายใจ และแจกหน้ากากอนามัย ให้กับผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง ที่เป็นโรคเรื้อรัง ซึ่งหากมลพิษทางอากาศเกินจากค่ามาตรฐาน ก็จะมีการเปิดศูนย์อำนวยการ เหมือนเช่นทุกปีต่อไป
อ้างอิง http://www.innnews.co.th/local.php?nid=213187
ข่าวมลพิษทางอากาศ โดย เทพวรา มเหศักดิ์
ตอบลบรหัส 51116603040 การจัดการสิ่งแวดล้อมเมือง
สสส. เผย 10 ถนนกรุงเทพฯ มลพิษเกินมาตรฐานทั้งฝุ่นและเสียง นำโดยถนนราชปรารภ-สุขุมวิท-อาจณรงค์-บำรุงเมือง-สาธุประ ดิษฐ์ ขณะที่ตากสิน-อนุสาวรีย์ชัย รถติดหนักจนเสียงดังทะลุมาตรฐาน ชี้ทุ่มงบสร้างรถไฟฟ้าไม่ใช่คำตอบเดียว ต้องลดใช้รถส่วนตัว เน้นเดิน-ขี่จักรยาน หนุนสำรวจทางเท้า พร้อมจัดวันคาร์ฟรีเดย์ 21 กันยายนนี้ กระหึ่ม 40 กว่าจังหวัด
โดยตรวจฝุ่นละอองขนาดเล็ก ไม่เกิน 10 โมครอน พบว่า 10 ถนนมีค่าฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน คือ
1. ถนนราชปรารภ
2. ถนนสุขุมวิท
3. ถนนอาจณรงค์
4. ถนนบำรุงเมือง
5. ถนนสาธุประดิษฐ์
6. ถนนหลานหลวง
7. ถนนเยาวราช
8. ถนนพิษณุโลก
9. ถนนสุขาภิบาล 1
10. ถนนพระราม 1
ส่วนสถานการณ์มลพิษ ด้านเสียง พบถนนที่มีระดับเสียงเกินมาตรฐานทุกวัน คือ เกิน 70 เดซิเบล คือ
1. ถนนอินทรพิทักษ์
2. ถนนตรีเพชร
ส่วนถนนที่การจราจร หนาแน่นที่มีเสียงเกินมาตราฐาน 3 อันดับ คือ
1. ถนนตากสิน
2. ถนนสุขุมวิท
3. บริเวณอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
อ้างอิง http://hilight.kapook.com/view/28970
นางสาวพจนีย์ สีม่วง 51116603001
ตอบลบการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
ข่าว เจจีซีแนะเปลี่ยน “มลพิษ” ให้เป็น “เงิน” เลิกเผา “ฟางข้าว” สร้าง “พลังงานทดแทน
ปัญหาอย่างหนึ่งของเกษตรกรในการทำนา คือการจัดการกับฟางข้าวภายหลังการเก็บเกี่ยว ซึ่งแม้ปัจจุบันฟางข้าวจะสามารถนำไปใช้ประโยชนได้หลากหลาย เช่น อาหารสัตว์ ปุ๋ยหมักชีวภาพ แต่ด้วยภาวะเร่งรัดในการทำนาครั้งต่อไป การเผาฟางจึงกลายเป็นทางเลือกที่สะดวกและรวดเร็วที่สุด แม้ว่าเกษตรเองจะไม่อยากเผาฟางก็ตาม หากแต่ว่าผลกระทบที่ตามมานั้นไม่เพียงความร้อนที่เกิดจากการเผาจะทำลายธาตุ อาหารในดิน และได้ผลผลิตคุณภาพไม่ดีแล้ว การเผาฟางยังเป็นการปลดปล่อยมลพิษทางอากาศอีกด้วย ทั้งนี้จากข้อมูลการสำรวจจากกรมควบคุมมลพิษ พบว่าพื้นที่ที่มีการเผาฟางข้าวมากที่สุดในประเทศไทยมีถึง 13 จังหวัด ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในเขตภาคกลาง เช่น ชัยนาท ลพบุรี สุพรรณบุรี อยุธยา และอ่างทอง เป็นต้น
ปัจจุบันแนวทางหนึ่งในการจัดการฟางข้าวที่น่าสนใจ คือการนำไปใช้เป็นพลังงานทดแทนโดยการสนับสนุนของภาครัฐในการใช้ชีวมวลเพื่อ ทดแทนพลังงานจากฟอสซิล ซึ่งในหลายประเทศเริ่มมีการใช้ฟางข้าว (rice straw) และฟางข้าวสาสี (wheat straw) เป็นเชื้อเพลิงของหม้อต้มไอน้ำในการผลิตความร้อนและผลิตกระแสไฟฟ้าพลังไอน้ำ ขณะที่ประเทศไทยมีความพยายามในการนำฟางข้าวมาใช้ประโยชน์ในรูปพลังงานมากแต่ ยังประสบความสำเร็จไม่มากนัก เนื่องจากฟางข้าว เป็นชีวมวลที่มีค่าความร้อนต่ำ อีกทั้งยุ่งยากในการเก็บเกี่ยว และมีค่าขนส่งที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับเศษวัสดุจากอุตสาหกรรมที่กำลังใช้ กันอยู่ เช่น แกลบ เศษไม้ เปลือกปาล์ม ส่งผลให้ฟางข้าวกว่า 50 % ต้องถูกเผาทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย
ที่มา:http://www.biothai.net/news/1785
น.ส.อัมพวัน ศรีจันทร์ 51116603046
ตอบลบคพ.โต้ข่าวมลพิษทางอากาศมาบตาพุดเกินมาตรฐาน
นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ทางมูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้นำเครื่องมือตรวจวัดมลพิษอากาศแบบรู้ผลทันทีจากสหรัฐฯ เข้าไปตรวจวัดสารอินทรีย์ระเหยในบรรยากาศในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง แล้วพบว่า มีสาร 1.3 บิวทาไดอีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งสูงกว่าค่าการเฝ้าระวังที่กำหนดไว้ถึง 33 เท่านั้น เท่าที่ตรวจสอบพบว่า เครื่องมือที่ใช้ตรวจวัดอากาศนำไปใช้นั้นเป็นของบริษัทเอกชนรายหนึ่งซึ่งเครื่องมือมีข้อจำกัด อ่านต่อฉบับ 2
ฉบับที่ 2
ตอบลบน.ส.อัมพวัน ศรีจันทร์ 51116603046
ทั้งนี้การใช้เครื่องมือในการตรวจวัดการรั่วไหลของสารพิษเป็นการใช้วัดเฉพาะจุด ไม่ใช่การติดตามตรวจสอบที่สามารถระบุได้ว่าประชาชนบริเวณนั้นจะมีปัญหาอย่างไร นอกจากนี้ การวัดค่าดังกล่าวต้องวัดต่อเนื่องกันเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตามหลักวิชาการของการตรวจวัด เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับค่าเฝ้าระวังของ คพ. แต่สิ่งที่ทางมูลนิธิบูรณะนิเวศทำคือ ตั้งเครื่องมือไว้ในรถ และรถวิ่งไปเรื่อยๆ และเครื่องก็วัดค่าออกมาที่จุดๆ หนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ตามหลักแล้วไม่สามารถเจาะจงลงไปว่าค่าสาร 1.3 บิวทาไดอีน เกินมาตรฐานถึง 33 เท่า เพราะค่าดังกล่าวที่นำมาเปรียบเทียบ หรือค่าเฝ้าระวังสำหรับสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศโดยทั่วไปในเวลา 24 ชั่วโมงของบิวทาไดอีน 4.42 ส่วนในล้านส่วน ไม่ใช่ค่ามาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา คพ.ไม่ได้ชี้แจงทันที เพราะต้องการรวบรวมข้อมูลเพื่อความถูกต้องสำหรับอธิบายให้ประชาชนฟังก่อน
http://breakingnews.quickze.com/readnews-136790
นายสุวัฒน์ สิงห์ทอง รหัส 51116603045
ตอบลบหลักสูตร การจักการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
แบงก์ ADB ระบุชาวเอเชียตายกว่า 5.3 แสนคนเพราะมลพิษทางอากาศ
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชียระบุว่า ปัญหามลภาวะทางอากาศ ทำให้ประชาชนทั่วเอเชียเสียชีวิตปีละครึ่งล้าน
ธนาคารเพื่อการพัฒนาเอเชีย หรือ เอดีบี ระบุว่า อากาศเป็นพิษ คือสาเหตุหลักที่ทำให้ประชาชนในเมืองใหญ่ๆของประเทศในทวีปเอเชียเสียชีวิตถึงปีละกว่า 5.3 แสน คน คิดเป็นร้อยละ 70 ของผู้เสียชีวิตจากปัญหามลพิษทางอากาศทั่วโลก ซึ่งมีอยู่ 7.5 แสนคน
รายงานของเอดีบี ยังระบุว่าเมืองที่ประสบปัญหามลพิษทางอากาศถึงขั้นอันตราย ได้แก่ กรุงปักกิ่งและนครเชียงไฮ้ ของจีน กรุงฮานอย และนครโฮจิมินห์ ของเวียดนาม กรุงจาการ์ต้าของอินโดนีเซีย กรุงดากาของบังกลาเทศ กรุงกาดมันฑุ ของเนปาล นครกัลกัตต้าและกรุงนิว เดลลี ของอินเดีย
การเผาผลาญน้ำมันที่ไม่สมบูรณ์ของเครื่องยนต์ โดยเฉพาะจากรถจักรยานยนต์ คือสาเหตุหลักของมลพิษทางอากาศ โดยหลายเมืองมีระดับสารอันตรายปนเปื้อนในอากาศ สูงกว่ามาตรฐานขององค์การอนามัยยโลกกว่า 3 เท่า
เอ ดี บี แนะนำว่า รัฐบาลต่างๆควรส่งเสริมให้ประชาชนใช้บริการรถยนต์สาธารณะ อีกทั้งตั้งมาตรฐานหรือมีมาตรการควบคุมการใช้เชื้อเพลิง ไม่เช่นนั้นสภาพการณ์จะเลวร้ายลงไปกว่านี้
ที่มาของข่าว แบงก์ ADB ระบุชาวเอเชียตายกว่า 5.3 แสนคนเพราะมลพิษทางอากาศ โดย ITV วัน อาทิตย์ ที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2549 15:24 น.
ตอบลบnews.sanook.com
นาย นรินทร์ สงวนพัฒน์
ตอบลบ51116603015
Environment
จังหวัดสมุทรปราการ เร่งกำหนดแนวทางการตรวจสอบ ตรวจจับและห้ามใช้รถยนต์ควันดำ แก้ปัญหามลพิษทางอากาศ
นายชวลิต อุรพีพัฒนพงศ์ ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดสมุทรปราการ กล่าวว่า จังหวัดสมุทรปราการเป็น 1 ใน 7 จังหวัดที่อยู่ในเขตควบคุมมลพิษ เนื่องจากเป็นจังหวัดที่มีมลพิษสูง โดยเฉพาะมลพิษทางอากาศที่มีค่าสูงเกินค่ามาตรฐาน โดยมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ก่อให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากฝุ่นละอองขนาดเล็กหรือควันดำ ที่เกิดจากการเผาไหม้ที่ไม่สมบูรณ์ของรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ดีเซล รวมทั้งเสียงดังที่เกิดจากรถจักรยานยนต์และรถยนต์ ซึ่งจากการตรวจจับรถยนต์ควันคำในปี 2550 ที่ผ่านมา ปรากฏว่า ร้อยละ 80 สูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนด
สำหรับใน 2551 กรมควบคุมมลพิษ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาดำเนินการตรวจสอบจับรถยนต์ควันดำ-เสียงดัง ในจังหวัดสมุทรปราการ โดยตั้งจุดตรวจ 9 จุด ในจุดที่มีมลพิษทางอากาศสูง โดยจะคุมเข้มบังคับใช้กฎหมายพระราชบัญญัติเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม กับรถยนต์ที่ปล่อยควันดำและเสียงดัง ตั้งแต่ห้ามใช้ชั่วคราว จนถึงห้ามใช้เด็ดขาด ซึ่งผู้ฝ่าฝืนมีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท ทั้งนี้ ก็เพื่อลดมลพิษทางอากาศของจังหวัดสมุทรปราการ ให้น้อยลงจนไม่ส่งผลกระทบกับประชาชน
ที่มาของข่าว จ.สมุทรปราการ เร่งแก้ปัญหามลพิษทางอากาศ
June 4 Accom Thailand
น.ส.จีรภา ไชยขาว รหัส 51116603047
ตอบลบออสเตรเลียเตือนประชาชนที่จะไปฮ่องกง ระวังมลพิษทางอากาศ
กระทรวงต่างประเทศออสเตรเลีย ออกประกาศเตือนด้านสุขภาพฉบับใหม่แก่ประชาชนที่เดินทางไปฮ่องกง ให้ระวังปัญหามลพิษทางอากาศที่จะส่งผลกระทบต่อสุขภาพ โดยโฆษกสถานกงสุลออสเตรเลีย ประจำฮ่องกง ระบุว่า ระดับมลพิษทางอากาศในฮ่องกง อาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับหลอดลม ไซนัส และโรคหอบหืด ส่วนผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจ หรือระบบทางเดินหายใจควรลดการออกกำลังกาย และกิจกรรมกลางแจ้งในวันที่มีมลพิษทางอากาศในระดับสูง
ทั้งนี้ คุณภาพอากาศในฮ่องกงถูกตรวจสอบมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากปัญหามลพิษจากโรงงานอุตสาหกรรมทางตอนใต้ของจีนมักลอยเข้าปกคลุมฮ่องกง ขณะที่ฝ่ายบริหารฮ่องกงกำลังทบทวนเป้าหมายคุณภาพอากาศ ซึ่งมีการปรับแก้ครั้งสุดท้ายเมื่อ 20 ปีก่อน
ข่าวประจำวันที่ 25 มีนาคม 2553
ที่มา : www.iqnewscenter.com
นายปฏินันท์ ทิพย์ชิต 51116603014
ตอบลบมลพิษทางอากาศตามท้องถนนฮ่องกงพุ่ง รัฐบาลเตือนประชาชน เลี่ยงอยู่บนถนนจราจรหนาแน่นนาน
สำนักงานคุ้มครองสิ่งแวดล้อมฮ่องกงเปิดเผยว่า มลพิษทางอากาศตามท้องถนนของฮ่องกงอยู่ในระดับที่สูงมากที่ 3 ทำเล ได้แก่ เซ็นทรัล ดิสทริค ที่ดัชนีมลพิษซึ่งเป็นดัชนีวัดคุณภาพอากาศในวันนี้อยู่ที่ 117 ส่วนย่านคอสเวย์ เบย์ อยู่ที่ 119 และหม่งก๊กที่ 113 เมื่อเวลา 8.00 น.ตามเวลาท้องถิ่นวันนี้ ส่งผลให้รัฐบาลออกมาเตือนประชาชนที่เป็นโรคหัวใจและโรคปอดหลีกเลี่ยงการอยู่ ในบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่นเป็นเวลานาน
ตัวเลขดัชนีที่สูงกว่า 100 นั้น บ่งชี้ว่าผู้ที่เป็นโรคหอบหืดและโรคหัวใจอาจจะมีอาการกำเริบขึ้นมาได้ และควรลดการออกกำลังกายและทำกิจกรรมกลางแจ้ง
เอ็ดเวิร์ด เหยา รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมฮ่องกง เปิดเผยว่า ฮ่องกงกำลังเร่งพิจารณาเรื่องการเปลี่ยนรถโดยสารเก่า รวมทั้งการเปลี่ยนเส้นทางเดินรถ และจัดตั้งเขตพื้นที่ที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์ในระดับต่ำ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งคาดว่าจะเลิกใช้งานรถโดยสารรุ่นเก่าๆได้ภายในปีพ.ศ. 2562
ที่มา http://www.ryt9.com/s/iq01/865859
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบบรรเจิด บุบผาชาติ รหัส 51116603009
ตอบลบหลักสูตร การจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
สนามบินเชียงใหม่ต้องเปิดไฟรันเวย์ตอนกลางวัน ขณะที่เที่ยวบินไปอ.ปาย ล่าช้ากว่า 3 ชั่วโมง ส่วนเที่ยวบินที่จะไปแม่ฮ่องสอน อาจจะยกเลิก เนื่องจากสภาพอากาศปิดจากเหตุควันไฟป่าร่วม10วันแล้ว
กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ : เรืออากาศโทสุธารา ห่วงสุวรรณ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากกรณีการเกิดกลุ่มควันขึ้น ในจังหวัดเชียงใหม่อย่างหนาแน่น โดยเฉาะในวันที่ 11 มีนาคม 2550 ส่งผลให้ทัศนวิสัยทำการบินสามารถมองเห็นรันเวย์ได้ในระยะต่ำกว่า 8 กิโลเมตร ทำให้บริเวณรันเวย์ขึ้น- ลงเครื่องบินจะต้องเปิดไฟตลอดทั้งวัน
แต่ทุกสายการบินยังไม่มีการยกเลิกเที่ยวบิน มีเพียงเที่ยวบินจากเชียงใหม่ไปยัง จ.แม่ฮ่องสอน เท่านั้นที่มีปัญหาในการลงจอดของเครื่องบิน เนื่องจากสภาพอากศปิด เพราะมีกลุ่มควันหนาแน่น
โดยในวันนี้(11มี.ค.) เที่ยวบินเชียงใหม่ - ปาย ของสายการบินเอสจีเอ เที่ยวบินที่ 5E 913 ต้องล่าช้าจากเดิมตารางเวลาการบิน เครื่องบินจะออกจากเชียงใหม่ เวลา 10.55 น. ถึงอำเภอปายเวลา 11.15 น. แต่ปรากฏว่า เที่ยวบินดังกล่าวเดินทางถึงอำเภอปาย ในเวลา 14.00 น.ซึ่งล่าช้าไปเกือบ 3 ชั่วโมง
แหล่งข่าวจากสายการบินเอสจีเอ กล่าวว่า เที่ยวบินประสบปัญหาล่าช้าจากปัญหาหมอกควันมาเป็นระยะเวลากว่า 1 สัปดาห์แล้ว ซึ่งปัญหาจะเกิดขึ้นในขณะที่นักบินจะนำเครื่องลง เพราะนักบินไม่สามารถมองเห็นรันเวย์ได้จากระยะที่เหมาะสม แต่ในการนำเครื่องขึ้นจากรันเวย์นั้นไม่มีปัญหาแต่อย่างใด ที่ผ่านมามีเพียงเที่ยวบินล่าช้าเท่านั้น ซึ่งผู้โดยสารที่มาใช้บริการก็เข้าใจสภาพปัญหาดี
ด้านนายชัยนันท์ นาคเหล็ก เวรอำนวยการบินท่าอากาศยานจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ในวันนี้เที่ยวบินที่จะเดินทางมายังจังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังไม่มีการยืนยันในตารางการบิน ซึ่งคาดว่าสายการบินอาจจะยกเลิกเที่ยวบิน ที่จะเดินทางมายังแม่ฮ่องสอนทั้งหมดในวันนี้
เนื่องจากสภาพอากาศที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนมีสภาพอากาศปิด เพราะมีกลุ่มควันปกคลุมอย่างหนาแน่นเป็นบริเวณกว้าง ในส่วนของการอำนวยความสะดวกให้ กับผู้โดยสารที่ต้องการจะเดินทางมายังจังหวัดเชียงใหม่ ทางสายการบินก็จะเข้ามาดูแลผู้โดยสาร เช่นมีการจัดรถรับ-ส่งการคืนเงินค่าโดยสารเป็นต้น
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ปัญหาการบินไปยังจังหวัดแม่ฮ่องสอน เกิดจากกลุ่มควันจากไฟป่าจนทำให้สภาพอากาศปิดแล้วนั้น ในส่วนของสนามบินเล็กในอำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ยังไม่มีการติดตั้งอุปกรณ์นำร่อง เพื่ออำนวยความสะดวกในการนำเครื่องขึ้น-ลง แต่อย่างใด
http://www.udif.or.th/air20.htm
น.ส.ศรินทิพย์ นันภิวงค์ รหัส 51116603054
ตอบลบหลักสูตรการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
คพ.โต้ข่าวมลพิษทางอากาศมาบตาพุดเกินมาตรฐาน
นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ (คพ.) เปิดเผยว่า จากกรณีที่ทางมูลนิธิบูรณะนิเวศ ได้นำเครื่องมือตรวจวัดมลพิษอากาศแบบรู้ผลทันทีจากสหรัฐฯ เข้าไปตรวจวัดสารอินทรีย์ระเหยในบรรยากาศในเขตนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด จ.ระยอง แล้วพบว่า มีสาร 1.3 บิวทาไดอีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งสูงกว่าค่าการเฝ้าระวังที่กำหนดไว้ถึง 33 เท่านั้น เท่าที่ตรวจสอบพบว่า เครื่องมือที่ใช้ตรวจวัดอากาศนำไปใช้นั้นเป็นของบริษัทเอกชนรายหนึ่งซึ่งเครื่องมือมีข้อจำกัด
ทั้งนี้การใช้เครื่องมือในการตรวจวัดการรั่วไหลของสารพิษเป็นการใช้วัดเฉพาะจุด ไม่ใช่การติดตามตรวจสอบที่สามารถระบุได้ว่าประชาชนบริเวณนั้นจะมีปัญหาอย่างไร นอกจากนี้ การวัดค่าดังกล่าวต้องวัดต่อเนื่องกันเป็นเวลา 24 ชั่วโมง ตามหลักวิชาการของการตรวจวัด เพื่อนำมาเปรียบเทียบกับค่าเฝ้าระวังของ คพ. แต่สิ่งที่ทางมูลนิธิบูรณะนิเวศทำคือ ตั้งเครื่องมือไว้ในรถ และรถวิ่งไปเรื่อยๆ และเครื่องก็วัดค่าออกมาที่จุดๆ หนึ่งในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ตามหลักแล้วไม่สามารถเจาะจงลงไปว่าค่าสาร 1.3 บิวทาไดอีน เกินมาตรฐานถึง 33 เท่า เพราะค่าดังกล่าวที่นำมาเปรียบเทียบ หรือค่าเฝ้าระวังสำหรับสารอินทรีย์ระเหยง่ายในบรรยากาศโดยทั่วไปในเวลา 24 ชั่วโมงของบิวทาไดอีน 4.42 ส่วนในล้านส่วน ไม่ใช่ค่ามาตรฐาน อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา คพ.ไม่ได้ชี้แจงทันที เพราะต้องการรวบรวมข้อมูลเพื่อความถูกต้องสำหรับอธิบายให้ประชาชนฟังก่อน
ที่มา http://breakingnews.quickze.com
นาย เฉลิมพร พุฒนิล รหัส 51116603039
ตอบลบหลักสูตร การจัดการสิ่งเเวดล้อมเมืองเเละอุตสาหกรรม
ข่าวมลพิษทางอากาศ
นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และสุขภาพจากการเผายางรถยนต์ของกลุ่ม นปช.ว่า ยางรถยนต์ผลิตจากน้ำมันดิบ องค์ประกอบของยางรถยนต์จะมีส่วนคล้ายน้ำมัน เช่น คาร์บอน รวมทั้งการผลิตจะมีโครงโลหะ ซึ่งการเผายางดังกล่าว จะทำให้เกิดมลพิษทางอากาศที่เป็นอานุภาคฝุ่นขนาดใหญ่ ขนาดเล็ก และก๊าซที่เกิดจากการเผาไหม้สารประกอบคล้ายน้ำมัน ที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งสิ้น หากสูดดมมากเกินไปจะเป็นอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ และเกิดสะสมเป็นสารก่อมะเร็งได้
อย่างไรก็ตาม แม้ผลการตรวจวัดปริมาณมลพิษในเขตกรุงเทพฯ ระหว่างวันที่ 17-19 พ.ค.ที่ผ่านมา จะอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน แต่ไม่ได้หมายความว่า การเผายางรถยนต์จะไม่มีปัญหา เพราะจุดที่ตั้งของกรมควบคุมมลพิษ ไม่ได้อยู่ในจุดที่มีการเผายางรถยนต์เกิดขึ้น รวมทั้งทิศทางลมที่ไม่ได้พัดควันจากการเผาไหม้ ไปยังที่ตั้งของกรมควบคุมมลพิษ
อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ กล่าวว่า ไม่อยากให้ประชาชนกังวลมากนัก เพราะผลการตรวจวัดมลพิษในอากาศ จะไม่ได้อยู่ในเกณฑ์อันตราย แต่ฝากเตือนประชาชนที่ต้องการกรองน้ำฝนไว้ใช้อุปโภค-บริโภคช่วงนี้ ขอให้ทิ้งช่วงให้น้ำฝนชะล้างเขม่าที่เกิดจากการเผายางรถยนต์ประมาณ 15 นาที ก่อนที่จะกรองน้ำไว้ใช้ตามปกติ เพราะเขม่าดังกล่าวอาจจะเป็นอันตรายได้ เมื่อบริโภคเข้าไป
ที่มา >> http://www.pinonlines.com/node/13345
นางสาวชัชฏาภรณ์ สิทธิมงคล รหัส 51116603049
ตอบลบหลักสูตร การจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
.....มลพิษทางอากาศส่งผลให้ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ
วอชิงตัน - นักวิจัยในสหรัฐเตือนว่า มลพิษทางอากาศอาจส่งผลต่อพัฒนาการของทารกที่อยู่ในครรภ์ โดยผู้หญิงที่สูดดมมลพิษในปริมาณมากทั้งในช่วงต้นและช่วงปลายของการตั้ง ครรภ์ มีแนวโน้มจะส่งผลให้ทารกในครรภ์เติบโตได้ไม่เต็มที่ น้ำหนักตัวแรกเกิดจึงน้อย
โดยนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยการแพทย์และทันตกรรมในรัฐนิวเจอร์ซีย์ของสหรัฐ ได้ศึกษาเรื่องนี้จากสูติบัตรและรายงานสรุปการวินิจฉัยโรคของเด็กทารก 336,000 คน ซึ่งเกิดในนิวเจอร์ซีย์ ระหว่างปี 2542 ถึง 2546 ทั้งยังรวบรวมข้อมูลของคุณแม่ทั้งเรื่องเชื้อชาติ สถานภาพการสมรส การศึกษา พฤติกรรมการสูบบุหรี่ และแหล่งที่อยู่อาศัยเพื่อดูว่า สภาพอากาศรอบบ้านมีความเป็นมลพิษมากน้อยเพียงใด
ผลการศึกษาพบว่า ทารกอเมริกันที่มีน้ำหนักตัวแรกคลอดน้อยกว่าปกติ มักถือกำเนิดจากคุณแม่ที่มีเชื้อสายแอฟริกัน และมักเป็นคุณแม่ที่มีอายุค่อนข้างน้อย การศึกษาต่ำ มีพฤติกรรมสูบบุหรี่ มีฐานะยากจน และต้องหาเลี้ยงครอบครัวตามลำพัง
ส่วนระดับมลพิษในอากาศที่คุณแม่สูดดมเข้าไประหว่างตั้งครรภ์ ก็ส่งผลต่อน้ำหนักตัวแรกคลอดของทารกได้เช่นกัน โดยเฉพาะมลพิษที่มาจากไอเสียรถยนต์ ทั้งที่อยู่ในรูปของเขม่าควันดำและก๊าซ ไนโตรเจนไดออกไซด์ ซึ่งถ้าคุณแม่ที่มีอายุครรภ์ในช่วง 3 เดือนแรก และ 3 เดือนสุดท้ายของการตั้งครรภ์ สูดดมไอเสียรถยนต์เข้าไปในปริมาณมาก ก็จะยิ่งส่งผลให้เด็กที่คลอดออกมามีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ
ผลวิจัย ก่อนหน้านี้ ระบุว่า มลพิษในอากาศอาจส่งผลต่อการทำงานของเซลล์ หรือเป็นตัวขัดขวางทำให้ทารกใน ครรภ์ได้รับออกซิเจนและสารอาหารจากครรภ์มารดา น้อยลง ทารกในครรภ์จึงเติบโตได้ไม่เต็มที่ เมื่อคลอดออกมาจึงมีน้ำหนักตัวน้อยกว่าปกติ. – สำนักข่าวไทย
ที่มา:http://www.spiceday.com/redirect.php?tid=67842&goto=lastpost&sid=YRrkrg
นางสาว ธิดารัตน์ กลัดตลาด รหัส 51116603023
ตอบลบนายวิชัย ศรีขวัญ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ แถลงข่าววานนี้ (23 มี.ค.) ว่า จังหวัดเชียงใหม่ ได้ประกาศยกเลิกพื้นที่ประสบภัยพิบัติฉุกเฉิน ในส่วนของจังหวัดเชียงใหม่ ตามอำนาจหน้าที่ของผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ หลังจากที่สภาวะอากาศในจังหวัดเชียงใหม่ดีขึ้นอย่างมาก จนล่าสุดปริมาณฝุ่นละอองขนาดเล็กที่เคย เกินมาตรฐานลดลงอยู่ในระดับปกติ ซึ่งที่ผ่านมาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ พระราชทานหน่วยปฏิบัติการฝนหลวงพิเศษ ชุดอุปกรณ์ดับไฟป่าและถุงยังชีพพระราชทาน อีกทั้งได้รับความร่วมมือจากทั้งภาครัฐและเอกชนและประชาชนร่วมทำงานและลดการเผาในที่
โล่งโดยเด็ดขาด ทำให้สภาพอากาศดีขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว จึงได้ประกาศยุติภาวะภัยพิบัติ เพื่อสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยวที่จะเดินทาง
ที่มา : www.chiangmai108.com
น.ส.สรารัตน์ เย็นประสิทธิ์ รหัส 51116603005
ตอบลบหลักสูตรการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
ภัยเงียบแสนร้ายที่คาดไม่ถึง มลพิษทางอากาศ (สสส.)
ข้อมูลการตรวจวัดคุณภาพอากาศในเมืองใหญ่ทั่วประเทศ ของคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พบว่าอากาศ ที่เราหายใจเข้าไปทุกวันนี้อยู่ในระดับที่อันตรายต่อสุขภาพมาก เพราะสภาพอากาศที่ความเข้มข้นของสภาพมลพิษเกินเกณฑ์มาตรฐาน ซึ่งค่าเฉลี่ยรายชั่วโมงต้องไม่เกิน 100 ส่วนในพันล้านส่วน เมื่อเกินก็จะทำให้มีผลต่อการทำลายเยื่อบุระบบทางเดินหายใจ ก่อให้เกิดอาการระคายเคือง และทำให้เกิดโรคเรื้อรังของระบบทางเดินหายใจ ยิ่งประกอบกับการได้รับฝุ่นละอองขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยต่ำกว่า 2.5 ไมครอน ส่วนใหญ่จะเป็นชุมชนเมือง ย่านธุรกิจ ที่เหล่านี้จึงเป็นแหล่งที่มีการจราจรที่คับคั่ง ทำให้เกิดปริมาณฝุ่นละอองและควันดำในระดับที่สูงมากเกินขีดที่ร่างกายจะทนได้ แถมตอนนี้ในเมืองใหญ่ ๆ ก็เองยังเกิดแก๊สเสียต่าง ๆ ที่เพิ่มปริมาณขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นแก๊ส คาร์บอนมอนอกไซด์ ซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ไนโตรเจนไดออกไซด์ที่มีผลต่อระบบทางเดินหายใจของเรานั้นเอง แล้วหากหายใจรับสารเหล่านี้เข้าไปมาก ๆ จะมีผลกระทบอะไรเกิดขึ้นกับร่างกายของเราบ้าง
อันดับแรก จะป่วยเป็นโรคติดเชื้อในหลอดลมและปอดได้ง่าย
ต่อมาก็จะเป็นโรคหลอดลมตีบแคบ และถุงลมปอดโป่งพอง เกิดจากการระคายเคืองหรือการติดเชื้อในเยื่อบุของหลอดลมนาน ๆ ก็จะทำให้หลอดลมเกิดการตีบแคบ ...ถ้าไม่ป้องกันตัวเองดี ๆ โรคมะเร็งจะถามหาคุณได้
เมื่อหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเผชิญกับมลพิษ สิ่งเดียวที่จะเป็นการป้องกันตัวเองได้ดีที่สุด การดูแลรักษาตัวของเราเอง ด้วยวิธีง่าย ๆ ต่อไปนี้
สำหรับคนทำงานออฟฟิศ หรือมีบ้านอยู่ในแหล่งที่มีมลพิษมาก...ต้องปิดประตูหน้าต่างมิดชิด ไม่ให้มลพิษอากาศเข้ามาสะสมในอาคาร หากมีเครื่องฟอกอากาศ หรือเครื่องปรับอากาศที่สามารถกรองอากาศได้ ให้เปิดใช้งาน
แต่หากมีความจำเป็นต้องไปทำกิจกรรมนอกอาคาร ก็ควรสวมหน้ากากที่สามารถกรองฝุ่นละอองขนาดเล็กได้ หรือสวมหน้ากากผ้าชุบน้ำให้ชุ่ม แล้วปิดจมูกเพื่อกรองฝุ่นละอองขนาดเล็ก สวมแว่นตาเพื่อปกป้องดวงตาจากลมและหมอกควัน ที่สำคัญ...หลีกเลี่ยงการออกกำลังนอกอาคารในช่วงที่มีหมอกควันมาก
นอกเหนือจากมลพิษทางอากาศที่คนกรุงในคนในเมืองใหญ่ต่าง ๆ ต้องเผชิญแล้ว "แสงแดด" ที่ร้อนแสบผิวกายก็เป็นอีกหนึ่งเรื่อง ที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเช่นกัน เนื่องจากปัญหาภาวะเรือนกระจกที่โลกเราเผชิญอยู่ "ยังก่อให้เกิดโรคมะเร็งผิวหนังได้" โดยเฉพาะผู้ที่เคยผิวไหม้หรือชอบนอนอาบแดด และผู้ที่เป็นแผลเรื้อรัง
ส่วนวิธีการป้องกันให้ห่างจากมะเร็งผิวหนังนั้น แพทย์ด้านผิวหนัง โรงพยาบาลรามาธิบดี ได้บอกเอาไว้ว่า ให้หลีกเลี่ยงแสงแดดช่วง 10.00-15.00 น ซึ่งเป็นช่วงที่มีรังสี UV สูงสุด หากจำเป็นต้องออกแดดต้องสวมเสื้อผ้าสีอ่อน เนื้อแน่น หมวกปีกกว้าง 3 นิ้ว พร้อมกับกางร่มที่ป้องกันแสงแดดได้ ที่สำคัญควรทาครีมกันแสงแดดที่มีค่า SPF 30 ขึ้นไป ขอแถมเคล็ด (ไม่) ลับ อีกสักนิดว่าการทาครีมควรทาตั้งแต่ในวัยเด็ก เพราะรังสี UV จะเข้าไปสะสมอยู่ในร่างกายประมาณร้อยละ 80 ก่อนที่จะอายุ18 ปี
ที่สำคัญอย่าลืมว่า... "อยากสุขภาพดีคุณต้องสร้างด้วยตัวคุณเองเท่านั้น"
ที่มา http://health.kapook.com/view9576.html
วันที่ 28 ม.ค. 2010
นางสาว สาวิตรี ม่วงศรี 51116603002
ตอบลบการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
ปัญหาหมอกควัน และไฟป่า
ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง ส่วนใหญ่พบว่าไม่ได้เกิดจากเหตุธรรมชาติ แต่เกิดจากการเผาป่า ทำลายป่ามากกว่า โดยต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลายจังหวัดในภาคเหนือเริ่มมีฝุ่นละอองเกินกว่ามาตรฐาน ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างไร ติดตามได้จากรายงาน
จากสถานการณ์ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นขณะนี้ สาเหตุส่วนใหญ่พบว่าเกิดจากฝีมือมนุษย์ มากกว่าที่จะเกิดจากภัยทางธรรมชาติ ทั้งการเผาป่า ใบไม้และเศษหญ้าแห้ง เพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตรครั้งต่อไป ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกปี ถึงแม้รัฐบาลจะมีการประกาศขอความร่วมมือจากประชาชนและเกษตรกรให้งดการเผาหญ้าแล้วก็ตาม เนื่องจากก่อให้เกิดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองกระจายคละคลุ้งไปทั่วพื้นที่โดยรอบ โดย นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนแล้ว ยังส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นแย่ลง รวมทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการขึ้น-ลงของเครื่องบินด้วย และจากสภาพอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบันยังเป็นปัจจัยก่อให้เกิดไฟลุกลามได้ง่าย การเข้าไปดับไฟก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก
นายสุพัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัญหาดังกล่าวยังคงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลายจังหวัดในภาคเหนือ เริ่มมีฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ซึ่งจากการตรวจวัด พบว่าในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีระดับฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมคอนขึ้นไป ถึง 212 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าว ไม่ได้เกิดจากภายในประเทศเท่านั้น แต่เกิดจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับไทยด้วย ซึ่งหลังจากที่ได้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่าง 5 ประเทศในลุ่มน้ำโขงแล้ว ที่ประชุมได้กำชับให้แต่ละประเทศควบคุมเรื่องการแผ้วถางหญ้า การเผาป่า และเศษวัสดุจากการเกษตรให้น้อยลง ซึ่งประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนเครื่องตรวจวัดระดับฝุ่นละอองกับประเทศพม่าและลาว ซึ่งทุกประเทศได้ให้ความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวจะไม่สามารถหมดลงไปได้ หากประชาชนไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพราะหากหยุดการเผาป่าหรือเศษวัสดุทางการเกษตร ก็จะถือเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองลงได้อย่างมาก
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ขนิษฐา ลือสัตย์ Rewriter : ธนวัต วงศ์วิริยะวณิช
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th
พฤหัสบดี ที่ 18 เดือน มีนาคม พ.ศ.2553
นายสุรศักดิ์ สุขสงวน 51116603004
ตอบลบข่าวมลพิษ
มลพิษทางอากาศที่เชียงใหม่
• ชม.ควันพิษขึ้นสูงช่วงดึก นักวิทย์แนะอย่าออกนอกบ้าน
ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยีแนะผู้ที่อยู่อาศัยในเขตตัวเมืองเชียงใหม่ หลีกเลี่ยงออกนอกบ้านช่วงเวลา 21.00-22.00 น. เผยศึกษาพบไอพิษเจือปนสูงสุด ผลจากลมยอดดอยพัด "กด" อากาศในตัวเมืองให้ลอยต่ำ ส่งผลให้ก๊าซพิษจากรถยนต์ปกคลุมไปทั่ว แต่พ้นจากช่วงเวลาดังกล่าวมลพิษก็เริ่มคลี่คลาย
ดร.สุรชัย สถิตคุณารัตน์ นักวิจัยศูนย์คาดการณ์เทคโนโลยีเอเปค ศูนย์บริหารจัดการเทคโนโลยี กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี กล่าวถึงการศึกษาสภาพอากาศในเมืองเชียงใหม่ พบว่าช่วงเวลาที่มลพิษเพิ่มสูงสุดคือ 21.00-22.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงที่อากาศปิด หรือไม่ถ่ายเท ประกอบกับลมจากยอดดอยสุเทพพัดมากดมลพิษไม่ให้ลอยขึ้นสูง ทำให้มลพิษสะสมอยู่ในตัวเมืองมากกว่าช่วงเวลาเร่งด่วนในตอนเย็น
ส่วนในช่วงเช้า ซึ่งสภาพอากาศเปิด ปริมาณมลพิษบนท้องถนนสัมพันธ์กับปริมาณรถยนต์บนท้องถนน โดยช่วงเวลาเร่งด่วนพบมลพิษขยับขึ้นสูง แต่ก็ยังต่ำกว่าช่วงเวลาเร่งด่วนในตอนเย็น ทั้งนี้ 90% ของมลพิษในเชียงใหม่มาจากควันเสียของยานพาหนะ ที่เหลืออีก 10% เป็นควันและฝุ่นควันจากการเผาของเหลือทิ้งทางการเกษตร เผาป่า เตาเผาขยะ และเตาเผาศพ
นางสาว สาวิตรี ม่วงศรี 51116603002
ตอบลบปัญหาหมอกควัน และไฟป่า
ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง ส่วนใหญ่พบว่าไม่ได้เกิดจากเหตุธรรมชาติ แต่เกิดจากการเผาป่า ทำลายป่ามากกว่า โดยต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลายจังหวัดในภาคเหนือเริ่มมีฝุ่นละอองเกินกว่ามาตรฐาน ซึ่งจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพอย่างไร ติดตามได้จากรายงาน
จากสถานการณ์ปัญหาหมอกควันที่เกิดขึ้นขณะนี้ สาเหตุส่วนใหญ่พบว่าเกิดจากฝีมือมนุษย์ มากกว่าที่จะเกิดจากภัยทางธรรมชาติ ทั้งการเผาป่า ใบไม้และเศษหญ้าแห้ง เพื่อเตรียมพื้นที่ทำการเกษตรครั้งต่อไป ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทุกปี ถึงแม้รัฐบาลจะมีการประกาศขอความร่วมมือจากประชาชนและเกษตรกรให้งดการเผาหญ้าแล้วก็ตาม เนื่องจากก่อให้เกิดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองกระจายคละคลุ้งไปทั่วพื้นที่โดยรอบ โดย นายสุพัฒน์ หวังวงศ์วัฒนา อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า ปัญหาหมอกควันและฝุ่นละออง นอกจากจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนแล้ว ยังส่งผลให้ทัศนวิสัยในการมองเห็นแย่ลง รวมทั้งยังเป็นอุปสรรคต่อการขึ้น-ลงของเครื่องบินด้วย และจากสภาพอากาศที่เกิดขึ้นในปัจจุบันยังเป็นปัจจัยก่อให้เกิดไฟลุกลามได้ง่าย การเข้าไปดับไฟก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก
นายสุพัฒน์ กล่าวอีกว่า ปัญหาดังกล่าวยังคงสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนอย่างหนัก โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือ โดยเมื่อช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา หลายจังหวัดในภาคเหนือ เริ่มมีฝุ่นละอองเกินมาตรฐาน ซึ่งจากการตรวจวัด พบว่าในพื้นที่อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีระดับฝุ่นขนาดเล็กกว่า 10 ไมคอนขึ้นไป ถึง 212 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงกว่าค่ามาตรฐานที่กำหนดไว้ 120 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร
ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าว ไม่ได้เกิดจากภายในประเทศเท่านั้น แต่เกิดจากประเทศเพื่อนบ้านที่มีพื้นที่ชายแดนติดต่อกับไทยด้วย ซึ่งหลังจากที่ได้มีการประชุมหารือร่วมกันระหว่าง 5 ประเทศในลุ่มน้ำโขงแล้ว ที่ประชุมได้กำชับให้แต่ละประเทศควบคุมเรื่องการแผ้วถางหญ้า การเผาป่า และเศษวัสดุจากการเกษตรให้น้อยลง ซึ่งประเทศไทยได้ให้การสนับสนุนเครื่องตรวจวัดระดับฝุ่นละอองกับประเทศพม่าและลาว ซึ่งทุกประเทศได้ให้ความร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหาเป็นอย่างดี แต่ทั้งนี้ ปัญหาดังกล่าวจะไม่สามารถหมดลงไปได้ หากประชาชนไม่ให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ เพราะหากหยุดการเผาป่าหรือเศษวัสดุทางการเกษตร ก็จะถือเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยลดปัญหาหมอกควันและฝุ่นละอองลงได้อย่างมาก
ข้อมูลข่าวและที่มา
ผู้สื่อข่าว : ขนิษฐา ลือสัตย์ Rewriter : ธนวัต วงศ์วิริยะวณิช
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ : http://thainews.prd.go.th
พฤหัสบดี ที่ 18 เดือน มีนาคม พ.ศ.2553
นางสาวชิพพราพร ทะสุด
ตอบลบเมื่อวานนี้ (7 มีนาคม) กรมควบคุมมลพิษรายงานคุณภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบว่าบริเวณโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ค่าฝุ่นละอองสูงถึง 194 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงที่สุดในรอบปีนี้ ส่วนที่ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่วัดได้เกือบ 170 ไมโครกรัม ดัชนีคุณภาพอากาศเกิน 100 ทั้ง 2 จุด ถือว่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ป่วย และประชาชนทั่วไป ส่วนที่จังหวัดเชียงราย มีค่าฝุ่นละอองสูงที่สุดในเขตภาคเหนือตอนบน ถึง 262 ไมโครกรัม
ศูนย์ปฎิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ยังคงทำฝนหลวงทั้งช่วงเช้าและบ่าย เพื่อสร้างความชื้นในอากาศและลดหมอกควัน รวมทั้งช่วยพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง แต่พบว่าแนวเขาด้านตะวันตกของจังหวัดเชียงใหม่ บริเวณอำเภอแม่แจ่ม อมก๋อย และฮอด มีการเผาป่ามากขึ้น ทำให้เกิดหมอกควันหนาแน่น เป็นอุปสรรคต่อการทำฝนหลวง และทำให้ความชื้นในอากาศลดลง
ขณะที่ นายพีรัตน์ เรืองสุกใส หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ควันไฟป่าได้ปกคลุมในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนอย่างหนาแน่น ทัศนวิสัยมองไม่เห็นในระยะ 1,600- 2,000 เมตร ทำให้เครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินแม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ ต้องเลื่อนเที่ยวบินอย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม และ 7 มีนาคม ก็ยังเลื่อนเที่ยวบินออกไป ซึ่งล่าสุดการบินไทยประกาศเลื่อนเที่ยวบิน ทีจี 190 จากจังหวัดแม่ฮ่องสอน มายังจังหวัดเชียงใหม่ จากเดิมเวลา 10.50 น. ออกไปจนกว่าสถานการณ์ควันไฟป่าจะเบาบางลง
ด้าน นางถวัลรัตน์ ไชยอินปัน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดพะเยา ถือได้ว่าเป็นอีกจังหวัดหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่มีสภาพอากาศปกคลุมไปด้วยฝุ่นละออง และ หมอกควัน โดยมีปริมาณฝุ่นละอองเกินเกณฑ์ค่ามาตรฐาน ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการเผาขยะมูลฝอยของประชาชน และการเผาพื้นที่การเกษตรของเกษตรกร รวมถึงไฟป่าในพื้นที่ เพื่อเป็นการลดผลกระทบจากปัญหาหมอกควันในพื้นที่ ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีข้อแนะนำวิธีการปฏิบัติตนที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน
นางถวัลรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับวิธีการปฏิบัติของประชาชน ในการร่วมลดปัญหาหมอกควันในครั้งนี้ ได้แก่ ควรงดเว้นการเผาวัสดุทุกชนิดและหลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมใดๆ ที่ก่อให้เกิดหมอกควันทุกประเภท เช่น จุดธูปเทียน เผาขยะมูลฝอย เผาหญ้า และสูบบุหรี่ เป็นต้น ในส่วนของการกำจัดขยะให้ใช้วิธีฝังกลบแทนการเผา เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควัน
ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/34601
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบหมอกควันเหนือยังวิกฤติ-บินไทยเลื่อนบินไร้กำหนด
ตอบลบเมื่อวานนี้ (7 มีนาคม) กรมควบคุมมลพิษรายงานคุณภาพอากาศในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบว่าบริเวณโรงเรียนยุพราชวิทยาลัย ค่าฝุ่นละอองสูงถึง 194 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตร ซึ่งสูงที่สุดในรอบปีนี้ ส่วนที่ศูนย์ราชการจังหวัดเชียงใหม่วัดได้เกือบ 170 ไมโครกรัม ดัชนีคุณภาพอากาศเกิน 100 ทั้ง 2 จุด ถือว่าส่งผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ป่วย และประชาชนทั่วไป ส่วนที่จังหวัดเชียงราย มีค่าฝุ่นละอองสูงที่สุดในเขตภาคเหนือตอนบน ถึง 262 ไมโครกรัม
ศูนย์ปฎิบัติการฝนหลวงภาคเหนือ ยังคงทำฝนหลวงทั้งช่วงเช้าและบ่าย เพื่อสร้างความชื้นในอากาศและลดหมอกควัน รวมทั้งช่วยพื้นที่ที่ประสบภัยแล้ง แต่พบว่าแนวเขาด้านตะวันตกของจังหวัดเชียงใหม่ บริเวณอำเภอแม่แจ่ม อมก๋อย และฮอด มีการเผาป่ามากขึ้น ทำให้เกิดหมอกควันหนาแน่น เป็นอุปสรรคต่อการทำฝนหลวง และทำให้ความชื้นในอากาศลดลง
ขณะที่ นายพีรัตน์ เรืองสุกใส หัวหน้าสถานีอุตุนิยมวิทยาจังหวัดแม่ฮ่องสอน กล่าวว่า ขณะนี้สถานการณ์ควันไฟป่าได้ปกคลุมในพื้นที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนอย่างหนาแน่น ทัศนวิสัยมองไม่เห็นในระยะ 1,600- 2,000 เมตร ทำให้เครื่องบินของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เที่ยวบินแม่ฮ่องสอน-เชียงใหม่ ต้องเลื่อนเที่ยวบินอย่างไม่มีกำหนดตั้งแต่วันที่ 6 มีนาคม และ 7 มีนาคม ก็ยังเลื่อนเที่ยวบินออกไป ซึ่งล่าสุดการบินไทยประกาศเลื่อนเที่ยวบิน ทีจี 190 จากจังหวัดแม่ฮ่องสอน มายังจังหวัดเชียงใหม่ จากเดิมเวลา 10.50 น. ออกไปจนกว่าสถานการณ์ควันไฟป่าจะเบาบางลง
ด้าน นางถวัลรัตน์ ไชยอินปัน หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดพะเยา กล่าวว่า ขณะนี้จังหวัดพะเยา ถือได้ว่าเป็นอีกจังหวัดหนึ่งในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน ที่มีสภาพอากาศปกคลุมไปด้วยฝุ่นละออง และ หมอกควัน โดยมีปริมาณฝุ่นละอองเกินเกณฑ์ค่ามาตรฐาน ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากการเผาขยะมูลฝอยของประชาชน และการเผาพื้นที่การเกษตรของเกษตรกร รวมถึงไฟป่าในพื้นที่ เพื่อเป็นการลดผลกระทบจากปัญหาหมอกควันในพื้นที่ ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย มีข้อแนะนำวิธีการปฏิบัติตนที่ถูกต้องให้แก่ประชาชน
นางถวัลรัตน์ กล่าวอีกว่า สำหรับวิธีการปฏิบัติของประชาชน ในการร่วมลดปัญหาหมอกควันในครั้งนี้ ได้แก่ ควรงดเว้นการเผาวัสดุทุกชนิดและหลีกเลี่ยงการประกอบกิจกรรมใดๆ ที่ก่อให้เกิดหมอกควันทุกประเภท เช่น จุดธูปเทียน เผาขยะมูลฝอย เผาหญ้า และสูบบุหรี่ เป็นต้น ในส่วนของการกำจัดขยะให้ใช้วิธีฝังกลบแทนการเผา เพื่อลดระดับความรุนแรงของสถานการณ์หมอกควัน
ที่มา : http://hilight.kapook.com/view/34601
นายศรันญู ภาษี
ตอบลบรหัส 51116603024
หลักสูตรการจัดการสิ่งแวดล้อมเมืองและอุตสาหกรรม
เตรียมแผนรับมือปัญหามลพิษทางอากาศในเมืองเชียงใหม่ ใช้รถจักรยานแทนการใช้รถจักรยานยนต์ โดยได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลเยอรมัน
เชียงใหม่/ จากกรณีปัญหาหมอกควันและควันพิษจากเครื่องยนต์จนทำให้เมืองเชียงใหม่ถูกมองว่าเป็นมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงฤดูแล้งของทุกปี ตามพื้นที่รอบนอกมักมีการลักลอบเผาป่าและเผาหญ้าแห้งเพื่อทำไร่ของเกษตรกร ซึ่งการเผาในที่โล่งดังกล่าวส่งผลกระทบหลายด้าน ทางด้านมลพิษทางอากาศทำให้ชั้นบรรยากาศเต็มไปด้วยหมอกควัน และปีนี้ก็เช่นเดียวกันเริ่มก้าวย่างเข้าสู่ฤดูแล้งแล้วปัญหาที่กำลังจะเผชิญคือ หมอกควันปกคลุมเมือง จากปัญหาดังกล่าวหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนได้เร่งแก้ไขไว้ล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยง โดยเฉพาะในเขตเมืองเชียงใหม่
หนังสือพิมพ์บ้านเมือง พุธที่ 3 กุมภาพันธ์ 2553 10:13:51 น.
นายพัฒนา ภู่สวาท รหัสนักศึกษา 5214770188 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
ทำงานที่การไฟฟ้านครหลวงเขตมีนบุรีสารอันตรายที่พบได้แก่น้ำมันเบนซินเนื่องจากที่ทำงานมีปั๊มน้ำมันไว้บริการเติมน้ำมันให้กับรถที่จะต้องไปปฏิบัติงานประเภทอันตราย : 3 รหัส UN : 1114 ประเภทการบรรจุหีบห่อ : กลุ่ม II
ความเป็นพิษ ต่อร่างกาย สัมผัสทางหายใจ ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ จะระคายเคืองระบบหายใจ เป็นอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ปวดศีรษะ มึนงง วิงเวียนศีรษะ เหนื่อย สั่น ชัก หมดสติ หัวใจหยุดเต้น สัมผัสทางผิวหนัง ทำให้เกิดการระคายเคือง เป็นผื่นแดง คัน แสบไหม้ผิวหนัง ถ้ากลืนกินเข้าไป จะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน และ ท้องร่วง สัมผัสถูกตา จะก่อให้เกิดการระคายเคือง น้ำตาไหล ทำให้ประสาทตาอักเสบ และมองไม่เห็น
แนวทางการป้องกัน สำหรับผู้ปฏิบัติให้มีการ สวมอุปกรณ์ป้องกันการสัมผัสกับสาร กำหนดให้ใช้ถุงมือทุกครั้งขณะเติมน้ำมัน กำหนดให้สวมหน้ากากป้องกันการสูดดมสารเข้าสู่ร่างกาย กำหนดให้แสดงป้ายขั้นตอนการปฏิบัติงานแสดงไว้ชัดเจน กำหนดให้แสดงป้ายกันพื้นที่ห้ามเกิดประกายไฟขณะเติมน้ำมัน เป็นต้น
อาจารย์เอ๋ค่ะหนูส่งไปหลายรอบแล้วพอตอนส่งเสร็จแล้วมันขึ้นแต่พอมาดูอีกทีวันนี้มันหายไปไหนก็ไม่รู้ค่ะ..
ตอบลบนางสาว ขวัญธิดา ดงหลง
ตอบลบแหล่งที่มาของข้อมูล www.theenergy.com