งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคส่วนใหญ่สาร/วัตถุอันตรายที่พบเจอบ่อยที่สุดคือตัวทำละลายประเภททินเนอร์ ซึ่ง UN ได้จัดอยู่ในประเภทของเหลวไวไฟ (ไม่มีขั้ว/ไม่รวมกับน้ำ): Paint (Flammable) and Paint related material (Flammable): UN Number 1263: Guide Number 128
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบนาย ธงทัพ อินทรัมพรรย์ รหัสนักศึกษา 5314770008 วศม.รุ่น 2
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายที่พบบ่อยที่สุดในที่ทำงาน : ผมทำงานเป็น sale engineer ที่บริษัท AMRasia พึ่งเริ่มทำงานได้ 2 อาทิตย์ แผนกที่ผมทำเกี่ยวกับอุปกรณ์เครื่องวัดพลังงานไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ เวลาอยู่ที่ที่ทำงานส่วนมากอยู่เฉพาะหน้าคอมพิวเตอร์เพราะต้องศึกษาข้อมูลของงานจึงทำให้ผมไม่ได้ไปไหนหรือทำอะไรมากกว่าการนั่งอ่านข้อมูลของงานจากคอมพิวเตอร์ แต่ถ้ากลับบ้านผมมีงานที่ต้องทำเป็นประจำเวลาอยู่ที่บ้านคือล้างห้องน้ำ เพราะฉะนั้นผมขอระบุว่าพบน้ำยาล้างห้องน้ำบ่อยที่สุด (อย่าหักคะแนนผมนะครับ)
สถานที่พบ/กิจกรรมที่ทำให้พบ : หน้าห้องน้ำที่บ้าน กิจกรรมที่ทำให้พบคือการล้างห้องน้ำ เป็นประจำทุกอาทิตย์
ประเภทตามการแบ่งของ UN : ประเภทที่ 8 สารกัดกร่อน (สารเคมีที่สร้างความเสียหายต่อเนื้อเยื่อ ไอระเหยของสารประเภทนี้บางชนิดก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อจมูกและตา เช่นกรดเกลือ(hydrochloric acid) ซึ่งกรดเกลือในที่นี้จะพบได้ในน้ำยาล้างห้องน้ำ)
แนวทางการแก้ไขและป้องกัน : อ่านสลากให้เข้าใจก่อนใช้งาน , ก่อนที่จะล้างห้องน้ำทุกครั้งต้องใส่ถุงมือและรองเท้าบูทยาง เพื่อป้องร่างกายจากการสัมผัสถูกน้ำยาล้างห้องน้ำ หลีกเลี่ยงการสูดดมกลิ่นของน้ำยาล้างห้องน้ำโดยตรง และระวังอย่าให้เข้าตา หลังล้างห้องน้ำเสร็จแล้วทำการล้างถุงมือ , รองเท้ายาง , มือและเท้า ด้วยสบู่ หลังจากที่ใช้งานเสร็จแล้วให้ทำการเก็บอย่างมิดชิด ห่างไกลจากความร้อน และสารไวไฟ
การปฐมพยาบาล : ถ้าเข้าตาให้ล้างออกด้วยน้ำเปล่าด้วยการรินน้ำให้ไหลผ่านตา ถ้ายังมีอาการระคายเคืองอยู่ให้ไปพบแพทย์ , ถ้าถูกผิวหนังให้ล้างออกด้วยสบู่ ถ้ายังมีอาการระคายเคืองอยู่ให้ไปพบแพทย์ , ถ้าหายใจเข้าไป ให้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ ถ้ามีอาการรุนแรงให้รีบไปพบแพทย์
ปล . ถ้ามีความผิดพลาดประการใดทั้งในเนื้อความและการใช้งานบล็อกขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ ถ้าให้ปรับปรุงแก้ไขสิ่งใดในรายงานสามารถบอกให้แก้ไขได้ โดยแจ้งมาทาง e-mail maaikung@gmail.com หรือ maai_narak@hotmail.com นะครับ
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบนายพิชานัน แจ่มปัญญา รหัสนักศึกษา 5214770246 รุ่น 1 เลขที่ 24
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายที่พบบ่อยที่สุดในที่ทำงาน
ชื่อภาษาไทย :โซดาไฟ
ชื่อทางเคมี :Sodium hydroxide
คุณลักษณะ :เป็นของแข็งสีขาว ไม่มีกลิ่น โดยทั่วไปแล้วอยู่ในรูปของสารละลาย ดูดความชื้นดีมาก เป็นด่างแก่ละลายน้ำได้ดีผลิตจากกระบวนการแยกสารทางไฟฟ้าของน้ำเกลือ
สูตรโมเลกุล :NaOH
สูตรโครงสร้าง:Na' OH-
ชนิดของสารเคมี UN/ID No.: 1823
ประโยชน์ :ในทางอุตสาหกรรมใช้ทำให้กรดกลายเป็นกลาง สถานที่ที่ทำให้เจอ:พบในสถานที่ทำงานบริษัท เด็กซ์ตร้าแมนูแฟ็คเจอร์ริ่ง จำกัด ผู้ผลิต/จำหน่ายเหล็กข้ออ้อย
กิจกรรมที่ทำให้เจอ:การล้างคราบน้ำมันที่พื้นโรงงาน
ความเป็นพิษ/อันตราย: โซดาไฟมีฤทธิ์เป็นด่างจึงกัดผิวหนังได้ ยิ่งเข้มข้นมากยิ่งมีฤทธิ์มาก อันตรายเฉียบพลัน ถ้าหายใจเข้าไปโดยการสูดดมฝุ่นควันของสารจะระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ อาจเกิดปอดอักเสบ น้ำท่วมปอดได้ หากเข้าตาจะมีฤทธิ์ทำลายตั้งแต่ระคายเคืองหรือรุนแรงกระทั่งทำให้ตาบอดได้ หากถูกผิวหนังจะทำให้เกิดการไหม้จนเป็นแผลลึก หากรับประทานเข้าไปจะเกิดการไหม้ในปาก ลำคอ และทางเดินอาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย หมดสติ ถึงขั้นเสียชีวิตได้ ผู้ที่เคยได้รับสารเข้าไปทางปาก อาจมีการพัฒนากลายเป็นมะเร็งในภายหลัง 12-42 ปี หลังจากกินเข้าไป
การปฐมพยาบาล:- ถ้าหายใจเข้าไป ถ้าหายใจเข้าไป ให้เคลื่อนย้ายผู้
ป่วยออกสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจลำบากให้ออกซิเจนช่วย แล้วรีบนำส่งแพทย์
-ถ้ากลืนหรือกินเข้าไป อย่ากระตุ้นให้เกิดการอาเจียนให้ดื่มน้ำหรือนมปริมาณมากๆ ห้ามไม่ให้สิ่งใดเข้าปากผู้ป่วยที่หมดสติ รีบนำส่งแพทย์
-ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ฉีดล้างผิวหนังทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที พร้อมถอดเสื้อผ้าและรองเท้าที่ปนเปื้อนสารเคมีออก นำส่งแพทย์ทันที ซักทำความสะอาดเสื้อผ้าและรองเท้าก่อนนำกลับมาใช้ไหม่
- ถ้าสัมผัสถูกตา ให้ฉีดล้างตาโดยทันทีด้วยน้ำปริมาณ
มากๆอย่างน้อย 15 นาที พร้อมกระพริบตาถี่ๆ นำส่งแพทย์ทันที
ข้อควรระวัง :แม้ว่าโซดาไฟเป็นสารไม่ติดไฟ แต่ถ้าสัมผัสกับสารบาง
ชนิด เช่นกรดเข้มข้น หรือทำปฏิกิริยาอย่างรุนแรงกับน้ำ จะทำให้เกิดปฏิกิริยาเคมีกันจนเกิดความร้อนพอเพียงและทำให้สารที่วางอยู่ใกล้ลุกติดไฟได้ การดับเพลิงจึงต้องดูสารที่เป็นคู่ปฏิกิริยาและใช้เครื่องดับเพลิงให้ถูกต้อง
แนวทางการป้องกัน:การเก็บและใช้ควรอยู่ในภาชนะที่กันน้ำปิดสนิทมิดชิดในที่เย็น หลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง ควรจัดให้มีอุปกรณ์ป้องกัน เช่น หน้ากาก แว่นนิรภัย ถุงมือ ชุดคลุมทั้งตัว รองเท้าบู๊ต และจัดให้มีฝักบัวล้างตาหรือล้างตัวอยู่ใกล้เคียงบริเวณที่ทำงาน
เอกสารอ้างอิง:
-http://msds.pcd.go.th/searchID.asp
-http://th.wikipedia.org
-http://i.ibluewind.com/2007/03/aoa/
ปล.หากเนื้อหามีข้อผิดพลาดประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย
มือใหม่หัดใช้งานบล๊อกครับ gas_jet@hotmail.com
นาย อรุณ วิชัยรัตน์ เลขประจำตัว 5214770109 วศม. รุ่นที่ 1 aroon-05@hotmail.com
ตอบลบวัตถุอันตรายที่พบในที่ทำงาน เป็นน้ำยาลบหมึก ( LIQUID PAPER ) ชึงมีส่วนผสมของสารระเหยเป็นพวก
Trichloroethone , vinyltrichloride, beta- trichloethone ชนิดของวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 CAS NO
79-00-5 ตามประกาศฉบับที่ พ.ศ 2546 สว. 22 กย 2546 ในผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้เพื่อประโยชน์ในการลบหรือ
แก้คำผิดหรือเพื่อการละลายสารเคมีที่ใช้ในการลบหรือแก้คำผิดหรือชักแห้งผ้าหรือสิ่งทออื่นๆ
ความเป็นอันตรายต่อร่างกายต่อผิวหนังหรือการดูดดมทำให้อาการมึมงงได้การทำลายระบบประสาท วิธี
การป้องกันควรทำตามคำเตือน ห้ามรับประทานหรือดูดดมระวังอย่าให้เข้าตาหรือถูกผิวหนัง
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบการอธิบายสาร/วัตถุอันตรายที่เจอบ่อยที่สุดที่ทำงานหน่วยงานก่อสร้าง
ตอบลบนายธนกฤษ จันทรพิลา รหัส 5214770039
นักศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม รุ่นที่ 1
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
- สารอินทรีย์ระเหย จัดอยู่ในประเภทวัตถุอันตรายประเภทที่ 9 คือสารสิ่งของอันตรายเบ็ดเตล็ด ซึ่งสารนี้สามารถเปลี่ยนสภาพจากของเหลวระเหยเป็นไอได้ในสภาพความดันและอุณหภูมิที่ปกติ เช่น ทินเนอร์ สีทาบ้าน น้ำมันสน เป็นต้น สารที่มีกลิ่นเหล่านี้ล้วนเป็นอันตรายต่อสุขภาพทั้งสิ้น
- สารอินทรีย์ระเหย แบ่งตามลักษณะโมเลกุล เป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ
1. Non-Chlorinated VOCs หรือ Non-Halogenated Hydrocarbons ได้แก่ กลุ่มสารระเหยอินทรีย์ที่ไม่มีธาตุคลอรีนในโมเลกุล ประกอบด้วย Aliphatic Hydrocarbons (น้ำมันเชื้อเพลิง,Gasoline, Hexane, Industial Sovent, Alcohols, Aldehydes, Ketone) และกลุ่ม Aromatic Hydrocarbon (สารทำละลาย Toluene, Benzene, Ethylbenzene, Xylenes,Stylene, Phenol)
2. Chlorinated VOCs หรือ Halogenated ได้แก่ กลุ่มสารอินทรีย์ระเหยที่มีธาตุคลอรีนในโมเลกุล สารระเหยในกลุ่มนี้เป็นอันตรายต่อสุขภาพและสิ่งแวดล้อมมากกว่าในกลุ่มแรก เพราะมีการรวมกลุ่มกันของสารได้แนบแน่นยากต่อการสลายตัวทางในธรรมชาติ มีความคงตัวสูงสะสมได้นาน สลายตัวทางชีวิภาพได้ยาก รบกวนการทำงานของพันธุกรรม หรือยับยั้งปฏิกิริยาทางเคมีในเซลล์และมีฤทธิ์ในการก่อมะเร็ง หรือกระตุ้นการเกิดมะเร็งได้
- สถานที่ทำให้เจอสารอินทรีย์ระเหย คือการตรวจสอบงานตกแต่งภายในโครงการส่วนสำนักงาน
- กิจกรรมที่ทำให้เจอสารอินทรีย์ระเหย คือ การทาสีภายใน และการย่อมสีเฟอร์นิเจอร์ซึ้งส่วนผสมของสีที่ใช้สำหรับเฟอร์นิเจอร์คือ สารประเภททินเนอร์ และน้ำมันสนการผสมสี
- ความเป็นพิษ และกลไกลความเป็นพิษ โดยหลักร่างกายมนุษย์รับสารเคมีได้ 3 ทาง
1. ทางระบบทางเดินหายใจ
2. การดืมกินทางปาก
3. การสัมผัสทางผิวหนัง แต่หลังจากเข้าสู่ร่างกายแล้วส่วนใหญ่จะเข้าไปทางตับซึ่งมีเอนไซม์ และวิธีทางเมตาบอลิซึม (Metabolism) หลากหลายต่างกัน และให้ผลต่างกัน โดยจะทำการขับออกมาทางปัสสาวะเป็นส่วนมาก
- สารอินทรีย์ระเหยที่ทำให้เกิดอันตรายต่อมนุษย์
1. ผลกระทบต่อภูมิคุ้มกันของร่างกาย สารอินทรีย์ระเหยหลายชนิดจะเป็นตัวการทำให้ระบบภูมิคุ้มกันลดลง หรือ ถูกทำลาย การป้องกันโรค และการติดเชื้อจะลดน้อยและบกพร่องลงจากเดิม เม็ดเลือดขาวลดจำนวนลง
2. ผลกระทบต่อระบบประสาท อาการที่เห็นเด่นชัดและปฏิกิริยาที่มนุษย์ได้สัมผัสสารอินทรีย์ระเหย ได้แก่ การง่วงนอน วิงเวียนศีรษะ ปวดศีรษะ ซึมเศร้า แสบตา แสบจมูก หายใจลำบาก จิตใจกังวลคันที่ขาและเท้า หรือหมดสติภายในที่สุดถ้าได้รับเป็นปริมาณมากๆ
3. ผลกระทบต่อสุขภาพด้านอื่นๆ ผลกระทบที่ส่งผลระยะยาวได้แก่ ระบบสืบพันธุ์ ระบบฮอร์โมน ระบบพันธุกรรม อาจทำให้เกิดโรคมะเร็งบางชนิดได้ง่ายกว่าคนที่ไม่ได้รับการสัมผัสดังนั้นท่านจงหลีกเลี่ยงการสัมผัสสารเหล่านี้เข้าไว้ หรือหาทางป้องกันตนเองเป็นดีที่สุด
- แนวทางป้องกันภัยจากสารอินทรีย์ระเหย
1. มีการกำหนดพื้นที่จัดเก็บ รวมถึงเศษวัสดุที่มีการปนเปื้อนสารอินทรีย์ระเหย รวมถึงภาชนะบรรจุไว้ในพื้นที่กำหนด
2. มีอุปกรณ์ป้องกันอัคคีภัยทั้งป้ายและเครื่องหมายเตือนภัยต่างๆ
3. มีการประเมินความเสี่ยงในขั้นตอนของการทำงานเบื้องต้น
4. แนะนำชี้แจงผู้ปฏิบัติงานให้ทราบผลหรืออันตรายที่เกิดขึ้น
5. แนะนำให้ผู้ปฏิบัติงานใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล
นายสมาน ขั้นชัยภูมิ รหัส 5314770017 วศ.ม.
ตอบลบสาขาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม รุ่นที่ 2
ขอส่งรายงาน สาร/วัตุอัตรายที่พบอยู่เป็นประจำ
กรดไฮโดรคลอริก หรือ กรดเกลือ (อังกฤษ:hydrochloric acid) เป็นสารประกอบเคมีประเภทกรดละลายในน้ำ โดยเป็นสารละลายของไฮโดรเจนคลอไรด์ (HCl) เป็นกรดแก่, เป็นส่วนประกอบหลักของกรดกระเพาะ (gastric acid) และใช้กันอย่างกว้างในอุตสาหกรรมเป็นของเหลวที่มีพลังการกัดกร่อนสูง
กรดไฮโดรคลอริก หรือ มูเรียติกแอซิด
จัดอยู่ในประเภทที่ 8 สารกัดกร่อน ของการจำแนก UN
สถานที่ที่ทำให้เจอ ภายในโรงงาน ที่ข้าพเจ้าฯเข้าตรวจสอบอาคาร
กิจกรรมที่ทำให้ต้องเจอ กระผมเป็นผู้ตรวจสอบอาคาร
1.บริษัทขอนแก่นบริวเวอรี่ จำกัด จ.ขอนแก่น (2550-ปัจจุบัน)
2.บริษัทไทยน้ำทิพย์ จำกัด โรงงานจ.ขอนแก่นและ จ.นครราชสีมา (2550-ปัจจุบัน)
พิษของกรดเกลือที่มีต่อร่างกาย
กรดไฮโดรคลอริก หรือกรดเกลือ เป็นสารประกอบเคมีประเภทกรดละลายในน้ำ โดยเป็นสารละลายของไฮโดรเจนคลอไรด์ เป็นกรดแก่ และใช้กันอย่างกว้างในอุตสาหกรรม กรดเกลือเป็นของเหลวที่มีพลังการกัดกร่อนสูง
สารที่มีสูตรโครงสร้างเป็น HCl ถ้าพบในรูปของเหลว เรียกว่า Hydrochloric acid (กรดเกลือ) ถ้ามีสถานะเป็นก๊าซ เรียกว่า Hydrogen chloride ถ้าสารนี้เกิดปฏิกิริยา acid-base กับสารที่เป็นด่าง จะเรียกว่าเป็นเกลือ hydrochloride ของด่างนั้นๆ
พิษของกรดเกลือที่มีต่อร่างกาย
•ระบบทางเดินหายใจ กรดเกลือก่อให้เกิดการระคายเคืองเยื่อบุจมูก ลำคอ และเยื่อบุทางเดินหายใจ อาการจะเริ่มเกิดขึ้นเมื่อสูดดมเข้าไปในปริมาณ 35 ส่วนในล้าน หากได้รับเข้าไป 50 - 100 ส่วนในล้าน อาการจะรุนแรงจนทนไม่ได้ ผลที่เกิดขึ้นกับเยื่อบุทางเดินหายใจส่วนบน เมื่อได้รับกรดเกลือในปริมาณมาก อาจทำให้เนื้อเยื่อบวมอย่างมาก จนเกิดการอุดตันทางเดินหายใจ และ suffocation ได้
ผู้ที่ได้รับพิษขั้นรุนแรงจะมีอาการหายใจหอบ หายใจไม่ทัน เนื่องจากภาวะอุดกั้นหลอดลมขนาดเล็ก บางรายอาจเกิดภาวะปอดบวมน้ำซึ่งเป็นอันตรายอย่างมาก สหรับในเด็ก อาจเกิดอาการกล้ายหอบหืด ซึ่งจะเป็นอยู่นานหลายเดือน และไม่ค่อยตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาขยายหลอดลม • สมดุลกรด-ด่างของร่างกาย อาจเกิดขึ้นได้จากการได้รับพิษทางระบบทางเดินอาหาร เนื่องจากคลอไรด์อิออนเพิ่มสูงขึ้น ในเด็กที่มีอัตราการเผลาผลาญในร่างกายสูงจะได้รับผลกระทบมากกว่าปกติ ถึงขั้นเป้นอันตรายต่อชีวิตได้
•ผิวหนังแผลที่ผิวหนังเป็นลักษณะแผลลึก คล้ายแผลไฟไหม้ น้ำร้อนลวก อาจเกิดแผลที่เยื่อบุซึ่งเป็นเนื้อเยื่ออ่อนได้เช่นกัน การได้รับพิษโดยการสัมผัสกรดไฮโดรคลอริกเข้มข้น จะทำให้เกิดแผลเป็นขนาดใหญ่และลึก หากสัมผัสสารละลายที่เจือจาง ก็จะเกิดเป็นผื่นผิวหนังอักเสบและระคายเคือง ในเด็กจะพบปัญหาที่ผิวหนังมากกว่าผู้ใหญ่
•พิษต่อตาไอระเหยของไฮโดรเจนคลอไรด์หรือกรดไฮโดรคลิริก ทำให้เซลล์กระจกตาเกิดการตาย เลนส์ตาเกิดเป็นต้อกระจก และความดันภายในลูกเพิ่มขึ้นจนกลายเป็นต้อหินได้ กรณีที่สัมผัสกับสารละลายที่เจืองจาง จะเกิดแผลที่กระจกตาด้านนอก
•ระบบทางเดินอาหารก่อให้เกิดอาการปวดท้องรุนแรง กลืนลำบาก คลื่นไส้ อาเจียน การได้รับพิษโดยการกินกรดไฮโดรคลอริกเข้มข้น จะทำให้เกิดการหลุดลอกของเยื่อบุหลอดอาหารและกระเพาะอาหาร เกิดเป็นแผลภายใน มีเลือดออก แผลอาจทะลุได้
•ระบบหัวใจและหลอดเลือดเกิดขึ้นเมื่อได้รับพิษจากการกินเข้าไป หรือสัมผัสในปริมาณสูง ทั้งกรดไฮโดรคลอริกและแก๊ซไฮโดรเจนคลอไรด์ ทำให้ความดันโลหิตลดต่ำลง เกิดภาวะเลือดออกในทางเดินอาหาร และระบบสมดุลน้ำและของเหลวในร่างกายเสียไป การทำหน้าที่ของปอดจะกลับมาเป็นปกติหลังจากได้รับพิษ 7 - 14 วัน
แนวทางการการป้องกัน
เนื่องจากกรดเกลือมักจะเป็นพิษต่อทางเดินหายใจ และผิวหนังเป็นส่วนใหญ่ จึงมีวิธีการป้องกันดังนี้
1. ควรจัดให้ปฏิบัติงานในห้องที่มีระบบระบายอากาศดี
2. ควรสวมแว่นตานิรภัยหรือหน้ากากป้องกันไอกรด
3. ควรสวมถุงมือชนิดยาวถึงศอก หรือรองเท้าที่ทำจาก PVC
นายพีระ แก้วทอง รหัส 5214770451
ตอบลบทำงานเกี่ยวกับการบริหารอาคาร ดูแลงานด้านระบบวิศวกรรมอาคารซึ่งจะดูแลสระนำด้วย
สาร/วัตถุอันตรายที่พบที่ทำงานคือไตรคลอโรไอโสไซยานูริค แอซิด
อยู่ในประเภทที่5.1 ตัวเติมอ๊อกซิเจนและประเภทที่8 กัดกร่อน
ใช้เติมในสระว่ายนำเพื่อฆ่าเชื้อ
เป็นคลอรีนที่มีความเข้มข้นสูงถึง 90% สามารถละลายน้ำได้หมด ไม่มีตะกอนหลงเหลือ แต่ละลายได้ช้ามากใช้เวลาในการละลายน้ำนาน เมื่อละลายน้ำแล้วจะแตกตัวให้ HOCl และ Cyanuric Acid ทำให้มีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อสูงมาก สามารถออกฤทธิ์ได้ดีกว่า คลอรีนชนิด Hypochlorite 8-10 เท่า
แต่เนื่องจากเป็นสารประกอบคลอรีน ที่มีฤทธิ์เป็นกรดแก่ pH 2-3 ทำให้ค่อนข้างอันตรายในการใช้ และยังทำให้ pH ของน้ำลดลง และมีฤทธิ์กัดกร่อนสูง หากโดนผิวหนังจะทำให้ระคายเคืองผิวหนังและนัยน์ตา หากรับประทานเข้าไปอาจจะมีระคายเคืองทางเดินอาหาร
แนวทางป้องกัน ปิดฝาให้สนิท เก็บไว้ในที่แห้งและมิดชิด ห่างจากเด็ก อาหาร สัตว์เลี้ยง เปลวไฟ ความร้อน สารประกอบพวกแอมโมเนีย เอมีนส์ และสารอ๊อกซิไดส์
ส่งงานครับ
ตอบลบนายโกวิท สนธยาดี รหัส 5314770002 วศ.ม.
สาขาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม รุ่นที่ 2
ทำงานด้านออกแบบระบบเครื่องอัดลม
วัตถุอันตรายที่เจอบ่อยที่สุดในที่ทำงาน 1 ชนิด โดยระบุข้อมูลต่อไปนี้
1 จัดอยู่ในประเภทใดตามจำแนกของ un
LPG จัดอยู่ในประเภท ก๊าซ (Gases)
(liquefied petroleum gas) หรือก๊าซหุงต้ม ซึ่งจะประกอบไปด้วยก๊าซโพรเพนและก๊าซบิวเทน
2 สถานที่เจอ
ท้ายรถยนต์และห้องเครื่องยนต์
3 กิจกรรมที่ทำให้เจอ
ขับรถไปทำงานหรือเติมก๊าซรถยนต์ LPG
4 ความเป็นพิษ
ผู้ที่สูดดมก๊าซเข้าไปอาจจะมีอาการวิงเวียน คลื่นเหียนและเป็นลมได้
5 อันตราย
จุดเดือด จุดเดือดของก๊าซจะต่ำ มีจุดเดือดประมาณ 0 องศาเซลเซียส แต่อุณหภูมิเฉลี่ยของบ้านเกือบประมาณ 20 องศาเซลเซียล ดังนั้นเมื่อก๊าซถูกปล่อยออกจากภาชนะบรรจุก็จะเดือด โดยเปลี่ยนสถานะของเหลวที่ถูกกดดันอยู่จะกลายสภาพเป็นไอทันที การที่ก๊าซเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นไอจำเป็นต้องดึงดูดความร้อนจากบริเวณใกล้เคียง ซึ่งจะทำให้บริเวณนั้นหรือบริเวณปลายท่อที่ปล่อยไอก๊าซออกจะมีน้ำแข็งเกาะจนทำให้ท่อเกิดการตัน ซึ่งอาจมีผลทำให้ถังบรรจุเกิดระเบิดได้
6 แนวทางการป้องกัน
1 ป้องกันมิให้มีแหล่งกำเนิดไฟ หรือความร้อนในบริเวณใกล้เคียง และห้ามสูบบุหรี่
2 จัดให้มีเครื่องดับเพลิง และอุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสม
3 ระหว่างมีการถ่ายเท LPG จะต้องจัดให้มีการต่อเชื่อมสายดินระหว่างภาชนะที่มีการถ่ายเทสารหรือต่อลงดิน
4 ต้องระวังในการควบคุมอัตราส่วนการเติม LPG ไม่ให้เกินค่าที่กำหนดไว้
5 ฝึกสอนพนักงานให้เกิดความเข้าใจ และความรู้ในการทำงานกับ LPG ที่ถูกต้อง
6 ตรวจสอบและทดสอบสภาพการทำงานของระบบตามระยะเวลาที่ผู้ผลิตกำหนด หรืออย่างสม่ำเสมอ
ก๊าซ LPG (LIQUEFIED PETROLEUM GAS)
ตอบลบCAS NUMBER 68476-85-7
EC NUMBER 270-704-2
UN CLASS/NUMBER/GUIDE 2.1/1075/115
- พิกัดอัตราศุลกากร 2711.190103
- สถานที่พบ
- ปั๊มก๊าซ, รถยนต์นั่ง
- กิจกรรมที่ทำให้เจอ - รถยนต์นั่งส่วนตัวเกิดการรั่วไหล
- ความเป็นพิษ - อาเจียน, เวียนศีรษะ
- อันตราย - ทำให้หมดสติ
- แนวทางป้องกัน - ตรวจสอบรถยนต์และระบบเชื้อเพลิงให้สมบูรณ์แบบเสมอ
- เมื่อมีความจำเป็นต้องสัมผัส หรือต้องทำงานร่วม ต้อง
พยายามอยู่ในที่ที่มีอากาศถ่ายเทได้สะดวก
นาย ชัยพร พูลขันธ์
รหัส 5214770042
เลขที่ 4 รุ่นที่ 1
(ต่อ)
ตอบลบแนวทางการป้องกัน
ข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE) :
- ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ
- สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน4ppm : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจประเภทที่ใช้การส่งอากาศสำหรับการหายใจ ซึ่งมีอัตราการไหลของอากาศแบบต่อเนื่อง โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25 หรือให้เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมี canister ประเภทที่เหมาะสม โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) ซึ่งมี cartridge ที่เหมาะสม โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25 หรือให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 2000
- ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือการเข้าไปสัมผัสกับสารที่ไม่ทราบช่วงความเข้มข้น หรือการเข้าไปในบริเวณที่มีสภาวะอากาศที่เป็น IDLH : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000
- ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน : ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า(gas mask) และ canister ประเภทที่เหมาะสม หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50
โดย นายชัยยุทธ์ เงินส่งเสริม
5214770163
ชื่อนักศึกษา : นายเสริมชัย ทิพย์จริยาอุดม
ตอบลบรหัสนักศึกษา : 5314770009 วศ.ม. รุ่นที่ 2
ปัจจุบันทำงานที่ บริษัทวิศวกรที่ปรึกษาแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ทำหน้าที่ออกแบบงานวิศวกรรมระบบสุขาภิบาลและป้องกันอัคคีภัย งานระบบเครื่องกลต่างๆ มีทั้งงานบ้านพักอาศัย อพาร์ทเม้น อาคารชุดพักอาศัย อาคารสำนักงาน โรงงาน ดังนั้นเวลาทำงานส่วนใหญ่จึงทำงานอยู่ที่สำนักงานเป็นหลัก ต้องมีออกไปประชุมภายนอกบริษัทบ้าง ประมาณสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
สาร/วัตถุอันตรายที่เจอบ่อยที่สุดในสำนักงาน คือ น้ำยาลบคำผิด
ส่วนผสม/ประเภทวัตถุอันตราย :
Trichloroethane วัตถุอันตรายประเภท 6.1 สารพิษ
Naphthalene วัตถุอันตรายประเภท 4.1 ของแข็งไวไฟ
โดยชนิดของสารและส่วนผสมที่เลือกใช้ขึ้นอยู่กับผู้ผลิตแต่ละราย ปัจจุบันมีโครงการฉลากเขียว สำนักงานมาตรฐานอุตสาหกรรม กระทรวงอุตสาหกรรม มีข้อกำหนดพิเศษของ น้ำยาลบคำผิด ว่า จะต้องไม่มีสารจำพวก สารประกอบอินทรีย์อาโลจิเนต เช่น Trichloroethane เป็นต้น สารก่อมะเร็งที่ได้รับการยืนยันแล้วและสารที่มีหลักฐานเพียงพอว่าก่อมะเร็ง
สถานที่ที่ทำให้เจอ : โต๊ะทำงานของตัวเองเพราะเป็นอุปกรณ์สำนักงานที่ต้องใช้ประจำ
กิจกรรมที่ทำให้เจอ : ในช่วงที่ทำงานออกแบบ เวลาที่ร่างต้นฉบับแบบเพื่อให้ช่างเขียนแบบนำไปเขียนแบบ จำเป็นต้องใช้ปากกาหลายๆสี เพื่อให้ช่างเขียนแบบดูง่าย เวลาเขียนหรือขีดเส้นผิดก็ต้องใช้ น้ำยาลบคำผิด ลบข้อความที่ต้องการแก้ไขออกเพื่อให้ดูชัดเจน
ความเป็นพิษและอันตราย :
Trichloroethane :
- การหายใจเข้าไป จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ปวดศีรษะ เวียนศีรษะ อ่อนเพลีย คลื่นไส้ ถ้าสัมผัสที่ความเข้มข้นสูงกว่า 500 ppm. อาจทำให้การเต้นของหัวใจผิดปกติ ตับและไตถูกทำลาย ความดันโลหิตลดต่ำลง หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้
- การสัมผัสทางผิวหนัง จะทำให้เกิดการระคายเคืองเล็กน้อย ผื่นแดง ถ้าสัมผัสถูกสารนี้นาน ๆ จะทำให้ผิวหนังแห้งและตกสะเก็ด
- การกลืนหรือกินเข้าไป จะทำให้เกิดการระคายเคือง คลื่นไส้ อาเจียน และเกิดอาการเช่นเดียวกับการหายใจเข้าไป
- การสัมผัสถูกตา จะก่อให้เกิดการระคายเคือง น้ำตาไหล ตาแดง เจ็บตา
- สารนี้มีผลทำลายระบบประสาทส่วนกลาง ตับ ไต
Naphthalene :
- การหายใจเข้าไป จะทำให้เจ็บคอ ไอ ปวดศีรษะ และคลื่นไส้
- การสัมผัสถูกผิวหนัง ทำให้เกิดการระคายเคือง เกิดผื่นแดง ปวดแสบปวดร้อน สารนี้สามารถดูดซึมผ่านผิวหนังและทำให้เป็นอันตรายได้
- การกลืนหรือกินเข้าไป ทำให้มีอาการปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน มึนงง ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและลำไส้
- การสัมผัสถูกตา ทำให้เกิดการระคายเคือง ทำให้ตาแดง ปวดตา และสายตาพร่ามัว
- สารนี้ไม่เป็นสารก่อมะเร็งตามบัญชีรายชื่อของ NTP , IARC , ZLIST , OSHA
แนวทางป้องกัน : ใช้งานตามคำแนะนำของผู้ผลิตที่ระบุไว้ที่เอกสารแนะนำการใช้งาน ห้ามสูดดมและห้ามรับประทาน ระวังอย่าให้เข้าตาและถูกผิวหนัง และใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสัญลักษณ์ ฉลากเขียว
นายอุกฤษฎ์ ถนอมนาม รหัส 5314770007 วศ.ม. สาขาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม รุ่น 2
ตอบลบส่วนที่ 1/2
เนื่องจากงานที่ทำอยู่เป็นงานด้านออกแบบและตรวจสอบวิเคราะห์การใช้พลังงานทำให้ได้มีโอกาสออกแบบระบบผลิตไอน้ำในโรงงาน และเข้าตรวจสอบการใช้พลังงานในโรงงาน ทำให้มีโอกาสพบวัตถุอันตราย คือ ก๊าซ LPG ที่เป็นเชื้อเพลิงของระบบหม้อไอน้ำบ่อยๆ
มีต่อส่วนที่ 2/2
1. สาร / วัตถุอันตรายที่พบบ่อยในที่ทำงาน
1.1 ชื่อทางการค้า (Trade Name) ก๊าซหุงต้ม Liquefied Petroleum Gas, LPG
1.2 ชื่อทางเคมี (Chemical Name) Propane + Butane
1.3 สูตรทางเคมี (Chemical Formular) C3H8 + C4H10
1.4 ข้อมูลทางกายภาพและทางเคมี(Physical and Chemical Data)
จุดเดือด (Boiling Point) °C
จุดหลอมเหลว (Melting Point) °C -187
ความดันไอ (Vapour Pressure) 127.88 psig (37.8 °C)
การละลายได้ในน้ำ (Solubility in Water) ละลายเล็กน้อย
ความถ่วงจำเพาะ (Specific Gravity) 0.522-0.534 (15C, น้ำ = 1)
อัตราการระเหย (Evapouration Rate) 100% (%Volatile)
ความหนาแน่นไอ (Vapour Density) 1.73 (15C, อากาศ = 1)
ความเป็นกรดด่าง (pH-Value) NAV
ลักษณะสีและกลิ่น(Appearance Colour and Odour) ของเหลว (ภายใต้ความดัน) ไม่มีสี แต่จะมีกลิ่นจากการเติมสารประกอบซัลเฟอร์
1.5 ข้อมูลด้านอัคคีภัยและการระเบิด (Fire and Explosion Hazard Data)
จุดวาบไฟ (Flash Point) -60 ถึง - 105 °C
ขีดจำกัดการติดไฟ (Flammable limits)
ค่าต่ำสุด (Lower Flammable Limit-LFL) % 2
ค่าสูงสุด (Upper Flammable Limit-UFL) % 9
อุณหภูมิสามารถติดไฟได้เอง (Autoignition Temperature) 400-500 °C
การเกิดปฏิกิริยาเคมี (Chemical Reactivity) ปกติจะเปลี่ยนแปลงได้ช้า
สารที่ต้องหลีกเลี่ยงจากกัน (Materials to Avoid ) สารออกซิไดซ์ต่างๆ เช่น คลอรีน โบรมีน ฟลูออรีน (เนื่องจากทำปฏิกิริยารุนแรงต่อกัน)
สารอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว (Hazardous Decomposition Products) คาร์บอนไดออกไซด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ (Hazardous Combustion Products)
2. ประเภทตามการจำแนกของ UN : วัตถุอันตรายประเภท 2.1 ก๊าซไวไฟ
U.N. Number 1075
CAS Number 68746 – 85 – 7
3. สถานที่ทำให้เจอ : ภายในโรงงานใกล้กับหม้อไอน้ำ
4. กิจกรรมที่ทำให้เจอ : เข้าตรวจสอบและวิเคราะห์การใช้พลังงานในโรงงานอุตสาหกรรม ทำให้ต้องตรวจสอบความร้อนสูญเสียของหม้อไอน้ำ ระบบท่อไอน้ำ และระบบจ่ายเชื้อเพลิง
นายอุกฤษฎ์ ถนอมนาม รหัส 5314770007 วศ.ม. สาขาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม รุ่น 2
ตอบลบส่วนที่ 2/2
5. ความเป็นพิษ :
โพรเพน,TLV=1,000 ppm
บิวเทน,TLV = 800 ppm
6. อันตราย :
6.1 ทางเข้าสู่ร่างกาย (Ways of Exposure) การหายใจ ผิวหนัง ทางตา การกิน
6.2 อันตรายเฉพาะที่ (Local Effects) กรณีสัมผัส LPG ความเข้มข้นเกิน 1000 ppm ทางระบบหายใจ-ทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อจมูกและทางเดินหายใจ ทางผิวหนัง-เกิดอาการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทางตา-เกิดอาการระคายเคืองเยื่อบุตา ทางระบบทางเดินอาหาร-เกิดอาการ ระคายเคืองปากและทางเดินอาหาร
6.3 ผลจากการสัมผัสสารที่มากเกินไปในระยะสั้น (Effects of Overexposure Short-term) กรณีความเข้มข้นสูงมาก จะสามารถแทนที่ออกซิเจนในปอดได้ (Simple Aphyxiant) ทำให้เกิดอาการปวดศรีษะ เดินโซเซ ตาลาย จนกระทั่งอาจหมดสติได้
6.4 ผลจากการสัมผัสสารที่มากเกินไปในระยะยาว (Effects of Overexposure Long - term) กรณีสัมผัส LPG เหลว อาจจะดูดความร้อนจากอวัยวะที่สัมผัส จนทำให้เกิดแผลไหม้เย็น (Frostbite)
6.5 ค่ามาตรฐานความปลอดภัย TLV 1000 ppm (Time-Weighted Average) (ACGIH)
7. แนวทางป้องกัน :
7.1 การป้องกันไฟและการระเบิด (Fire and Explosion Prevention) ถังเก็บ LPG และอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องทุกตัวต้องมีการต่อสายดิน เพื่อป้องกันการสะสมของประจุไฟฟ้าสถิต มีการติดตั้งสายล่อฟ้าในบริเวณใกล้เคียงเพื่อป้องกันฟ้าผ่า นอกจากนั้น ควรมีการตรวจสอบอุปกรณ์ก่อนการใช้งานทุกครั้งว่ามีรอยรั่วหรือไม่ กรณีที่เกิดการรั่วไหลให้ตัดแยกอุปกรณ์ กำจัดแหล่งประกายไฟหรือแหล่งความร้อนต่างๆ แล้วฉีดน้ำหล่อเย็นที่ตัวอุปกรณ์หรือถังเก็บ
7.2 การระบายอากาศ (Ventilation) ถังเก็บและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องอยู่ในที่ที่ให้อากาศถ่ายเทสะดวก
7.3 ชนิดของอุปกรณ์ป้องกันทางการหายใจ (Respiratory Protection Type)
- ถ้าความเข้มข้นมากกว่า 1,000 ppm ให้ใช้หน้ากากกรองไอสารอินทรีย์
- ถ้าความเข้มข้นมากกว่า 10,000 ppm ใช้ Respirator แบบมีถังอัดอากาศติดตัว
- ถ้าความเข้มข้นมากกว่า 19,000 ppm ใช้ Respirator แบบมีถังอากาศติดตัวพร้อมสวมหน้ากาก Full Face หรือสวม SCBA (Self-Contained Breathing Apparatus)
7.4 การป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับมือ (Hand Protection) สวมถุงมือยาง
7.5 การป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับตา (Eye Protection) ใส่แว่นตานิรภัยเหนือหน้ากาก Full Face
7.6 การป้องกันอื่นๆ (Other Protection) Protection) สวมชุดทำงานที่เหมาะสม และควรมีที่ล้างตาและทำความสะอาดร่างกายฉุกเฉินบริเวณที่ปฏิบัติงาน
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบนาย ธวัชชัย กลิ่นบุบผา รหัสนักศึกษา 5214770112 วศม. รุ่นที่ 1
ตอบลบวัตถุอันตรายที่พบในที่ทำงาน เป็นน้ำยาล้างห้องนำ ( ยี่ห้อ VIXOL ) ชึงมีส่วนผสมของสาร
hydrochoric acid,exthoxylated nonylphenol จัดอยู่ในวัตถุอันตรายประเภทที่ 8 สารกัดกร่อน จะเจอบ่อยในที่ทำงานตรงบริเวณอ่างล้างมือในห้องนำ เวลาเข้าไปล้างมือหรือทำความสะอาดบริเวณใบหน้าและช่องปาก สารดังกล่าวข้างต้นจัดเป็นสารพิษร้ายแรงเป็นอันตรายต่อผิวหนัง ระบบหายใจ นัยตา และภายในร่างกายหากเข้ารักษาไม่ทันท่วงทีอาจสูญเสียอวัยวะหรือถึงแก่ชีวิตได้
วิธีการป้องกันควรทำตามคำเตือนในฉลากข้างขวด
-หากถูกผิวหนัง ให้ล้างออกด้วยนำจำนวนมากๆ
-หากเปื้อนเสื้อผ้าให้รีบถอดออกแล้วล้างร่างกายด้วยนำและสบู่
-หากเข้าตาให้ล้างด้วยนำสะอาดจนอากายระคายเคืองทุเลาหากไม่ทุเลาให้พบแพทย์
-หากกลืนกินห้ามทำให้อาเจียนให้ดื่มนำหรือนมปริมาณมากๆแล้วรีบนำผู้ป่วยส่งแพทย์ทันที
-ควรเก็บไว้ในที่มิดชิดหรือเฉพาะส่วน
-ให้ความรู้กับแม่บ้านถึงอันตรายและตระหนักในเรื่องความปลดภัย
ลักษณะงานของกระผมที่ทำจะอยู่ในออฟฟิตเป็นส่วนใหญ่
นายไพโรจน์ พันแสง
ตอบลบรหัสนักศึกษา ๕๓๑๔๗๗๐๐๑๖ วศม. สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม รุ่นที่ ๒ คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
สถานที่ทำงาน แผนกบำรุงรักษาระบบสื่อสาร ๓ สถานีไฟฟ้าแรงสูงลำปาง ๑ กฟผ.จังหวัดลำปาง
E-mail : Pairoj.pun@egat.co.th.
หน้าที่และความรับผิดชอบ งานให้บริการทางด้านระบบสื่อสาร แก่หน่วยงาน กฟผ. และบริษัทภายนอกในพื้นที่รับผิดชอบ พื้นที่ของภาคเหนือตอนบนจำนวน๘ จังหวัด ได้แก่จังหวัดลำปาง พะเยา แพร่ น่าน เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย และจังหวัดแม่ฮ่องสอน สถานีไฟฟ้าแรงสูง จำนวน ๑๙ สถานี โรงไฟฟ้าจำนวน ๕ แห่ง สถานีทวนสัญญาณวิทยุ จำนวน ๔ แห่ง และศูนย์ฝึก อบรม จำนวน ๑ แห่ง ให้มีความมั่นคงในการสนับสนุนการจ่ายกระแสไฟฟ้าได้อย่างมีเสถียรภาพ
ซึ่งอุปกรณ์ระบบสื่อสารของ กฟผ. ทุกแห่งนั้น จำเป็นจะต้องมีระบบ POWER SUPPLY SYSTEM ที่ใช้ในการสำรองระบบการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์สื่อสารทั้งหมด เพื่อให้มีความมั่นคงในการสนับสนุนการจ่าย กระแสไฟฟ้าของ กฟผ.ได้อย่างมีเสถียรภาพ ระบบ POWER SUPPLY SYSTEM ของ กฟผ.ได้แก่ BATTERY และBATTERY CHARGER เป็น POWER SUPPLY หรือเครื่องจ่ายไฟฟ้ากระแสตรงให้กับอุปกรณ์สื่อสารชนิดต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่ในสถานีไฟฟ้าแรงสูงต่างๆ และชาร์จแบตเตอรี่ไปพร้อมๆ กัน ซึ่งชาร์จได้ทั้งแบตเตอรี่ชนิด LEAD-ACIDและ SEAL LEAD MAINTENANCE และงานตรวจเช็คและบำรุงรักษาอุปกรณ์สื่อสาร ระบบ POWER SUPPLY SYSTEM จึงมีความจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจเช็คเป็นประจำทุกๆเดือน
ด้วยเหตุนี้จึงเป็นเหตุให้ได้สัมผัสกับกรดกำมะถัน หรือ กรดซัลฟิวริก
กรดกำมะถัน หรือ กรดซัลฟิวริก
ชื่อตาม IUPAC Sulfuric acid
ชื่ออื่น Oil of vitriol
UN number 1830
สูตรเคมี H2SO4
มวลต่อหนึ่งโมล 98.08 g/mol
กรดซัลฟิวริก ที่ความเข้มข้นอื่นมีดังนี้:
- 33.5%, เรียก กรดแบตเตอรี่ (battery acid) ใช้ใน แบตเตอรี่ประเภทตะกั่ว-กรด
- 62.18%, เรียก แชมเบอร์ (chamber) หรือ กรดปุ๋ย (fertilizer acid)
- 77.67%, เรียก โทเวอร์ (tower) หรือ กรดโกลเวอร์ (Glover acid)
- 98%, เรียก กรดซัลฟิวริก เข้มข้น (concentrated)
กรดกำมะถัน หรือ กรดซัลฟิวริก เป็น กรดแร่ (mineral acid) อย่างแรง ละลายได้ในน้ำที่ทุกความเข้มข้น กรดกำมะถันมีชื่อเดิมคือ "Zayt al-Zaj" หรือ "ออยล์ออฟวิตริออล" (oil of vitriol)ประโยชน์ของกรดกำมะถันได้แก่ ใช้ในการผลิตปุ๋ย กระบวนการผลิตแร่ การสังเคราะห์เคมี การกำจัดน้ำเสีย ใช้เป็นสารละลายอิเล็กทรอไลต์ในแบตเตอรี่ ซึ่ง ทาง กฟผ.ได้นำเอา BATTERY มาใช้ใน POWER SUPPLY SYSTEM กับอุปกรณ์ระบบสื่อสาร ใน กฟผ.
สถานที่ที่พบและจะต้องเข้าไปสัมผัส ได้แก่ สถานีไฟฟ้าแรงสูง ในพื้นที่ของภาคเหนือตอนบน จำนวน ๘ จังหวัด จำนวน ๑๙ สถานี โรงไฟฟ้าจำนวน ๕ แห่ง สถานีทวนสัญญาณวิทยุ จำนวน ๔ แห่ง และศูนย์ฝึก อบรม จำนวน ๑ แห่ง
กิจกรรมที่ทำให้พบ เนื่องจากในแต่ละเดือน ทางแผนกฯ จะต้องจัดผู้ปฏิบัติงานเข้าไปตรวจเช็คและบำรุงรักษาอุปกรณ์สื่อสารและอุปกรณ์ ระบบ POWER SUPPLY SYSTEM เป็นประจำทุกเดือน โดยมีวาระการตรวจเช็คเดือนละ ๑ ครั้ง ทำให้มีกิจกรรมที่จะต้องได้พบได้สัมผัสเป็นประจำทุกเดือน
จากการจำแนกประเภทวัตถุอันตรายของ UN ได้จัดให้ กรดกำมะถัน หรือ กรดซัลฟิวริก อยู่ในประเภทที่ 8 สารกัดกร่อน (เป็นสารซึ่งโดยปฏิกิริยาทำให้เกิดความเสียหายอย่างรุนแรงเมื่อสัมผัสกับเนื้อเยื่อของสิ่งมีชีวิต หรือวัตถุ)
แนวทางการป้องกันแก้ไขในการทำงานกับ BATTERY
เนื่องจากในแบตเตอรี่นั้นมีสารเคมีอยู่ภายใน เช่น สารตะกั่ว น้ำกรด เป็นต้น ดังนั้นในการทำงานกับแบตเตอรี่ควรใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ
1. ให้ระมัดระวังพวกไฟ หรือ ประกายไฟต่างๆ รวมทั้งประกายไฟจากการสูบบุหรี่ด้วย
2. ให้ทำการสวมใส่อุปกรณ์ป้องกันดวงตา
3. ระวังอย่าให้เด็กเข้าใกล้น้ำกรด และ แบตเตอรี่
4. การจัดวางและจัดเก็บแบตเตอรี่เก่าควรจัดวางและเก็บในสถานที่ที่ปลอดภัยและเป็นจุดที่จัดเก็บแบตเตอรี่โดยเฉพาะไม่วางทิ้งเกลื่อนกลาด
5. ไม่ควรทิ้งแบตเตอรี่เก่าลงในถังขยะปกติธรรมดาทั่วไป
6. ให้ระมัดระวังอันตรายจากแบตเตอรี่ระเบิด ในขณะที่ทำการชาร์จแบตเตอรี่นั้นจะมีแก็สเกิดขึ้น ซึ่งแก็สนั้นเป็นสารที่ทำให้เกิดการระเบิดได้อย่างสูง
7. ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำบนตัวแบตเตอรี่ ปฏิบัติตามคู่มืองานซ่อมประจำอู่เรื่องระบบไฟฟ้า และ ปฏิบัติตามคู่มือประจำรถ
8. ให้ระวังอันตรายจากน้ำกรดเวลาเดือด น้ำกรดในแบตเตอรี่นั้นเป็นสารกัดกร่อนอย่างรุนแรง ดังนั้นควรสวมอุปกรณ์ป้องกันดวงตา และ ถุงมือขณะที่ทำงานในกรณีนี้อยู่ รวมทั้งระวังอย่าเอียง หรือ ตะแคงแบตเตอรี่เป็นอันขาด เพราะน้ำกรดสามารถรั่วไหลออกมาทางรูระบายได้
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบเรียนอาจารย์สิรวัลภ์ เรืองช่วย ตู้ประกาย
ตอบลบกระผมนายศรายุธ กิตติสิทโธ นักศึกษา วศ.ม.มหาวิทยารามคำแหงเนื่องด้วยข้อมูลเรื่องสารอันตรายที่พบบ่อยที่สุด ที่ผมทำนำเสนออาจารย์มีความยาวเกินไป ทำให้ไม่สามารถส่งผ่านช่องแสดงความคิดเห็นนี้ได้ ผมขอความกรุณาอาจารย์ช่วยตรวจงานจาก blog ของผมนะครับ ที่ http://iel0027.blogspot.com
ด้วยความเคารพอย่างสูง
นายศรายุธ กิตติสิทโธ
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบวัตถุ / สารอันตราย ในที่ทำงาน
ตอบลบนาย ธวัตรชัย ทวิติยกุล เลขประจำตัว 5214770273
วิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม รุ่นที่ 1
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปีการศึกษา 1 / 2553
วัตถุอันตรายที่พบในที่ทำงาน สำนักงานเขตคลองสามวา กรุงเทพมหานคร
ผลิตภัณฑ์น้ำยาล้างห้องน้ำ
ชนิดผลิตภัณฑ์
มีพิษรุนแรง กัดกร่อน
ซึ่งมีส่วนผสมดังนี้
1. HYDROCHLORIC ACID 15 % W/W
ชนิดของวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 CAS NO 7647–01-0
2. LINEAR ALKYL BENZENE SULFONIC ACID 0.29 % W/W
ชนิดของวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 CAS NO 27176-87-0
3. ETHOXYLATED ALCOHOL (7EO) 1.5 % W/W
ชนิดของวัตถุอันตรายประเภทสารลดแรงตึงผิว
4. ETHOXYLATED ALCOHOL (15EO) 0.2 % W/W
ชนิดของวัตถุอันตรายประเภทสารลดแรงตึงผิว
ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่อง บัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย พ.ศ.2546
ในผลิตภัณฑ์ที่นำมาใช้เพื่อประโยชน์ในใช้ขจัดคราบทั่วไปตามบริเวณห้องน้ำ ฝาผนัง และเครื่องสุขภัณฑ์
วิธีใช้ ห้ามเทลงในสุขภัณฑ์ และขณะใช้ให้สวมถุงมือยาง
ตอบลบสำหรับทำความสะอาด
ผสมผลิตภัณฑ์ในอัตราส่วน 1 : 2 เทลงบนพื้น ผนังห้องน้ำ และสุขภัณฑ์ ที่ต้องการทำความสะอาด แล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
สำหรับพื้นผิวที่สกปรก
ผสมผลิตภัณฑ์ด้วยอัตราส่วน 1 : 1 ราดน้ำบริเวณที่ต้องการทำความสะอาด เช่น พื้น ผนังห้องน้ำ และสุขภัณฑ์ เทผลิตภัณฑ์ลงบนบริเวณที่มีคราบสกปรกทิ้งไว้ 5 นาที ใช้แปรงขัดออกแล้วล้างด้วยน้ำสะอาด
สำหรับฆ่าเชื้อ
หลังจากทำความสะอาดแล้วผสมผลิตภัณฑ์ 1 ส่วนต่อน้ำ 50 ส่วน เทราดให้ทั่วบริเวณที่ต้องการฆ่าเชื้อ ทิ้งไว้ 10 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด
วิธีการเก็บรักษา
เก็บในที่มิดชิด ห่างจากเด็ก อาหาร และสัตว์เลี้ยง
คำเตือน
1. ห้ามรับประทาน
2. ระวังอย่าให้เข้าตา ถูกผิวหนัง หรือสูดดม
3. ขณะใช้ให้สวมถุงมือยาง รองเท้ายาง และภายหลังการใช้หรือหยิบจับควรล้างถุงมือยาง
รองเท้ายาง และล้าง มือด้วยน้ำและสบู่ทุกครั้ง
4. ห้ามทิ้งผลิตภัณฑ์ หรือภาชนะบรรจุลงในแม่น้ำ คู คลอง และแหล่งน้ำสาธารณะ
วิธีแก้พิษเบื้องต้น
1. หากถูกผิวหนังให้ล้างด้วยน้ำจำนวนมากๆ หากเปื้อนเสื้อผ้าให้รีบถอดออกแล้วล้างร่างกายด้วย
สบู่และน้ำสะอาดทุกครั้ง
2. หากเข้าตาให้รีบล้างด้วยน้ำสะอาด จนอาการระคายเคืองทุเลา หากไม่ทุเลาให้รีบไปพบแพทย์
ทันที
3. หากกลืนกินผลิตภัณฑ์ ห้ามทำให้อาเจียน ให้ดื่มน้ำหรือนมปริมาณมากๆ แล้วรีบนำส่งแพทย์
ทันที พร้อมภาชนะบรรจุ ฉลากหรือใบแทรกของผลิตภัณฑ์
ภัยใกล้ตัว
ตอบลบพอพูดถึงสารเคมี คนจะรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที บ้างก็เป็นพิษ บ้างก็ติดไฟ แต่ถ้ามองไปรอบตัวจะพบว่าทุกอย่างเป็นสารเคมีทั้งนั้น อยู่ที่ว่าถ้าเรารู้จักใช้ประโยชน์และระวังการใช้ให้ถูกต้อง ท่านลองเดินเข้าไปในครัว ในห้องน้ำ เคยสังเกตบ้างหรือไม่ว่า มีอะไรที่เป็นสารเคมีอันตรายบ้าง โดยเฉพาะที่อยู่บนพื้นห้องน้ำ เช่น น้ำยาขัดพื้น ท่านเคยอ่านฉลากที่ขวดไหม หากได้ลองอ่านดูจะพบว่าบางชนิดระบุว่ามีส่วนผสมของ hydrochloric acid หรือกรดเกลือ ซึ่งจะเป็นอันตรายอย่างยิ่ง หากเด็กตัวเล็ก ๆ ของเราเกิดไปเทมันออกมาเล่นแล้วจะเกิดอะไรขึ้น
เรามักพบกรดเกลือในผลิตภัณฑ์ประเภท “ น้ำยาล้างห้องน้ำ ” เพราะกรดเกลือจะมีคุณสมบัติในการกัดกร่อนคราบสกปรก ทำให้สามารถทำความสะอาดสุขภัณฑ์ได้ง่าย ซึ่งในผลิตภัณฑ์ที่มักโฆษณาว่า “ แค่เทน้ำทิ้งไว้สักครู่ ไม่ต้องเสียเวลาขัด ก็จะขจัดคราบสกปรกได้แล้ว ” ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มักจะมีกรดเกลือเป็นส่วนผสมอยู่เสมอ
ขึ้นชื่อว่ากรด ย่อมมีฤทธิ์กัดกร่อน ซึ่งจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความเข้มข้น หากเราลองหยดกรดเกลือลงบนปูนหรือกระเบื้อง จะเห็นฟองฟู่ซึ่งเกิดจากปฏิกิริยาระหว่างกรดกับปูนเกิดเป็นก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ซี่งหากไม่ใช่ปูนแต่เป็นเนื้อหนังของเราผลลัพธ์จะร้ายแรงแค่ไหน เพราะฉะนั้นหากเห็นชื่อ กรดเกลือ หรือ hydrochloric acid จงระวังไว้ว่ามันคือสารเคมีที่มีฤทธิ์กัดกร่อน ถูกผิวหนังจะเกิดแผลเป็น เข้าตาก็อาจตาบอดได้ เพราะฉะนั้นสิ่งที่ควรทำหลังจากสัมผัสน้ำยาที่มีสารเหล่านี้ก็คือล้างด้วยน้ำมาก ๆ และถ้ามีผงฟูติดบ้านก็เอามาละลายน้ำประมาณ ๑ ช้อนต่อน้ำ ๑ แก้ว ราดบนผิวหนังที่ถูกกรด ก็จะช่วยลดฤทธิ์ของมันได้ แต่ข้อสำคัญที่ต้องใส่ใจเป็นอันดับแรกก็คือท่านเก็บสารเคมีเหล่านี้ไว้ในที่ที่ปลอดภัยจากลูกหลานของท่านหรือยัง ?
ตอบลบผู้เขียน: รศ.สุชาตา ชินะจิตร
วันที่: 20 ก.ค. 2549
www.chemtrack.org
(ต่อ )** ความเป็นพิษ / การดูดซึมของสารตะกั่ว สามารถเข้าสู่ร่างกายได้หลายวิธีทั้งทางเดินอาหาร แหล่งสำคัญ คือ การปนเปื้อนของตะกั่วในอาหาร น้ำ และเครื่องดื่ม ฯ และทางเดินหายใจ เกิดจากการหายใจเอาควัน หรือฟูมของตะกั่วเข้าไป รวมถึงจากการสัมผัส ซึ่งทำให้ตะกั่วซึมผ่านทางผิวหนัง กรณีนี้ส่วนใหญ่มาจากการทำงานที่มีอัตราความเสี่ยงของการสัมผัสหรือจับต้องวัสดุที่มีส่วนผสมของสารตะกั่วเป็นองค์ประกอบบ่อยครั้ง พบว่าร้อยละ ๗๐-๘๕ ของตะกั่วที่เข้าสู่ ร่างกายจะสามารถดูดซึมสารตะกั่วจากทางเดินอาหาร ร้อยละ 11 ในผู้ใหญ่ แต่สำหรับเด็กจะดูดซึมได้มากถึงร้อยละ ๓๐-๗๕ จะเห็นได้ว่าหากมีสารตะกั่วในอาหารทางเดินอาหารของเด็กจะดูดซึมได้ดีมาก เด็กที่ขาดอาหาร ขาดธาตุเหล็ก ขาดธาตุแคลเซียม หรืออาหารมันๆจะเพิ่มการดูดซึมสารตะกั่ว ส่วนทางเดินหายใจร่างกายจะสามารถดูดซึมได้ร้อยละ๕๐ ทางผิวหนังจะดูดซึมสารตะกั่วได้น้อย
ตอบลบ** อันตราย / ผลเสียของสารตะกั่วต่อสุขภาพ
- การสัมผัสทางหายใจ การหายใจเข้าไป ตะกั่วสามารถดูดซึมผ่านระบบการหายใจทำให้เกิดอาคารระคายเคืองของกล่องเสียงและปอด กรณีการสัมผัสอย่างเฉียบพลันจะทำให้มีอาคารคล้ายได้รับรสชาติของโลหะ เจ็บหน้าอก ปวดช่องท้อง และอาจทำให้ระดับตะกั่วในเม็ดเลือดสูง
- การสัมผัสถูกผิวหนัง อาจจะดูดซึมผ่านผิวหนังได้เมื่อสัมผัสเป็นระยะเวลานาน อาการแสดงเป็นโรคแพ้พิษตะกั่ว หรืออาจเป็นเหตุให้เกิดระคายเคืองเฉพาะที่ได้ ผื่นแดง ฯ
- การกลืนเข้าไป ความเป็นพิษทำให้เกิดอาการแพ้พิษตะกั่ว อาจเกิดอาการเป็นตะคริว คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร นอนไม่หลับ ระดับตะกั่วในเลือดสูง ช็อก และอาจถึงขั้นเสียชีวิตได้
- การสะสมของสารตะกั่วเป็นเวลานาน อาจก่อให้เกิดโรคต่าง ๆ ได้ อาทิ มะเร็ง ความดันโลหิตสูง การรบกวนการมองเห็น เป็นต้น
ค่าปกติของสารตะกั่วในสิ่งแวดล้อม
• ค่าสารตะกั่วในน้ำดื่มไม่ควรเกิน 15 ppb [parts per billion ]
• ค่าสารตะกั่วในดินไม่ควรเกิน 5 ppm [parts per million ]
• ค่าสารตะกั่วในอากาศไม่เกิน 1.5 ug/cubic meter (micrograms per cubic meter) per quarter
** แนวทางป้องกัน
เนื่องด้วย งานที่ปฏิบัติในหน้าที่ เป็นนายช่างนายตรวจ ตามพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร เมื่อได้เข้าตรวจสอบอาคารหรือโรงงาน จะทำการสังเกตเบื้องต้น เกี่ยวกับการจัดเก็บสารเคมีต่าง ๆ เพื่อความปลอดภัย ถ้าพบสิ่งผิดปกติจะทำหนังสือประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และอุตสาหกรรมจังหวัดให้เข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง เพื่อป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดจากกรณีสารพิษชนิดนี้และชนิดอื่น ๆ รั่วไหล ทั้งนี้ เพื่อคงไว้ซึ่งคุณภาพของสิ่งแวดล้อม รวมถึงการกำชับผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ดูแลการบริหารงานในสถานที่นั้น ๆ เกี่ยวกับกระบวนการป้องกันและลดอุบัติเหตุจากการทำงานโดยเฉพาะในที่ที่มีโอกาสเสี่ยงเกี่ยวกับสารเคมีสูง ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดตามกฎหมายความปลอดภัยในการทำงาน เรื่อง ความปลอดภัยในการทำงานเกี่ยวกับภาวะแวดล้อม ( สารเคมี ) พ.ศ. 2520
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบเพิ่มเติมสถานที่ทำงาน บริษัทโปรเอ็นเทคโนโลยี่จำกัด
ตอบลบตำแหน่ง ผู้ควบคุมงานโยธา และสถาปัตย์
โครงการ "Wind Shield Project" บริษัท โกลว์พลังงาน
นิคมอุตสาหกรรม มาบตาพุด ระยอง
ก๊าซ LPG
ตอบลบชื่อ ชูศักด์ แววเที่ยงธรรม รหัสประจำตัว 5314770001
สถานที่ทำงาน สำนักสนับสนุนและพัฒนาตามผังเมือง กรมโยธาธิการและผังเมือง
ถนนพระรามที่ 6 สามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯ
ลักษณะงานที่ทำให้พบบ่อยที่สุดในที่ทำงาน ขับรถยนต์
กิจกรรมที่ทำให้เจอ ขับรถไปทำงาน และ ขับรถราชการ
สถานที่ทำให้เจอ ในรถยนต์ อาคารจอดรถที่ทำงาน
ความเป็นพิษ บางครั้งได้กลิ่นแล้วจะคลื่นไสอาเจียน บางครั้งจดรถยนต์ติดเครื่องเปิดแอร์ นอนในรถจะรู้สึกว่าไม่อยากตื่นจะ
ง่วงมาก ไม่เหมือนกับนอนเปิดแอร์ที่บ้าน
อันตราย ถ้าหากเกิดการรั่วเข้าภายในรถอาจทำให้มึนงง และถ้ารั่วในห้องเครื่องยนต์ อาจเกิดไฟลุกไหม้หรือระเบิดได้
จัดอยู่ในประเภทวัตถุอันตราย ประเภทที่ 2 ก๊าซ (GASES)
นาย นฤการ ทิมเมือง เลขประจำตัว 5214770260 วศม. รุ่นที่ 1 Nagarn@hotmail.com
ตอบลบวัตถุอันตรายที่พบในที่ทำงาน เป็นน้ำมันเบนซีน (Benzene , Mixed with toluene ; Deakylation )
จัดอยู่ในประเภท รหัส UN/ID No.1993 CAS No 68953-80-0 ชื่อวงศ์ อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน
เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สถานที่เจอ สถานีบริการน้ำมัน , รถบริการส่งน้ำมันให้เครื่องจักร ณ.สถานที่ก่อสร้าง
กิจกรรมที่ทำให้เจอ เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างและซ่อมบำรุงถนนในทางหลวงพิเศษหมายเลข 7,9
สถานที่ทำงาน สำนักงานบำรุงทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง
ความเป็นพิษ ต่อร่างกาย
สัมผัสทางหายใจ การหายใจเข้าไปในปอด ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ จะระคายเคืองระบบหายใจ เป็นอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ปวดศีรษะ มึนงง วิงเวียนศีรษะ มองเห็นไม่ชัด เหนื่อย สั่น ชัก หมดสติ หัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิต มีผลต่อการเต้นของหัวใจ
สัมผัสทางผิวหนัง การสัมผัสถูกผิวหนังทำให้เกิดการระคายเคือง ถ้าสัมผัสเป็นเวลานาน ทำให้ไขมันหลุดออกไป เป็นผื่นแดง คัน แสบไหม้ผิวหนัง ผิวแตก เกิดการติดเชื้อ สารนี้สามารถดูดซึมผ่านผิวหนัง
กินหรือกลืนเข้าไป การกลืนกินเข้าไป เกิดการผิดปกติที่กระเพาะอาหาร และลำไส้ มีอาการระคายเคือง คลื่นไส้ อาเจียน และ ท้องร่วง
สัมผัสถูกตา การสัมผัสถูกไอหรือควัน จะก่อให้เกิดการระคายเคืองตาปานกลางถึงรุนแรง ไอหรือควันของสารทำให้เกิดการระคายเคือง การสัมผัสถูกตาโดยตรงทำให้น้ำตาไหล กลัวแสง กระจกตาอักเสบ กระจกตาขุ่น ทำให้ประสาทตาอักเสบ และมองไม่เห็น
การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ,อื่น ๆ สารนี้ทำให้เบื่ออาหาร เป็นโรคประสาท ตัวซีด เป็นโรคโลหิตจาง เลือดจับตัวเป็นก้อน ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก เลือดคั่งในปอด น้ำท่วมปอด และเส้นโลหิตแตก สูญเสียการได้ยินและสารนี้เป็นสารก่อมะเร็งตาม IARC, NTP, ACGIH
อันตรายของสารคือเป็นสารไวไฟทำให้เกิดอัคคีภัยและการระเบิดได้
แนวทางการป้องกัน สำหรับผู้ปฏิบัติให้มีการ สวมอุปกรณ์ป้องกันการสัมผัสกับสาร เช่น กำหนดให้มีผู้รับผิดชอบประจำซึ่งต้องเป็นผู้ที่ผ่านการอบรมการป้องกันการอันตรายจากสารมาแล้ว กำหนดให้ใช้ถุงมือทุกครั้งขณะเติมน้ำมัน กำหนดให้สวมหน้ากากป้องกันการสูดดมสารเข้าสู่ร่างกาย กำหนดให้แสดงป้ายขั้นตอนการปฏิบัติงานแสดงไว้ชัดเจน กำหนดให้แสดงป้ายกันพื้นที่ห้ามเกิดประกายไฟขณะเติมน้ำมัน เป็นต้น
สำหรับการป้องกันอันตรายหากเกิดการลุกติดไฟ
สำมีการเตรียมถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง โฟมหรือคาร์บอนไดออกไซด์ดับเพลิง ติดประจำรถบริการน้ำมัน
มีการเตรียมบรรจุน้ำไว้ประจำสำหรับหล่อเย็นภาชนะบรรจุและป้องกันการลุกลามของไฟหากเกิดเพลิงไหม้
มีการเตรียมถุงทรายสำหรับซับหากมีการหกรั่วไหลไม่ให้ติดไฟลดการแพร่กระจายของไอสารที่หก
มีการเตรียมรถน้ำสำหรับใช้น้ำล้างบริเวณรั่วไหล และใช้ควบคุมหากเกิดเพลิงไหม้
นาย นฤการ ทิมเมือง เลขประจำตัว 5214770260 วศม. รุ่นที่ 1 Nagarn@hotmail.com
ตอบลบวัตถุอันตรายที่พบในที่ทำงาน เป็นน้ำมันเบนซีน (Benzene , Mixed with toluene ; Deakylation )
จัดอยู่ในประเภท รหัส UN/ID No.1993 CAS No 68953-80-0 ชื่อวงศ์ อะโรมาติก ไฮโดรคาร์บอน
เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 ตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535
ผู้ใดผลิต นำเข้า ส่งออกหรือมีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตรายชนิดที่ 3 โดยไม่ได้รับอนุญาต ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสองปี หรือปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
สถานที่เจอ สถานีบริการน้ำมัน , รถบริการส่งน้ำมันให้เครื่องจักร ณ.สถานที่ก่อสร้าง
กิจกรรมที่ทำให้เจอ เป็นผู้ควบคุมงานก่อสร้างและซ่อมบำรุงถนนในทางหลวงพิเศษหมายเลข 7,9
สถานที่ทำงาน สำนักงานบำรุงทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง กรมทางหลวง
ความเป็นพิษ ต่อร่างกาย
สัมผัสทางหายใจ การหายใจเข้าไปในปอด ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ จะระคายเคืองระบบหายใจ เป็นอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ปวดศีรษะ มึนงง วิงเวียนศีรษะ มองเห็นไม่ชัด เหนื่อย สั่น ชัก หมดสติ หัวใจหยุดเต้นและเสียชีวิต มีผลต่อการเต้นของหัวใจ
สัมผัสทางผิวหนัง การสัมผัสถูกผิวหนังทำให้เกิดการระคายเคือง ถ้าสัมผัสเป็นเวลานาน ทำให้ไขมันหลุดออกไป เป็นผื่นแดง คัน แสบไหม้ผิวหนัง ผิวแตก เกิดการติดเชื้อ สารนี้สามารถดูดซึมผ่านผิวหนัง
กินหรือกลืนเข้าไป การกลืนกินเข้าไป เกิดการผิดปกติที่กระเพาะอาหาร และลำไส้ มีอาการระคายเคือง คลื่นไส้ อาเจียน และ ท้องร่วง
สัมผัสถูกตา การสัมผัสถูกไอหรือควัน จะก่อให้เกิดการระคายเคืองตาปานกลางถึงรุนแรง ไอหรือควันของสารทำให้เกิดการระคายเคือง การสัมผัสถูกตาโดยตรงทำให้น้ำตาไหล กลัวแสง กระจกตาอักเสบ กระจกตาขุ่น ทำให้ประสาทตาอักเสบ และมองไม่เห็น
การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ,อื่น ๆ สารนี้ทำให้เบื่ออาหาร เป็นโรคประสาท ตัวซีด เป็นโรคโลหิตจาง เลือดจับตัวเป็นก้อน ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน หายใจลำบาก เลือดคั่งในปอด น้ำท่วมปอด และเส้นโลหิตแตก สูญเสียการได้ยินและสารนี้เป็นสารก่อมะเร็งตาม IARC, NTP, ACGIH
อันตรายของสารคือเป็นสารไวไฟทำให้เกิดอัคคีภัยและการระเบิดได้
แนวทางการป้องกัน สำหรับผู้ปฏิบัติให้มีการ สวมอุปกรณ์ป้องกันการสัมผัสกับสาร เช่น กำหนดให้มีผู้รับผิดชอบประจำซึ่งต้องเป็นผู้ที่ผ่านการอบรมการป้องกันการอันตรายจากสารมาแล้ว กำหนดให้ใช้ถุงมือทุกครั้งขณะเติมน้ำมัน กำหนดให้สวมหน้ากากป้องกันการสูดดมสารเข้าสู่ร่างกาย กำหนดให้แสดงป้ายขั้นตอนการปฏิบัติงานแสดงไว้ชัดเจน กำหนดให้แสดงป้ายกันพื้นที่ห้ามเกิดประกายไฟขณะเติมน้ำมัน เป็นต้น
สำหรับการป้องกันอันตรายหากเกิดการลุกติดไฟ
สำมีการเตรียมถังดับเพลิงชนิดผงเคมีแห้ง โฟมหรือคาร์บอนไดออกไซด์ดับเพลิง ติดประจำรถบริการน้ำมัน
มีการเตรียมบรรจุน้ำไว้ประจำสำหรับหล่อเย็นภาชนะบรรจุและป้องกันการลุกลามของไฟหากเกิดเพลิงไหม้
มีการเตรียมถุงทรายสำหรับซับหากมีการหกรั่วไหลไม่ให้ติดไฟลดการแพร่กระจายของไอสารที่หก
มีการเตรียมรถน้ำสำหรับใช้น้ำล้างบริเวณรั่วไหล และใช้ควบคุมหากเกิดเพลิงไหม้
ก๊าซ LPG
ตอบลบชื่อ ชูศักด์ แววเที่ยงธรรม รหัสประจำตัว 5314770001
ก๊าซ (GASES) หมายถึงสารที่อุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียส มีความดันไอมากกว่า 300 กิโลปาสกาล หรือมีสภาพเป็นก๊าซอย่าง
สมบูรณ์ที่อุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส และมีความดัน101.3 กิโลปาสกาล เมื่อเกิดการรั่วไหลสามารถก่อให้เกิด
อันตราย จากการลุกติดไฟ และ/ เป็นพิษ และแทนที่ออกซิเจนในอากาศ
2.1 ก๊าซ LPG จัดเป็นก๊าซไวไฟ (Flammable Gases) หมายถึง ก๊าซที่มีอุณหภูมิ 20 องศาเซลเซียส และมีความดัน
101.3 กิโลปาสกาล สามารถติดไฟได้ ขึ้นไปเมื่อผสมกับอากาศโดยไม่คำนึงถึงความเข้มข้น หรือ ต่ำสุดของ
การผสม ซึ่งโดยปกติก๊าซไวไฟจะหนักกว่าอากาศ
แนวทางป้องกัน เมื่อได้ศึกษาเกี่ยวกับมหันตภัยจากวัตถุเคมี (ความเสี่ยงและอันตราย) ได้รับรู้แล้วจึงตัดสินใจว่า จะรื้อถังก๊าซ
LPG ที่ติดตั้งในรถยนต์ออกหันมาใช้น้ำมัน อย่างเดิม
นาย สมชาย อมาตยกุล
ตอบลบรหัสประจำตัว 521-4770-463
1. มิได้ระบุไว้ใน UN (Identification Number) ที่ถูกกำหนดโดยองค์การสหประชาชาติ และกรมการขนส่งแห่งสหรัฐอเมริกา แต่ระบุไว้ใน CAS No. 7439-92-1 ขององค์การ Chemical Abstracts Service of the American Chemical Society
2. โรงงานผลิตรางรองรับน้ำฝนสังกะสี
3. ที่ตั้งโรงงานผลิตรางรองรับน้ำฝนสังกะสี สถานที่ใกล้บริเวณที่ทำงาน
4. ตะกั่ว เป็นแร่ธาตุประเภทโลหะหนัก เป็นสารพิษที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมี
ชีวิต สารตะกั่วที่แพร่กระจายเข้าสู่อากาศกลายเป็นสารมลพิษทางอากาศเกิดจากกิจการอุตสาหกรรม ที่ใช้สารตะกั่วในขบวนการผลิต เช่น โรงงานถลุงและหลอมตะกั่ว โรงงานทำแบตเตอรี่ ทำหม้อน้ำรถยนต์ สีทาบ้าน เป็นต้น ผู้ป่วยอาจแสดงอาการได้หลายอย่าง เช่น ปวดบิดในท้องอย่างรุนแรงโดยหาสาเหตุไม่พบ ร่วมกับอาการท้องผูก หรือไม่ก็ถ่ายเป็นเลือดอาจมีอาการซีด เนื่องจากเม็ดเลือดแดงถูกทำลายเร็วขึ้น และสร้างได้น้อย เนื่องจากพิษของตะกั่วที่มีต่อระบบเลือด อาจมีอาการปลายประสาทอักเสบ ซึ่งจะพบผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก ที่พบได้บ่อย คือ ประสาทมือเป็นอัมพาต ทำให้ข้อมือตก เหยียดไม่ขึ้น และประสาทเท้าเป็นอัมพาต ทำให้ปลายเท้าตกเดินขาปัด ที่ร้ายแรง ได้แก่ ภาวะผิดปกติทางสมอง ซึ่งจะพบมากในเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กต่ำกว่า 5 ปี ส่วนผู้ใหญ่พบได้น้อย เด็กจะมีอาการเดินเซ อาเจียน ซึม เพ้อ บุคลิกเปลี่ยนไปจากเดิมนำมาก่อนแล้วจะมีอาการชักและหมดสติ ถ้าหากไม่ได้รับการรักษา ก็มักจะตายในที่สุด หรือไม่สมองอาจพิการ และปัญญาอ่อน
ส่วนในรายที่มีพิษตะกั่วเรื้อรัง อาจมีอาการอ่อน เพลีย ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ หงุดหงิด เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ ขาเป็นตะคริว บางคนอาจพบรอยสีเทา ๆ ดำ ๆ ของสารตะกั่ว ที่ขอบเหงือก ในคนที่ไม่มีฟันจะไม่พบอาการนี้ และในเด็กก็มีโอกาสพบได้น้อย
5. แนวทางป้องกัน
1. คนที่ทำงานเกี่ยวกับสารตะกั่ว ควรหามาตรการป้องกันโดยการจัดสภาพ การทำงานให้ปลอดภัย (เช่น มีเสื้อคลุมป้องกันพิษ ตะกั่ว, มีอ่างน้ำและห้องอาบน้ำพอเพียง, มีทางระบาย ไม่ให้มีการสะสมของฝุ่นตะกั่ว) ห้ามสูบบุหรี่ และ กินอาหารในห้องที่มีสารตะกั่ว และควรมีการตรวจระดับตะกั่วในเลือดและปัสสาวะทุก 6 เดือน ถ้าพบว่า ระดับตะกั่วสูงควรให้หยุดงานหรือเปลี่ยนไปทำงาน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสารตะกั่ว ถ้าสูงมากควรให้กินยาลดสารตะกั่ว ถึงแม้จะยังไม่มีอาการแสดงก็ตาม
2. ควรแนะนำให้ประชาชนทั่วไปทราบถึงอันตราย ของตะกั่วซึ่งมีเจือปนอยู่ในอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น แบตเตอรี่ ถ่ายไฟฉาย สีทาบ้าน ของเล่นเด็ก เป็นต้น เพื่อป้องกันมิให้นำไปใช้ในทางที่ผิด ๆ หรือหาทาง ป้องกันมิให้เด็ก ๆ หยิบกินเล่นด้วยความไร้เดียงสา หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
ตอนที่1..
ตอบลบนายประสิทธิ์ จันทร์เมือง รหัส 5214770367
นักศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม รุ่นที่ 1
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายออกแบบและควบคุมอาคาร ( นักบริหารงานช่าง 7 )
สังกัด องค์การบริหารส่วนตำบลบางเสาธง
** สาร/วัตถุอันตรายที่พบบ่อยที่สุดในที่ทำงาน : สารตะกั่ว : Lead ( สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Pb จาก Plumbum )
“ ตะกั่ว ” เป็นแร่ธาตุประเภทโลหะหนัก มีเลขอะตอมิก ๘๒ โดยเป็นธาตุที่ ๕ ของหมู่๔A ในตารางธาตุ น้ำหนักอะตอมเท่ากับ ๒๐๗.๑๙ จุดหลอมเหลว ๓๒๗.๕ องศาเซลเซียส จุดเดือด ๑๗๔๐ องศาเซลเซียส ความถ่วงจำเพาะ ๑๑.๓๔ วาเลนซี ๐,+๒และ+๔ มีลักษณะเป็นของแข็ง สีเทาปนขาว( สีเงิน) เป็นสารพิษที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต จัดอยู่ในประเภทที่ 6 จำพวก สารพิษ รหัส 2291 ตามการจำแนกของ UN
(ตอนที่1)
ตอบลบนายสุมล ขอนแก้ว รหัส 5314770011 รุ่นที่ 2
ตำแหน่งปัจจุบัน นายช่างโยธา กองช่าง องค์การบริหารส่วนตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ
-ให้อธิบาย สาร/วัตถุอันตรายที่เจอบ่อยที่สุดในที่ทำงาน 1 ชนิด
สารตะกั่ว
1.จัดอยู่ประเภทใดตามการจำแนกของUN
ประเภท 6 ตามการจำแนกของUN คือ สารพิษและสารติดเชื้อ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มย่อย คือ ประเภท 6.1 คือ สารพิษ ตัวอย่างของสารกลุ่มนี้ได้แก่ โซเดียมไซยาไนด์ และกลุ่มสารกำจัดศัตรูพืชและแมลง เป็นต้น และ ประเภท 6.2 คือ สารติดเชื้อ ตัวอย่างของสารกลุ่มนี้ได้แก่ แบคทีเรียเพาะเชื้อ เป็นต้น
2.สถานที่ที่ทำให้เจอ
องค์การบริหารส่วนตำบลบางเสาธง มีพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด 56.1 ตารางกิโลเมตร มีโรงงานอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ในการควบคุมดูแลด้านงานควบคุมอาคาร มีการเข้าตรวจสอบโรงงานต่างๆเป็นประจำซึ่งทำให้อาจได้รับสารตะกั่วได้แต่ในความเป็นจริงในการเข้าตรวจสอบโรงงานก็จะได้รับสารอื่นๆนอกเหนือจากตะกั่วด้วย ส่วนในชีวิตประจำวัน ที่พบบ่อยๆจะพบใน สีทาบ้าน แบตเตอรี่ ของเล่นเด็ก เป็นต้น
3.กิจกรรมที่ทำให้เจอ
การเข้าตรวจสอบอาคารโรงงานต่างๆในพื้นที่รับผิดชอบเป็นประจำทำให้อาจได้รับสารตะกั่วโดยเฉพาะโรงานประเภทโรงชุบ โรงงานที่ทำการเชื่อมเหล็ก โรงงานสี โรงงานแบตเตอรี่ ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก
(ตอนที่1)
ตอบลบนายสุมล ขอนแก้ว รหัส 5314770011 รุ่นที่ 2
ตำแหน่งปัจจุบัน นายช่างโยธา กองช่าง องค์การบริหารส่วนตำบลบางเสาธง อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ
-ให้อธิบาย สาร/วัตถุอันตรายที่เจอบ่อยที่สุดในที่ทำงาน 1 ชนิด
สารตะกั่ว
1.จัดอยู่ประเภทใดตามการจำแนกของUN
ประเภท 6 ตามการจำแนกของUN คือ สารพิษและสารติดเชื้อ สามารถแบ่งออกได้เป็น 2 กลุ่มย่อย คือ ประเภท 6.1 คือ สารพิษ ตัวอย่างของสารกลุ่มนี้ได้แก่ โซเดียมไซยาไนด์ และกลุ่มสารกำจัดศัตรูพืชและแมลง เป็นต้น และ ประเภท 6.2 คือ สารติดเชื้อ ตัวอย่างของสารกลุ่มนี้ได้แก่ แบคทีเรียเพาะเชื้อ เป็นต้น
2.สถานที่ที่ทำให้เจอ
องค์การบริหารส่วนตำบลบางเสาธง มีพื้นที่รับผิดชอบทั้งหมด 56.1 ตารางกิโลเมตร มีโรงงานอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ในการควบคุมดูแลด้านงานควบคุมอาคาร มีการเข้าตรวจสอบโรงงานต่างๆเป็นประจำซึ่งทำให้อาจได้รับสารตะกั่วได้แต่ในความเป็นจริงในการเข้าตรวจสอบโรงงานก็จะได้รับสารอื่นๆนอกเหนือจากตะกั่วด้วย ส่วนในชีวิตประจำวัน ที่พบบ่อยๆจะพบใน สีทาบ้าน แบตเตอรี่ ของเล่นเด็ก เป็นต้น
3.กิจกรรมที่ทำให้เจอ
การเข้าตรวจสอบอาคารโรงงานต่างๆในพื้นที่รับผิดชอบเป็นประจำทำให้อาจได้รับสารตะกั่วโดยเฉพาะโรงานประเภทโรงชุบ โรงงานที่ทำการเชื่อมเหล็ก โรงงานสี โรงงานแบตเตอรี่ ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก
(ตอนที่3) นายสุมล ขอนแก้ว รหัส 5314770011 รุ่นที่ 2
ตอบลบตะกั่วบางส่วนจะไปสะสมในกระดูก โดยตะกั่ว (Pb+2) ซึ่งเป็นโลหะที่จำเป็นในการสร้างกระดูก และฟันทำให้มีอาการปวดตามข้อ กระดูกผุและหักง่าย ถ้าไปสะสมที่รากฟัน ทำให้เห็นสีม่วง หรือสีดำบริเวณเหงือก บางครั้งเรียกว่า เส้นตะกั่ว (Lead line) จะทำให้ฟันหลุดง่าย มีผู้วิจัย พบว่าตะกั่วสามารถเกาะกระดูกในร่างกาย ได้นานถึง 32 ปี และยังสะสมได้ในไขมัน ระบบประสาท สมอง ระบบน้ำเหลือง ตับ และไต
6.แนวทางป้องกัน
1. คนที่ทำงานเกี่ยวกับสารตะกั่ว (เช่น โรงงานแบตเตอรี่) ควรหามาตรการป้องกันโดยการจัดสภาพ การทำงานให้ปลอดภัย (เช่น มีเสื้อคลุมป้องกันพิษ ตะกั่ว, มีอ่างน้ำและห้องอาบน้ำพอเพียง, มีทางระบาย ไม่ให้มีการสะสมของฝุ่นตะกั่ว) ห้ามสูบบุหรี่ และ กินอาหารในห้องที่มีสารตะกั่ว และควรมีการตรวจระดับตะกั่วในเลือดและปัสสาวะทุก 6 เดือน ถ้าพบว่า ระดับตะกั่วสูงควรให้หยุดงานหรือเปลี่ยนไปทำงาน ที่ไม่เกี่ยวข้องกับสารตะกั่ว ถ้าสูงมากควรให้กินยาลดสารตะกั่ว ถึงแม้จะยังไม่มีอาการแสดงก็ตาม
2. ควรแนะนำให้ประชาชนทั่วไปทราบถึงอันตราย ของตะกั่วซึ่งมีเจือปนอยู่ในอุปกรณ์ต่าง ๆ เช่น แบตเตอรี่ ถ่ายไฟฉาย สีทาบ้าน ของเล่นเด็ก เป็นต้น เพื่อป้องกันมิให้นำไปใช้ในทางที่ผิด ๆ หรือหาทาง ป้องกันมิให้เด็ก ๆ หยิบกินเล่นด้วยความไร้เดียงสา หรือรู้เท่าไม่ถึงการณ์
(ตอนที่2) นายสุมล ขอนแก้ว รหัส 5314770011 รุ่นที่ 2
ตอบลบ4.ความเป็นพิษ
ผู้ป่วยอาจแสดงอาการได้หลายอย่าง เช่น ปวดบิดในท้องอย่างรุนแรงโดยหาสาเหตุไม่พบ ร่วมกับอาการท้องผูก หรือไม่ก็ถ่ายเป็นเลือดอาจมีอาการซีด เนื่องจากเม็ดเลือดแดงถูกทำลายเร็วขึ้น และสร้างได้น้อย เนื่องจากพิษของตะกั่วที่มีต่อระบบเลือด อาจมีอาการปลายประสาทอักเสบ ซึ่งจะพบผู้ใหญ่มากกว่าเด็ก ที่พบได้บ่อย คือ ประสาทมือเป็นอัมพาต ทำให้ข้อมือตก เหยียดไม่ขึ้น และประสาทเท้าเป็นอัมพาต ทำให้ปลายเท้าตกเดินขาปัด ที่ร้ายแรง ได้แก่ ภาวะผิดปกติทางสมอง ซึ่งจะพบมากในเด็ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเด็กต่ำกว่า 5 ปี ส่วนผู้ใหญ่พบได้น้อย เด็กจะมีอาการเดินเซ อาเจียน ซึม เพ้อ บุคลิกเปลี่ยนไปจากเดิมนำมาก่อนแล้วจะมีอาการชักและหมดสติ ถ้าหากไม่ได้รับการรักษา ก็มักจะตายในที่สุด หรือไม่สมองอาจพิการ และปัญญาอ่อน
ส่วนในรายที่มีพิษตะกั่วเรื้อรัง อาจมีอาการอ่อน เพลีย ปวดศีรษะ นอนไม่หลับ หงุดหงิด เบื่ออาหาร น้ำหนักลด ปวดตามข้อและกล้ามเนื้อ ขาเป็นตะคริว บางคนอาจพบรอยสีเทา ๆ ดำ ๆ ของสารตะกั่ว ที่ขอบเหงือก ในคนที่ไม่มีฟันจะไม่พบอาการนี้ และในเด็กก็มีโอกาสพบได้น้อย
(ตอนที่2/1) นายสุมล ขอนแก้ว รหัส 5314770011 รุ่นที่ 2
ตอบลบ5.อันตราย
พิษเรื้อรังที่เกิดจากสารตะกั่วนั้นจะค่อยๆ แสดงอาการออกมาภายหลังจากได้รับสารตะกั่วทีละน้อย เข้าสู่ของเหลวในร่างกายและค่อยๆสะสมในร่างกายจนถึงระยะเวลาหนึ่ง อาจนานเป็นปี จึงแสดงอาการส่วนมาก เกิดกับบุคคลที่มีอาชีพที่สัมผัสตะกั่ว ตะกั่วเมื่อเข้าสู่ร่างกาย ไม่ว่าทางใดจะถูกดูดซึมเข้าสู้ระบบไหลเวียนโลหิต ไปจับกับเม็ดเลือดแดงแทนที่เหล็ก (Fe+2) ซึ่งเป็นโลหะที่จำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้เกิดอาการโลหิต (Anaemia)และมีผลให้ ปริมาณเหล็กในน้ำเหลืองเพิ่มขึ้นผิดปกติ
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบตอนที่2...
ตอบลบ** สถานที่ที่ทำให้เจอ เนื่องจากในเขตพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลบางเสาธง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สีม่วงสามารถตั้งโรงงานอุตสาหกรรมได้ จึงทำให้สามารถพบเจอได้บ่อยจากการออกพื้นที่เพื่อตรวจสอบอาคารและโรงงาน
โดยส่วนใหญ่จะเห็นได้ชัดจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งในที่นี้ขอยกตัวอย่าง บริษัท TOA .CO. เป็นอุตสาหกรรมที่ผลิตสีทาบ้าน สารตะกั่วที่พบในโรงงานประเภทนี้ เป็นประเภทสารประกอบอนินทรีย์ตะกั่ว ออกไซด์ของตะกั่ว ได้แก่ ตะกั่วมอนอกไซด์ ( Lead monoxide ) ใช้เป็นสารสีเหลืองผสมสีทาบ้าน เป็นต้น และด้วยการที่
“ สารตะกั่ว ” มีคุณสมบัติที่อ่อนตัวสามารถแปรรูปได้โดยการดัด ทุบ รีด หลอม เป็นรูปร่างต่างๆได้ สามารถผสมเข้ากับโลหะต่าง ๆ ได้ดี รวมทั้งการทำปฏิกิริยาเกิดเป็นเกลือของตะกั่วต่าง ๆ ทำให้มันถูกนำมาใช้ เป็นส่วนผสมหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าที่บ้าน ที่ทำงาน หรืออื่น ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา แต่ เนื่องจากอันตรายของตะกั่ว จึงมีมาตรการลดการใช้สารอันตรายชนิดนี้ลง ที่เห็นได้ชัดคือ สี ทาบ้านและน้ำมัน แต่อย่างไรก็ตามยังพบว่ายังมีวัสดุที่มีสารตะกั่วเป็นส่วนประกอบอีกมากมาย เช่น เครื่องปั่นดินเผา แบตเตอร์รี่ หมึก สี ตัวเชื่อม ท่อน้ำ ชามเซลามิก ของเล่นเด็ก ลิปสติก ฯลฯ ซึ่งสารตะกั่วนี้สามารถอยู่ได้ทั้งในอากาศ น้ำ ดิน แม้ว่ารัฐบาลได้มีความพยายามที่จะลดสารตะกั่วออกจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา เช่น การใช้น้ำมันที่ปราศจากสารตะกั่ว การใช้ท่อประปาที่ทำจาก pvc แต่ ก็ยังตรวจพบสารตะกั่วในสิ่งแวดล้อม อยู่ประจำ
(หมายเหตุ ตอนที่3 (ต่อ))
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบตอนที่2...
ตอบลบ** สถานที่ที่ทำให้เจอ เนื่องจากในเขตพื้นที่รับผิดชอบขององค์การบริหารส่วนตำบลบางเสาธง ส่วนใหญ่เป็นพื้นที่สีม่วงสามารถตั้งโรงงานอุตสาหกรรมได้ จึงทำให้สามารถพบเจอได้บ่อยจากการออกพื้นที่เพื่อตรวจสอบอาคารและโรงงาน
โดยส่วนใหญ่จะเห็นได้ชัดจากโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งในที่นี้ขอยกตัวอย่าง บริษัท TOA .CO. เป็นอุตสาหกรรมที่ผลิตสีทาบ้าน สารตะกั่วที่พบในโรงงานประเภทนี้ เป็นประเภทสารประกอบอนินทรีย์ตะกั่ว ออกไซด์ของตะกั่ว ได้แก่ ตะกั่วมอนอกไซด์ ( Lead monoxide ) ใช้เป็นสารสีเหลืองผสมสีทาบ้าน เป็นต้น และด้วยการที่
“ สารตะกั่ว ” มีคุณสมบัติที่อ่อนตัวสามารถแปรรูปได้โดยการดัด ทุบ รีด หลอม เป็นรูปร่างต่างๆได้ สามารถผสมเข้ากับโลหะต่าง ๆ ได้ดี รวมทั้งการทำปฏิกิริยาเกิดเป็นเกลือของตะกั่วต่าง ๆ ทำให้มันถูกนำมาใช้ เป็นส่วนผสมหนึ่งในผลิตภัณฑ์ที่เราใช้กันในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าที่บ้าน ที่ทำงาน หรืออื่น ๆ ที่อยู่รอบตัวเรา แต่ เนื่องจากอันตรายของตะกั่ว จึงมีมาตรการลดการใช้สารอันตรายชนิดนี้ลง ที่เห็นได้ชัดคือ สี ทาบ้านและน้ำมัน แต่อย่างไรก็ตามยังพบว่ายังมีวัสดุที่มีสารตะกั่วเป็นส่วนประกอบอีกมากมาย เช่น เครื่องปั่นดินเผา แบตเตอร์รี่ หมึก สี ตัวเชื่อม ท่อน้ำ ชามเซลามิก ของเล่นเด็ก ลิปสติก ฯลฯ ซึ่งสารตะกั่วนี้สามารถอยู่ได้ทั้งในอากาศ น้ำ ดิน แม้ว่ารัฐบาลได้มีความพยายามที่จะลดสารตะกั่วออกจากสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา เช่น การใช้น้ำมันที่ปราศจากสารตะกั่ว การใช้ท่อประปาที่ทำจาก pvc แต่ ก็ยังตรวจพบสารตะกั่วในสิ่งแวดล้อม อยู่ประจำ
(หมายเหตุ ตอนที่3 (ต่อ))
นายบุญเลิศ สุขวัฒนานุกิจ รหัส 5214770370
ตอบลบนักศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม รุ่นที่ 1
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปัจจุบันดำรงตำแหน่ง วิศวกรโยธา ระดับ 5 สังกัด องค์การบริหารส่วนตำบลบางบ่อ
** สาร/วัตถุอันตรายที่พบบ่อยที่สุดในที่ทำงาน : แคดเมี่ยม : Cadmium ( สัญลักษณ์ทางเคมี คือ Cd )
“ แคดเมี่ยม ” คือธาตุเคมีที่มีหมายเลขอะตอม ๔๘ เป็นโลหะทรานซิชันสีขาว – ฟ้า เป็นธาตุมีพิษ ในธรรมชาติพบอยู่ในแร่สังกะสี มีลักษณะอ่อนนุ่มงอได้ เหนียวรัด ทนทานต่อกรดสูง หลอมเหลวที่อุณหภูมิ 320.9 องศาเซลเซียส
โดยเป็นธาตุที่ ๕ ของหมู่๑๒D ในตารางธาตุ น้ำหนักอะตอมเท่ากับ๑๑๒.๔๑๑(๘) จุดหลอมเหลว ๓๒๑.๐๗ องศาเซลเซียส จุดเดือด ๗๖๗ องศาเซลเซียส ความถ่วงจำเพาะ ๑๑.๓๔ วาเลนซี ๐,+๒และ+๔ มีลักษณะเป็นของแข็ง สีเทาปนขาว( สีเงิน) เป็นสารพิษที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต จัดอยู่ในประเภทที่ 6 จำพวก สารพิษ ตามการจำแนกของ UN
** สถานที่ที่ทำให้เจอ
เครื่องถ่ายเอกสารซึ่งเป็นอุปกรณ์สำนักงาน ที่สำคัญอย่างหนึ่งซึ่งถือได้ว่าเป็นสิ่งที่แทบทุกสำนักงานจะขาดไม่ได้ เนื่องจากประโยชน์ที่ได้รับมากมายจนผู้ใช้ละเลยอันตรายที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการใช้เครื่องถ่ายเอกสารเป็นเวลานาน ปกติแล้วเครื่องถ่ายเอกสารมีส่วนประกอบที่สำคัญอัน ได้แก่ แม่พิมพ์ที่เป็นโลหะ ลูกกลิ้งที่เคลือบด้วยโลหะ ประเภทซิลิเนี่ยม หรือ แคดเมี่ยม และรังสีอัลตราไวโอเลต จะสังเกตเห็นขณะถ่ายเอกสาร ซึ่งเครื่องถ่ายเอกสารที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน เป็นเครื่องถ่ายเอกสารระบบแห้งจะใช้สะดวกแต่ขณะที่ใช้ก็จะมีอันตรายต่อสุขภาพจากสารเคมีต่าง ๆ ดังนี้
ความคิดเห็นนี้ถูกลบโดยผู้ดูแลระบบของบล็อก
ตอบลบนายสมพงษ์ เพียรการ เลขประจำตัว 5314770018 วศม. รุ่นที่ 2
ตอบลบลักษณะงาน ควบคุมการก่อสร้างหลวง
สาร/วัตถุอันตรายที่พบบ่อยที่สุดในที่ทำงาน
: Kerosene (Diesel Fuel) CAS No. 8008-20-6 UN/ID NO. 1223
จัดอยู่ในประเภทที่ 3 ตามประเภทของ UN
สถานที่เจอ :สถานที่จอดเครื่องจักร โรงซ่อมบำรุง
กิจกรรมที่ทำให้เจอ :การเติมน้ำมันเชื้อเพลิงเครื่องจักร ในการก่อสร้างทาง
ความเป็นพิษ :
- การหายใจเข้าไป จะทำให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบหายใจ ทำให้เกิดอาการไอ หายใจถี่รัว แสบไหม้ที่หน้าอก ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย กระสับกระส่าย และสูญเสีบการควบคุม อาการเซื่องซึม และโคม่า
- การสัมผัสถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง มีอาการผื่นแดง อาการคัน และเจ็บปวด ทำให้เกิดผิวหนังอักเสบ
- การสัมผัสถูกตาทำให้เกิดอาการระคายเคืองและเจ็บปวดรุนแรง
อันตราย :
- สารนี้เป็นของเหลวและไอระเหยไวไฟ
- ภาชนะบรรจุที่ปิดผนึกสนิทอาจเกิดระเบิดได้เมื่อได้รับความร้อน
- ส่วนผสมระหว่างไอระเหยกับอากาศจะเกิดการระเบิดได้ที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดวาบไฟ
- ไอระเหยสามารถไหลแพร่กระจายไปบนพื้นสู่แหล่งจุดติดไฟและเกิดไฟย้อนกลับได้
- สารดับเพลิง : ผงเคมีแห้ง โฟมหรือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
- ฉีดน้ำให้เป็นฝอยสามารถควบคุมหล่อเย็นภาชนะที่ถูกเพลิงไหม้
- ในการเกิดเพลิงไหม้ ควรสวมใส่ชุดป้องกันสารเคมีและอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศภายในตัว(SCBA) พร้อมกับหน้ากากแบบเต็มหน้า
แนวทางการการป้องกัน :
- ให้มีการป้องกันการเสียหายทางกายภาพ
- เก็บในที่ๆเย็นและมีการระบายอากาศเป็นอย่างดี
- แยกเก็บออกจากส่วนที่เข้ากันไม่ได้
- ให้ออกห่างจากพื้นที่ที่อาจจะเกิดอันตรายจากอัคคีภัยอย่างฉับพลันได้
- ให้เก็บภายนอกอาคารหรือแยกเก็บให้ถูกต้อง
- พื้นที่ที่เก็บและมีการใช้งานที่ที่ใช้จะต้องไม่เป็นพื้นที่สูบบุหรี่
- ให้ใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ที่ไม่ทำให้เกิดประกาย
- ภาชนะบรรจุจะต้องต่อเชื่อมและต่อลงดินสำหรับการถ่ายเทเพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดประกายไฟฟ้าสถิตย์ จัดให้มีการป้องกันการระเบิดจากการระบายอากาศ
- อย่าให้เกิดความดัน ตัด เชื่อม ขัด บัดกรี การเจาะ การเสียดสี หรือการสัมผัสของภาชนะที่บรรจุกับความร้อน ประกายไฟ เปลวไฟ ไฟฟ้าสถิตย์หรือแหล่งจุดติดไฟอื่นๆ
- อย่าพยายามทำความสะอาดภาชนะบรรจุที่ว่างเปล่าเนื่องจากมีสารเคมีตกค้างอยู่ ยากต่อการเอาออก
- ภาชนะบรรจุของสารนี้จะเป็นอันตรายเมื่อเป็นถังเปล่าจะมีสารเคมีตกค้าง เช่นไอระเหย
- ให้สังเกตคำเตือนทั้งหมดและข้อควรระวังที่ระบุไว้สำหรับสารนี้
นายพรชัย อดุลยธรรม เลขประจำตัว 5314770015 วศม.รุ่นที่ 2
ตอบลบลักษณะงาน ควบคุมการก่อสร้างหลวง
สาร/วัตถุอันตรายที่พบบ่อยที่สุดในที่ทำงาน
: Bitumen (petroleum asphalt) CAS No. 8052-42-4 UN/ID NO. 1999
จัดอยู่ในประเภทที่
สถานที่เจอ :สถานที่ก่อสร้างทางหลวง
กิจกรรมที่ทำให้เจอ :การก่อสร้างผิวจราจรที่เป็นชนิด Asphaltic Concrete
ความเป็นพิษ :
-การหายใจเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองจมูก คอ และทางเดินหายใจเมื่อหายใจเอาไอระเหย ละออง หรือฟูม/ก๊าซของสารที่อุณหภูมิสูง
-การสัมผัสถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง แต่ถ้าสัมผัสสารที่อุณหภูมิสูง จะทำให้ผิวหนังไหม้
-การสัมผัสถูกตาจะก่อให้เกิดการระคายเคืองตา แต่ถ้าสัมผัสสารนี้ที่อุณหภูมิสูง จะทำให้แสบไหม้ตา
อันตราย :
สารนี้เกิดการจุดติดไฟเมื่อสัมผัสสารไวไฟ อย่าให้ความร้อนสารที่อุณหภูมิมากกว่าจุดวาบไฟ
- สารดับเพลิง : ผงเคมีแห้ง, โฟม น้ำฉีดเป็นฝอยใช้ฉีดผิวหน้า เช่น บนถนน
- ใช้น้ำฉีดหล่อเย็นเพื่อหล่อเย็นภาชนะบรรจุที่สัมผัสเพลิงไหม้
- อย่าใช้น้ำดับเพลิงในถังหรือภาชนะบรรจุ จะทำให้เกิดการระเบิดรุนแรงและเกิดเพลิงไหม้
- สารนี้จะไม่เผาไหม้จนกว่าจะมีการให้ความร้อนแก่สาร
- อย่าเข้าไปในบริเวณเพลิงโดยไม่ได้ใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตราย
- กรณีเกิดเพลิงไหม้ให้สวมใส่อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) ชุดป้องกันสารเคมี ถุงมือ และรองเท้าบูท
แนวทางการการป้องกัน :
เก็บในบริเวณที่มีการระบายอากาศเพียงพอ
- ควรอยู่เหนือลม
- ให้ล้างทำความสะอาดร่างกาย ให้ทั่วถึงภายหลังทำการเคลื่อนย้าย
- นำเสื้อผ้าไปซักทำความสะอาดก่อนนำกลับมาใช้ใหม่
- ล้างทำความสะอาดหลังจากใช้สารเคมีและก่อนรับประทานอาหารหรือสูบบุหรี่
อาการพิษเฉียบพลัน - จากการกิน มีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ มีน้ำลายไหล ปวดท้อง ช็อค(Shock) ไตและตับถูกทำลาย ถ้าจากการหายใจ (ควันของแคดเมี่ยม) มีอาการเจ็บหน้าอก หายใจสั้น มีกลิ่นโลหะในปาก ไอมีเสมหะเป็นฟองหรือมีเสมหะเป็นเลือด อ่อนเพลีย ปวดเจ็บขา ต่อมาปัสสาวะจะน้อยลง เริ่มมีไข้ มีอาการของปอดอักเสบ
ตอบลบอาการพิษเรื้อรัง จากการหายใจ มีอาการไอ สูญเสียการรับกลิ่น น้ำหนักลด โลหิตจาง(anemia) หายใจลำบาก ฟันมีคราบเปื้อนสีเหลือง ตับและไตอาจถูกทำลาย
** แนวทางป้องกัน / คำแนะนำในการถ่ายเอกสารอย่างปลอดภัย
๑. การถ่ายเอกสารทุกครั้งควรปิดฝาครอบให้สนิท ในกรณีที่ไม่สามารถปิดให้สนิทได้ ควรหลีกเลี่ยงการมองไปยังเครื่องถ่ายเอกสารเพื่อป้องกันสายตา
๒. ควรมีการติดตั้งพัดลมดูดอากาศเฉพาะที่ในห้องถ่ายเอกสาร
๓. ควรสวมถุงมือขณะเติม หรือเคลื่อนย้ายผงหมึก และในกรณีที่จำเป็นควรสวมอุปกรณ์ปกป้องระบบหายใจด้วย นอกจากนี้ควรขอรับเอกสารข้อมูลความปลอดภัยในการใช้สารเคมี(Material Safety Data Sheet : MSDS) จากบริษัทผู้ผลิตหรือผู้ขาย
๔. ผงหมึกที่ใช้แล้วควรนำไปกำจัดโดยใส่ลงในภาชนะที่ปิดมิดชิด รวมไปถึงผงหมึกที่หกเลอะเทอะ หรือฟุ้งกระจายออกมาขณะทำการเติมผงหมึกด้วย
๕. เมื่อจะซื้อเครื่องถ่ายเอกสารเครื่องใหม่ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่า
- มีระบบการเติมผงหมึกที่ปลอดภัยและมีภาชนะบรรจุเศษผงหมึกในเครื่อง
-เครื่องถ่ายเอกสารไม่ทำงานหรือเครื่องจะดับอัตโนมัติเมื่อภาชนะบรรจุเศษผงหมึกในเครื่องเต็มแล้ว
๖. ควรแน่ใจว่าเครื่องถ่ายเอกสารได้รับการบำรุงรักษาเป็นประจำ
๗. ไม่ควรจัดวางเครื่องถ่ายเอกสารไว้ในห้องทำงาน ควรจัดแยกไว้ในห้องถ่ายเอกสารโดยเฉพาะ หรือไว้ในมุมห้องที่ไกลออกไปจากคนทำงาน และควรแน่ใจว่ามีการระบายอากาศที่เหมาะสมภายในห้องนั้น
๘. ไม่ควรมีผู้ใดต้องทำงานถ่ายเอกสารตลอดทั้งวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจอยู่แล้ว
๙. สำหรับผู้ที่มีหน้าที่ให้บริการซ่อมหรือบำรุงรักษาเครื่องถ่ายเอกสาร ควรสวมถุงมือยางแบบใช้แล้วทิ้งขณะทำงาน รวมทั้งหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับลูกกลิ้งด้วย
๑๐. ผู้ที่มีหน้าที่เกี่ยวข้องกับเครื่องถ่ายเอกสารควรได้รับการฝึกอบรมอย่างเหมาะสมดังนี้
- ผู้ใช้เครื่องถ่ายเอกสาร ควรได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการใช้เครื่องถ่ายเอกสารอย่างเหมาะสมและปลอดภัย
- ผู้ที่ดูแลรับผิดชอบเครื่องถ่ายเอกสารควรได้รับการฝึกอบรมเกี่ยวกับการเคลื่อนย้ายและการเก็บสารเคมีที่ใช้ในกระบวนการถ่ายเอกสารรวมไปถึงการนำสารเคมีมาใช้และการกำจัดของเสียด้วย
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบส่งรายงาน
ตอบลบผมชื่อนายอเนชา รอดเพ็ชร นักศึกษาระดับปริญญาโท คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม รุ่นที่ 2 รหัส 5314770013 อาชีพรับราชการตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายโยธา เทศบาลตำบลบางเมือง อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรปราการ
วัตถุอันตรายที่ผมพบเจอบ่อยที่สุดคือสีเทอร์โมพลาสติกหรือสีตีแบ่งช่องทางจราจรผมขอให้สังเกตว่าเมื่อเราขับรถบนถนนเราจะเห็นเส้นสีเหลือง ที่ทาบนพื้นถนนเพื่อกำหนดช่องทางจราจร เขาเรียกว่าสีเทอร์โมพลาสติก ท่านเชื่อหรือไม่ว่าเม็ดสีเหลืองที่ผสมอยู่นั้นมีสารประกอบของโลหะหนักอันตราย 2 ชนิด คือ โครเมียม และ ตะกั่วอยู่ในรูปสารประกอบชื่อว่า เลตโครมเมต (Lead Chromate) มีสูตรเคมี PbCrO4 หรือเรียกว่าเม็ดโครมเมี่ยม Chrome pigment
จัดอยู่ในวัตถุอันตรายประเภทที่ 6 สารพิษและสารแพร่เชื้อได้ ประเภทย่อย 6.1 สารพิษ
รายงานต่อครับ
ตอบลบในการใช้งานจะต้องนำสีเทอร์โมพลาสติกที่จัดส่งมาในรูปฝุ่นผงมาต้มในหม้อต้มสีให้กลายเป็นของเหลวจึงนำเอาของเหลวนั้นมาข้าเครื่องตีเส้นจราจร ซึ่งในขณะทำการต้มนั้นจะมีไอระเหยของโครเมียม และ ตะกั่วลอยขึ้นมาถ้ามีการสูดไอระเหยของมันเข้าเข้าสู่ร่างกายปริมาณมากระบบทางเดินหายใจและปอดจะเป็นอันตราย เกิดการระคายเคือง เจ็บคัน และอาจมีเลือดออก ทำให้ปอดเสี่ยงต่อการเป็นโรคอื่นตามมา ถ้ากลืนกินปริมาณมากจะกัดกระเพาะ ท้องเดิน ชัก เป็นอันรายต่อตับและไต อาจถึงตายได้ ถ้าถูกผิวหนังจะกัดผิวหนังเป็นแผล บางคนถูกเพียงเล็กน้อยอาจเกิดอาการแพ้เป็นผื่นบวมแดงได้
วิธีการป้องกันคือเมื่อใดที่ต้องเกี่ยวข้องกับกิจกรรมดังกล่าวข้างบนนี้ ต้องหลีกเลี่ยงการฟุ้งกระจาย โดยการใช้หน้ากากปิดปากและจมูกให้มิดชิดและเมือทำงานเสร็จควรล้างมือให้สะอาดก่อนรับประทานอาหาร
ขอบคุณครับ
ตอนที่ 2...
ตอบลบ1. ในหมึกพิมพ์จะมีสาร คาร์ซิโนเจน ซึ่งเป็นสารก่อเกิดมะเร็ง ผงคาร์บอน เมื่อผงคาร์บอนทำปฏิกิริยากัน สารไนโตรไพริน สารอะโรเมติกโพลี ไซคลิคไฮโดคาร์บอน สารเทอโม-พลาสติกเรซิน ขณะที่เครื่องทำงานจะมีกลิ่นฉุน จากปฏิกิริยาของสารเคมีดังกล่าวนี้ ทำให้ผู้ใช้ที่ต้องสัมผัสนาน ๆ จะมีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ง่วงซึม รู้สึกมึนชา
2. โลหะที่ใช้เคลือบลูกกลิ้ง เช่น ซิริเนียม หรือ แคดเมียม มีผลต่อผิวหนังทำให้เกิดความระคายเคือง มีตุ่มแดงหรือผื่นคัน นอกจากนั้นสารไตรไน โตรฟลูออริโนน เป็นสารก่อเกิดมะเร็ง
3. รังสีอัลตราไวโอเลต เป็นแหล่งกำเนิดความร้อน มีอันตรายต่อผิวหนังและสายตา ทำให้เยื่อบุตาอักเสบ ตาแดง ผิวหนังเกรียมไหม้ ถ้าสัมผัสนานอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
** ความเป็นพิษ / คนที่สัมผัสสารเคมีเหล่านี้
1. ความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน
1.1 ความเป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหาร เมื่อร่างกายได้รับแคดเมียมโดยการกิน
1.2 ความเป็นพิษต่อระบบหายใจ การสูดหายใจเอาไอของแคดเมียมเข้าไปทำให้เกิดอาการระคายเคือง
2. ความเป็นพิษแบบเรื้อรัง ความเป็นพิษจากแคดเมียมที่เกิดกับคนส่วนใหญ่มักเป็นแบบชนิดเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายได้รับแคดเมียมเข้าไปเป็นเวลานานติดต่อกัน ได้แก่
2.1 ความเป็นพิษต่อปอดในคนที่หายใจเอาฝุ่นหรือไอ(fume)
2.2 ความเป็นพิษต่อไต
2.3 ความเป็นพิษที่กระดูก
2.4 ความเป็นพิษต่อระบบเลือดเข้าสู่หัวใจและระบบการสร้างเม็ดโลหิต
2.5 ความเป็นพิษต่อตับ
** อันตราย / ผลเสียต่อสุขภาพ
+++ต่อด้วยตอนที่3 พิษเฉียบพลัน
1. ในหมึกพิมพ์จะมีสาร คาร์ซิโนเจน ซึ่งเป็นสารก่อเกิดมะเร็ง ผงคาร์บอน เมื่อผงคาร์บอนทำปฏิกิริยากัน สารไนโตรไพริน สารอะโรเมติกโพลี ไซคลิคไฮโดคาร์บอน สารเทอโม-พลาสติกเรซิน ขณะที่เครื่องทำงานจะมีกลิ่นฉุน จากปฏิกิริยาของสารเคมีดังกล่าวนี้ ทำให้ผู้ใช้ที่ต้องสัมผัสนาน ๆ จะมีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ง่วงซึม รู้สึกมึนชา
ตอบลบ2. โลหะที่ใช้เคลือบลูกกลิ้ง เช่น ซิริเนียม หรือ แคดเมียม มีผลต่อผิวหนังทำให้เกิดความระคายเคือง มีตุ่มแดงหรือผื่นคัน นอกจากนั้นสารไตรไน โตรฟลูออริโนน เป็นสารก่อเกิดมะเร็ง
3. รังสีอัลตราไวโอเลต เป็นแหล่งกำเนิดความร้อน มีอันตรายต่อผิวหนังและสายตา ทำให้เยื่อบุตาอักเสบ ตาแดง ผิวหนังเกรียมไหม้ ถ้าสัมผัสนานอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
** ความเป็นพิษ / คนที่สัมผัสสารเคมีเหล่านี้
1. ความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน
1.1 ความเป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหาร เมื่อร่างกายได้รับแคดเมียมโดยการกิน
1.2 ความเป็นพิษต่อระบบหายใจ การสูดหายใจเอาไอของแคดเมียมเข้าไปทำให้เกิดอาการระคายเคือง
2. ความเป็นพิษแบบเรื้อรัง ความเป็นพิษจากแคดเมียมที่เกิดกับคนส่วนใหญ่มักเป็นแบบชนิดเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายได้รับแคดเมียมเข้าไปเป็นเวลานานติดต่อกัน ได้แก่
2.1 ความเป็นพิษต่อปอดในคนที่หายใจเอาฝุ่นหรือไอ(fume)
2.2 ความเป็นพิษต่อไต
2.3 ความเป็นพิษที่กระดูก
2.4 ความเป็นพิษต่อระบบเลือดเข้าสู่หัวใจและระบบการสร้างเม็ดโลหิต
2.5 ความเป็นพิษต่อตับ
** อันตราย / ผลเสียต่อสุขภาพ
1. ในหมึกพิมพ์จะมีสาร คาร์ซิโนเจน ซึ่งเป็นสารก่อเกิดมะเร็ง ผงคาร์บอน เมื่อผงคาร์บอนทำปฏิกิริยากัน สารไนโตรไพริน สารอะโรเมติกโพลี ไซคลิคไฮโดคาร์บอน สารเทอโม-พลาสติกเรซิน ขณะที่เครื่องทำงานจะมีกลิ่นฉุน จากปฏิกิริยาของสารเคมีดังกล่าวนี้ ทำให้ผู้ใช้ที่ต้องสัมผัสนาน ๆ จะมีอาการปวดศีรษะ อ่อนเพลีย ง่วงซึม รู้สึกมึนชา
ตอบลบ2. โลหะที่ใช้เคลือบลูกกลิ้ง เช่น ซิริเนียม หรือ แคดเมียม มีผลต่อผิวหนังทำให้เกิดความระคายเคือง มีตุ่มแดงหรือผื่นคัน นอกจากนั้นสารไตรไน โตรฟลูออริโนน เป็นสารก่อเกิดมะเร็ง
3. รังสีอัลตราไวโอเลต เป็นแหล่งกำเนิดความร้อน มีอันตรายต่อผิวหนังและสายตา ทำให้เยื่อบุตาอักเสบ ตาแดง ผิวหนังเกรียมไหม้ ถ้าสัมผัสนานอาจทำให้เกิดมะเร็งผิวหนัง
** ความเป็นพิษ / คนที่สัมผัสสารเคมีเหล่านี้
1. ความเป็นพิษแบบเฉียบพลัน
1.1 ความเป็นพิษต่อระบบทางเดินอาหาร เมื่อร่างกายได้รับแคดเมียมโดยการกิน
1.2 ความเป็นพิษต่อระบบหายใจ การสูดหายใจเอาไอของแคดเมียมเข้าไปทำให้เกิดอาการระคายเคือง
2. ความเป็นพิษแบบเรื้อรัง ความเป็นพิษจากแคดเมียมที่เกิดกับคนส่วนใหญ่มักเป็นแบบชนิดเรื้อรัง ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายได้รับแคดเมียมเข้าไปเป็นเวลานานติดต่อกัน ได้แก่
2.1 ความเป็นพิษต่อปอดในคนที่หายใจเอาฝุ่นหรือไอ(fume)
2.2 ความเป็นพิษต่อไต
2.3 ความเป็นพิษที่กระดูก
2.4 ความเป็นพิษต่อระบบเลือดเข้าสู่หัวใจและระบบการสร้างเม็ดโลหิต
2.5 ความเป็นพิษต่อตับ
** อันตราย / ผลเสียต่อสุขภาพ
นางสาวศศิธร จันทร์เทียน เลขประจำตัว 5214770436 รุ่นที่ 1
ตอบลบE-mail:s_junthien@hotmail.com
Blog: http://iel436.blogspot.com/
ลักษณะงานและสถานที่ทำงาน
เมื่อปี 2550 ได้เข้าทำงานในโรงงานผลิตนาฬิกาข้อมือแห่งหนึ่งย่านสุขุมวิท ลักษณะงานที่ทำเป็นการควบคุมกระบวนการผลิตหน้าปัดและตัวเลขนาฬิกาเพื่อการส่งออก ซึ่งในกระบวนการผลิตจะมีการใช้สารเคมีจำพวกแลคเกอร์ ทินเนอร์ และอะซิโตน เมทิลแอลกอฮอล์ ฯลฯ แต่ในที่นี้ขอยกตัวอย่างอันตรายที่ได้รับจากสารเคมีประเภทอะซิโตน เนื่องจากผู้เขียนเคยมีประสบการณ์จากอันตรายของสารเคมีดังกล่าวโดยตรงคือมีอาการชาตามปลายประสาท เช่น แขน ขา ร่างกายและ มีอาการมึนงง คลื่นไส้ แสบท้อง ในห้องทดลองเป็นระยะเวลาโดยรวมราว 8-10 ชม. และไม่ได้ใส่อุปกรณ์ป้องกัน เนื่องจากความประมาทในการที่ไม่ได้ศึกษาโทษของสารเคมีดังกล่าวก่อน และไม่มีป้าย สัญลักษณ์ บ่งชี้อย่างชัดเจน ซึ่งเมื่อเห็นคนโดยส่วนมากปฏิบัติอย่างไรก็ปฏิบัติตามเค้าไป
นางสาวศศิธร จันทร์เทียน เลขประจำตัว 5214770436 รุ่นที่ 1 (ต่อภาค2)
ตอบลบE-mail:s_junthien@hotmail.com
Blog: http://iel436.blogspot.com/ ดูเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ
ชื่อสารเคมี : อะซีโตน Acetoneเลขอ้างอิงตามระบบองค์การสหประชาชาติ
UN Class: 3 (ของเหลวไวไฟ)
UN Number: 1090
UN Guide: 127 (ของเหลวไวไฟ (มีขั้ว / รวมกับน้ำ))
สถานที่ที่พบสามารถแบ่งได้เป็น 2 กรณี
กรณีที่ 1 ในโรงงานอุตสาหกรรมดังกล่าวพบในห้องแล็ปสำหรับล้างชิ้นงานออกจากแลคเกอร์ ทินเนอร์ กาว หรือวัสดุที่ใช้ติดงานกับอุปกรณ์ยึดจับที่ใช้สำหรับงานขัด
กรณีที่ 2 ในบ้านเรือนมักพบสารชนิดนี้ในน้ำยาล้างเล็บที่มีขายทั่วไปตามท้องตลาด
แนวทางการป้องกันแก้ไข
1. สามารถป้องกันตนเองได้โดย หาความรู้เรื่องโทษพิษภัยของสารระเหย เพื่อป้องกันตนเอง และแนะนำผู้อื่นได้
2. ควรใช้อย่างระวังและถูกต้องตามคำแนะนำที่ติดมากับผลิตภัณฑ์ นั้น ๆ
3. ป้องกันอย่าให้สารระเหยเข้าสู่ร่างกายโดยทางหายใจ หรือทางผิวหนัง โดยสวมหน้ากาก หรือใช้ผ้าปิดปาก ปิดจมูก และสวมเสื้อผ้าปกคลุมให้มิดชิด ขณะใช้สารระเหย
4. ขณะใช้สารระเหย ควรอยู่เหนือลม และในที่ ที่มีอากาศ ถ่ายเทสะดวก
ผู้ค้นคว้า นายธีรพงษ์ เพาะพูล
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
รหัสนักศึกษา 5214770258
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานสุขาภิบาลและปรับอากาศ
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ (บริษัท คิวทีซี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด)
ทำงานด้านงานออกแบบ, ควบคุมงานและติดตั้งงานก่อสร้างและงานระบบ
ประเภทของสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงาน
ในงานระบบสุขาภิบาล (ประปา) และปรับอากาศ วัตถุอันตรายที่พบเสมอในการติดตั้งงานระบบคือ น้ำยาประสานท่อพีวีซีแข็งและข้อต่อท่อพีวีซีแข็ง จัดอยู่ในของเหลวประเภทไวไฟ มีผลต่อระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ และระบบผิวหนัง ชนิดของตัวทำละลาย ได้แก่ TETRAHYDROFURAN, CYCLOHEXANONE
สถานที่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตราย
ในการต่อท่อ PVC ของระบบสุขาภิบาลและปรับอากาศทุกครั้ง เพื่อกันการหลุดออกจากกันต้องใช้น้ำยาประสานท่อพีวีซีแข็งและข้อต่อท่อพีวีซีแข็งในการต่อ โดยทั่วไปช่างที่ปฏิบัติงานในสถานที่นั้น ๆ หรือประกอบในที่โล่งแจ้งแล้วนำเข้าไปติดตั้ง
(http://www/pcd.go.th)
นายวิริยะ พรรคพิง รหัส 5214770476 รุ่นที่ 1(สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้)
ตอบลบชื่อเคมี IUPAC : SODIUM HYDROXIDE : โซเดียมไฮดรอกไซด์
CAS No 1310-73-2
รหัส EC NO. 011-002-00-6
UN/ID No. 1823
รหัส RTECS WB 4900000
รหัส EUEINECS/ELINCS 215-185-5
สถานที่ที่พบสาร/วัตถุอันตราย
แผนกผลิตน้ำยาเคมีกลับคืน 2
บมจ.ฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์
99 ม.3 ต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น 40310
ธุรกิจกระดาษในเครือซิเมนต์ไทย (SCG paper)
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ
ควบคุมกระบวนการผลิตสารเคมีให้ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพเพื่อนำไปใช้ย่อยชิ้นไม้ยูคาลิปตัส เพื่อผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษ เช่น กระดาษไอเดียกรีน กระดาษไอเดียเวอร์ค
แนวทางการป้องกัน
สวมอุปกรณ์ป้องกันเช่นหน้ากาก ถุงมือ
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ
เจ้าหน้าควบคุมกระบวนการผลิตสารอะโรเมติกส์ประจำห้องควบคุมการผลิตมีหน้าผลิตสารเบนซิน (Benzene) , โทลูอีน (Toluene)และ C8 Plus (สารที่มีองค์ประกอบของ Carbon 8 ตัวขึ้นไป) ซึ่งเป็น By-Product ที่ได้จากการผลิตสารเบนซินและโทลูอีน
ประเภทของสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงาน
งานผลิตสารอะโรเมติกส์ส่วนใหญ่ที่พบเจอและสัมผัสบ่อยๆคือสารเบนซินที่สัมผัสจากการเก็บตัวอย่างและการ drain liquid สารอะโรเมติกส์เพื่อทำการซ่อมเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต
ประเภทของสารจำแนกตาม UN ได้ดังนี้
ประเภทอันตราย : 3 รหัส UN : 1114 ประเภทการบรรจุหีบห่อ : กลุ่ม II
สถานที่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตราย
สถานที่ : บริษัท ระยองโอเลฟินส์ จำกัด Plant : BTU (Benzene Toluene Unit)
กิจกรรม : การเก็บตัวอย่างของ Product Benzene เพื่อตรวจสอบ Specification Product
Benzene
: การ Swing Blind เพื่อการ Drain Liquid Hydrocabons (Benzene) ออกจาก
ระบบก่อนทำการซ่อมเครื่องจักร
แนวทางการป้องกัน
ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ
- ที่ช่วงความเข้มข้นที่เกิดกว่าค่ามาตรฐานที่ NIOSH แนะนำหรือที่ทุกช่วงความเข้มข้นที่สามารถวัดได้ : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000
- ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน : ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า และอุปกรณ์กรองอนุภาคประสิทธิภาพ (HEPA filter) หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ
เจ้าหน้าควบคุมกระบวนการผลิตสารอะโรเมติกส์ประจำห้องควบคุมการผลิตมีหน้าผลิตสารเบนซิน (Benzene) , โทลูอีน (Toluene)และ C8 Plus (สารที่มีองค์ประกอบของ Carbon 8 ตัวขึ้นไป) ซึ่งเป็น By-Product ที่ได้จากการผลิตสารเบนซินและโทลูอีน
ประเภทของสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงาน
งานผลิตสารอะโรเมติกส์ส่วนใหญ่ที่พบเจอและสัมผัสบ่อยๆคือสารเบนซินที่สัมผัสจากการเก็บตัวอย่างและการ drain liquid สารอะโรเมติกส์เพื่อทำการซ่อมเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต
ประเภทของสารจำแนกตาม UN ได้ดังนี้
ประเภทอันตราย : 3 รหัส UN : 1114 ประเภทการบรรจุหีบห่อ : กลุ่ม II
สถานที่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตราย
สถานที่ : บริษัท ระยองโอเลฟินส์ จำกัด Plant : BTU (Benzene Toluene Unit)
กิจกรรม : การเก็บตัวอย่างของ Product Benzene เพื่อตรวจสอบ Specification Product Benzene
: การ Swing Blind เพื่อการ Drain Liquid Hydrocabons (Benzene) ออกจากระบบก่อนทำการซ่อมเครื่องจักร
แนวทางการป้องกัน
ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ
- ที่ช่วงความเข้มข้นที่เกิดกว่าค่ามาตรฐานที่ NIOSH แนะนำหรือที่ทุกช่วงความเข้มข้นที่สามารถวัดได้ : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000
- ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน : ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า และอุปกรณ์กรองอนุภาคประสิทธิภาพ (HEPA filter) หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ
เจ้าหน้าควบคุมกระบวนการผลิตสารอะโรเมติกส์ประจำห้องควบคุมการผลิตมีหน้าผลิตสารเบนซิน (Benzene) , โทลูอีน (Toluene)และ C8 Plus (สารที่มีองค์ประกอบของ Carbon 8 ตัวขึ้นไป) ซึ่งเป็น By-Product ที่ได้จากการผลิตสารเบนซินและโทลูอีน
ประเภทของสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงาน
งานผลิตสารอะโรเมติกส์ส่วนใหญ่ที่พบเจอและสัมผัสบ่อยๆคือสารเบนซินที่สัมผัสจากการเก็บตัวอย่างและการ drain liquid สารอะโรเมติกส์เพื่อทำการซ่อมเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต
ประเภทอันตราย : 3 รหัส UN : 1114 ประเภทการบรรจุหีบห่อ : กลุ่ม II
สถานที่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตราย
สถานที่ : บริษัท ระยองโอเลฟินส์ จำกัด Plant : BTU (Benzene Toluene Unit)
กิจกรรม : การเก็บตัวอย่างของ Product Benzene เพื่อตรวจสอบ Specification Product
Benzene
: การ Swing Blind เพื่อการ Drain Liquid Hydrocabons (Benzene) ออกจาก
ระบบก่อนทำการซ่อมเครื่องจักร
แนวทางการป้องกัน
ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ
บทความที่เพื่อนๆพี่ๆหลายๆท่านฝากส่งบางอันต้องตัดตอนเนื้อหาบางส่วนออกนะค่ะเนื่องจากส่งแต่ละครั้งมีกำหนดจำนวนคำห้ามเกิน1400คำค่ะ
ตอบลบนายศุภวัฒน์ น้ำดอกไม้ รหัส 5214770355 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ
ควบคุมกระบวนการผลิตและติดต่อประสานงานกับผู้รับจ้างช่วง (Suppliers) งานที่รับผิดชอบต้องเกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตรายที่พบเจอบ่อยที่สุดคือน้ำมันดีเซล เพราะต้องใช้รถยนต์ในการเดินทางไปทำงานและติดต่อประสานงานกับ Supplier และลูกค้า โดยเดินทางทางรถยนต์เฉลี่ยวันละประมาณ 150 Km.
สถานที่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตราย
รถยนต์โดยส่วนใหญ่ต้องใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงในการขับเคลื่อน ซึ่งในปัจจุบันนี้มีวิธีในการเติมน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ 2 ลักษณะคือ
1. เติมโดยพนักงานประจำสถานีบริการเองซึ่งจะขายในน้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆในราคาปกติ
2. เติมเองโดยผู้ขับขี่รถยนต์เองซึ่งจะขายในน้ำมันเชื้อเพลิงต่างๆในราคาที่ต่ำกว่าปกติประมาณ15-25 สตางค์ ต่อ ลิตร
เอกสารอ้างอิง
[1] ข้อมูลความปลอดภัยในการใช้ผลิตภัณฑ์เชลล์ ,http://whd.itd.co.th/MSDS/msds%20on%20web/98_shell%20formula%20diesel_T.pdf.
[2] เอกสารจัดทำโดยนางสาว วาสนา บุญจริง, นางสาว ศานิตา อัศวศรีวรกุล, นางสาว พอแก้ว รักษ์เธียรมงคล และ นางสาว กันต์ฤทัย อนันต์รัตนสกุลโรงเรียนสตรีศรีสุริโยทัย กรุงเทพมหานคร, http://www.thaigoodview.com/library/studentshow/2549/m6-6/no11-14-16-49/diesel4.html
นายปราโมทย์ ชาญบัณฑิต รหัสนักศึกษา 5214770149 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ
งานพัฒนาก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคสำหรับนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง พื้นที่ประมาณ 3,000 ไร่
- งานก่อสร้างระบบถนน
- งานก่อสร้างระบบระบายน้ำฝน
- งานก่อสร้างระบบระบายน้ำเสีย
- งานก่อสร้างระบบเส้นท่อส่งจ่ายน้ำประปา
- งานก่อสร้างระบบไฟฟ้า
- งานก่อสร้างระบบโทรศัพท์
- งานถมดินปรับระดับพื้นที่สำหรับขาย
UN Number 1263
สถานที่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตราย
งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคมีบางส่วนที่ต้องใช้ทินเนอร์ในงานอาทิเช่น งานทาสีเหล็ก Dowel bar สำหรับถนน งานทาสีเหล็กตระแกรงสำหรับระบบระบายน้ำฝนและระบบระบายน้ำเสีย งานทาสีเหล็กฉากประกอบฝาครอบบ่อพักต่างๆ งานทาสี Curb และป้ายจราจร โดยผู้รับเหมาจะดำเนินการในบริเวณพื้นที่เปิดโล่งหน้างาน หรือบริเวณโรงเชื่อมซึ่งเปิดโล่งเช่นกัน
แนวทางการป้องกัน
ในการทำงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับทินเนอร์ ผู้ผลิตแนะนำโดยแยกตามประเภทดังนี้
1. การป้องกันทางการหายใจ: เมื่อไอระเหยของสารเคมีมีความเข้มข้นมากกว่า TLV ควรใช้อุปกรณ์ช่วยในการหายใจ
2. การป้องกันสารเคมีโดยการสัมผัสทางมือ: ควรทาครีมหรือสวมถุงมือให้เหมาะสมไม่ควรใช้ครีมที่สามารถละลายได้ด้วยน้ำกับถุงมือยางหรือพลาสติก
3. การป้องกันสารเคมีทางตา: ควรสวมแว่นตา หรือหน้ากากป้องกันการกระเด็นของสารเคมี
4. การป้องกันทางผิวหนัง: ควรสวมชุดป้องกันสารเคมีเมื่อทำการพ่นสารเคมี
5. หากรับประทานเข้าไปก็ไม่ควรทำให้ผู้ป่วยอาเจียน ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลพร้อมทั้งนำฉลากหรือข้อมูลด้านความปลอดภัยของสารเคมี/วัตถุอันตรายไปด้วย
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบนายปราโมทย์ ชาญบัณฑิต รหัสนักศึกษา 5214770149 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ
งานพัฒนาก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคสำหรับนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง พื้นที่ประมาณ 3,000 ไร่
UN Number 1263
สถานที่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตราย
งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคมีบางส่วนที่ต้องใช้ทินเนอร์ในงานอาทิเช่น งานทาสีเหล็ก Dowel bar สำหรับถนน งานทาสีเหล็กตระแกรงสำหรับระบบระบายน้ำฝนและระบบระบายน้ำเสีย งานทาสีเหล็กฉากประกอบฝาครอบบ่อพักต่างๆ งานทาสี Curb และป้ายจราจร โดยผู้รับเหมาจะดำเนินการในบริเวณพื้นที่เปิดโล่งหน้างาน หรือบริเวณโรงเชื่อมซึ่งเปิดโล่งเช่นกัน
แนวทางการป้องกัน
ในการทำงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับทินเนอร์ ผู้ผลิตแนะนำโดยแยกตามประเภทดังนี้
1. การป้องกันทางการหายใจ: เมื่อไอระเหยของสารเคมีมีความเข้มข้นมากกว่า TLV ควรใช้อุปกรณ์ช่วยในการหายใจ
2. การป้องกันสารเคมีโดยการสัมผัสทางมือ: ควรทาครีมหรือสวมถุงมือให้เหมาะสมไม่ควรใช้ครีมที่สามารถละลายได้ด้วยน้ำกับถุงมือยางหรือพลาสติก
3. การป้องกันสารเคมีทางตา: ควรสวมแว่นตา หรือหน้ากากป้องกันการกระเด็นของสารเคมี
4. การป้องกันทางผิวหนัง: ควรสวมชุดป้องกันสารเคมีเมื่อทำการพ่นสารเคมี
5. หากรับประทานเข้าไปก็ไม่ควรทำให้ผู้ป่วยอาเจียน ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลพร้อมทั้งนำฉลากหรือข้อมูลด้านความปลอดภัยของสารเคมี/วัตถุอันตรายไปด้วย
ผู้ค้นคว้า: นายสงกรานต์ คงศรีเจริญ รหัส 5214770424 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายและความปลอดภัย
มีข่าวโรงผลิตดอกไม้ไฟที่สุพรรณบุรีระเบิดขึ้นอีกครั้ง เหตุการณ์สถานประกอบการเกี่ยวกับดอกไม้ไฟระเบิดเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ ผ่านมา และคาดว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นเนื่องจากเข้าใกล้เทศกาลลอยกระทงและฉลองปีใหม่ ซึ่งมักมีการใช้ดอกไม้ไฟในการเฉลิมฉลองตามสถานที่จัดงานต่าง ๆ ทำให้มีการผลิตมากขึ้นในช่วงนี้ ในการผลิตรวมทั้งการใช้งานดอกไม้ไฟต้องใช้ความระมัดระวังสูง เนื่องจากส่วนประกอบของดอกไม้ไฟเป็นสารอันตรายจำพวกที่ระเบิดได้ นอกจากนี้ ยังมีสารเคมีอีกมากที่เกี่ยวข้องในการผลิตดอกไม้ไฟ สารเคมีที่ใช้ การประกอบ ความเสี่ยงภัย และความปลอดภัยในการผลิตและใช้งานดอกไม้ไฟ
คำแนะนำเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานดอกไม้ไฟ
o อ่านวิธีการใช้อย่างระมัดระวังก่อนจุดชนวน
o สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม โดยควรใส่กางเกงขายาว เสื้อผ้าฝ้าย แว่นป้องกันตา รองเท้าที่ปิดเท้าทั้งหมด
o ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ขณะเล่นดอกไม้ไฟ
o เก็บดอกไม้ไฟให้ห่างจากเปลวไฟ ไม่สูบบุหรี่ใกล้ ๆ
o อย่าให้ดอกไม้ไฟเปียกน้ำ และ อย่าจุดดอกไม้ไฟที่เปียกน้ำ
เก็บดอกไม้ไฟในที่แห้งและเย็น ห่างจากเด็ก และระวังอย่าให้เด็กเล็กกินดอกไม้ไฟหรือเอาเข้าปาก
o อย่าให้เด็กเล่นดอกไม้ไฟโดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแล และต้องสอนให้เด็กเข้าใจวิธีการใช้ดอกไม้ไฟอย่างดีก่อนอนุญาตให้เล่น
o อย่าโยนดอกไม้ไฟใส่คนอื่นหรือสัตว์
o อย่าจุดดอกไม้ไฟในที่ที่มีคนหนาแน่น
o ใช้ที่จุดชนวนที่เหมาะสม ให้มีระยะห่างระหว่างคนจุดกับดอกไม้ไฟพอสมควร
o ไม่นำดอกไม้ไฟที่ด้านหรือไม่ระเบิดมาเล่นอีก ดอกไม้ไฟที่ไม่ทำงานพวกนี้ต้องแช่ไว้ในถังน้ำประมาณ 1 ชั่วโมงก่อนทิ้ง
o อย่าจุดดอกไม้ไฟเมื่อมีลมพัดแรง ๆ
o ไม่จุดดอกไม้ไฟใกล้วัตถุไวไฟ
o เก็บดอกไม้ไฟที่ยังไม่ได้จุดในภาชนะปิดสนิทและวางไว้เหนือลมในขณะที่กำลังจุดดอกไม้ไฟ
o ไม่แกะดอกไม้ไฟ
o เตรียมถังน้ำไว้ใกล้ ๆ
o เตรียมชุดปฐมพยาบาลสำหรับแผลไหม้ไฟ ถ้าเกิดเหตุเป็นแผลไหม้ไฟเหนือไหล่ขึ้นไปต้องรีบรักษาทันที
o หลังจุดดอกไม้ไฟหมดแล้ว ต้องเก็บเศษซากดอกไม้ไฟตามพื้นให้หมด และทิ้งอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันเด็กเก็บดอกไม้ไฟที่ด้านมาเล่น
ผู้ค้นคว้า: นายสงกรานต์ คงศรีเจริญ รหัส 5214770424 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายและความปลอดภัย
มีข่าวโรงผลิตดอกไม้ไฟที่สุพรรณบุรีระเบิดขึ้นอีกครั้ง เหตุการณ์สถานประกอบการเกี่ยวกับดอกไม้ไฟระเบิดเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วงที่ ผ่านมา และคาดว่ามีแนวโน้มสูงขึ้นเนื่องจากเข้าใกล้เทศกาลลอยกระทงและฉลองปีใหม่ ซึ่งมักมีการใช้ดอกไม้ไฟในการเฉลิมฉลองตามสถานที่จัดงานต่าง ๆ ทำให้มีการผลิตมากขึ้นในช่วงนี้ ในการผลิตรวมทั้งการใช้งานดอกไม้ไฟต้องใช้ความระมัดระวังสูง เนื่องจากส่วนประกอบของดอกไม้ไฟเป็นสารอันตรายจำพวกที่ระเบิดได้ นอกจากนี้ ยังมีสารเคมีอีกมากที่เกี่ยวข้องในการผลิตดอกไม้ไฟ สารเคมีที่ใช้ การประกอบ ความเสี่ยงภัย และความปลอดภัยในการผลิตและใช้งานดอกไม้ไฟ
คำแนะนำเพื่อความปลอดภัยในการใช้งานดอกไม้ไฟ
o อ่านวิธีการใช้อย่างระมัดระวังก่อนจุดชนวน
o สวมเสื้อผ้าที่เหมาะสม โดยควรใส่กางเกงขายาว เสื้อผ้าฝ้าย แว่นป้องกันตา รองเท้าที่ปิดเท้าทั้งหมด
o ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ขณะเล่นดอกไม้ไฟ
o เก็บดอกไม้ไฟให้ห่างจากเปลวไฟ ไม่สูบบุหรี่ใกล้ ๆ
o อย่าให้ดอกไม้ไฟเปียกน้ำ และ อย่าจุดดอกไม้ไฟที่เปียกน้ำ
เก็บดอกไม้ไฟในที่แห้งและเย็น ห่างจากเด็ก และระวังอย่าให้เด็กเล็กกินดอกไม้ไฟหรือเอาเข้าปาก
o อย่าให้เด็กเล่นดอกไม้ไฟโดยไม่มีผู้ใหญ่ดูแล และต้องสอนให้เด็กเข้าใจวิธีการใช้ดอกไม้ไฟอย่างดีก่อนอนุญาตให้เล่น
o อย่าโยนดอกไม้ไฟใส่คนอื่นหรือสัตว์
o อย่าจุดดอกไม้ไฟในที่ที่มีคนหนาแน่น
หลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขา การตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรมมหาวิทยาลัยรามคำแหง
ตอบลบนายวาสุเทพ ช่างสุวรรณ รหัส 5214770219 รุ่นที่ 1
วิชา EL 633 การบริหารความเสี่ยงและความปลอดภัย
น้ำยาป้องกันปลวก
เป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 6 สารพิษและสารแพร่เชื้อได้
1. สถานที่ที่ทำให้เจอ
บริเวณสถานที่ก่อสร้าง ห้างสรรพสินค้า,คอนโด เป็นการเตรียมพื้นที่ก่อนทำการก่อสร้าง ใช้ระบบฉีดน้ำยาป้องกันปลวก ก่อนดำเนินการก่อสร้าง
(ต่อ) 2. กิจกรรมที่ทำให้เจอ
ตอบลบควบคุมงาน “ ฉีดน้ำยาป้องกันปลวก “ ทำการควบคุมคุณภาพ ส่วนผสมของน้ำยาป้องกันปลวกก่อนดำเนินการฉีดลงดิน ก่อนดำเนินการก่อสร้างอาคาร
3. ความเป็นพิษ
เมื่อนำมาตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการพบสารเคมีกำจัดแมลงประเภทคาร์บาเนต( Carbamate ) ชนิดเมทโธมิล
( Methomyl ) จัดเป็นสารเคมีที่มีความเป็นพิษร้ายแรง
4. อันตราย
หากได้รับสารชนิดนี้โดยการสูดดมเข้าไปจะทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ วิงเวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย หายใจติดขัด ถ้าสัมผัสทางผิวหนังจะทำให้เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องร่วง การสัมผัสถูกตาอาจจะทำให้ตาพร่ามัว และหากรับประทานเข้าไปอาจจะทำให้เสียชีวิตได้
5. แนวทางป้องกัน
เพื่อความปลอดภัยไม่ควรใช้มือสัมผัสสารโดยตรงควรใช้ถุงมือหรือใช้วัสดุอื่นช่วยในการป้ายสารเปิดระบายอากาศบริเวณที่ป้ายสารไว้เพื่อขจัดไอพิษของสารชนิดนี้
รายงานสารวัตถุอันตราย ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
ตอบลบโดย นายชัยณรงค์ ธีระวิสุทธิ์
คณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
รหัสนักศึกษา 5214770093
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ งานวิศวกรรมการออกแบบระบบไฟฟ้าแรงดันต่ำ ปฏิบัติงาน ณ
อาคารสำนักงานใหญ่ กฟผ. บางกรวย จ.นนทบุรี
ประเภทของสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงาน
การปฏิบัติงาน วิชาชีพวิศวกรรมเกี่ยวข้องกับงานสำนักงาน เสียเป็นส่วนใหญ่ บางครั้งก็ต้องออกงานสนามบ้าง ดังนั้นสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงาน เท่าที่พบ ก็จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับการทำความสะอาด เช่น ผลิตภัณฑ์ซักล้าง ฆ่าเชื้อ ดับกลิ่น ชื่อการค้าคือ
ไบโอเลท ซึ่งจะพบเห็นได้ตามบริเวณซักล้าง ห้องสุขภัณฑ์ ห้องน้ำ ผลิตภัณฑ์ซักล้างโดยทั่วไปมีองค์ประกอบสำคัญเหมือน ๆ กันคือ ต้องมีสารลดแรงตึงผิว (surfactant) ซึ่งทำหน้าที่จับตัวกับสิ่งสกปรก ลักษณะของโมเลกุลของสารประเภทนี้ ปลายหนึ่งจะจับกับโมเลกุลของน้ำได้ดี อีกปลายหนึ่งจะจับกับโมเลกุลของคราบไขมัน ทำให้คราบไขมันหลุดออก สารลดแรงตึงผิวที่ใช้กันอยู่หลายตัว
ผลิตภัณฑ์ล้างจานหรือที่เราเรียกกันคุ้นปากว่าน้ำยาล้างจานมีส่วนประกอบหลักอยู่ 2-3 ชนิด นอกจากน้ำแล้วยังมีสารเคมีประเภทสารลดแรงตึงผิว (surfactant) ที่ทำหน้าที่ออกฤทธิ์ทำให้ผสมกลมกลืนกับน้ำ ทำให้เกิดฟอง ทำให้เกิดความหนืด และทำให้สามารถจับตัวกับสิ่งสกปรกแล้วแยกออกจากส่วนที่เป็นน้ำ สารลดแรงตึงผิวที่ใช้กันมากมี 2 ชนิดคือ linear alkyl benzene sulfonate (LAS) และ sodium lauryl ether sulfate (SLES) ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มสารชำระล้างที่มีประจุลบ (anionic surfactant) ผลิตภัณฑ์ล้างจานบางยี่ห้อใช้ sodium dodecyl benzene sulfonate แทน LAS ด้วย นอกจากนี้ยังมีการนำสารชำระล้างชนิดอื่นซึ่งมีประสิทธิภาพสูงแต่มักมีราคาแพงกว่ามาใช้ร่วมกับสารเคมีหลักเหล่านี้ในปริมาณเล็กน้อย เช่น cocamidopropyl betaine, alkyl glucoside และ alkyl polyglucoside
sodium lauryl ether sulfate (SLES) หรือ sodium laureth sulfate มีค่า LD50 (หนู) 1,600 มิลลิกรัม/กิโลกรัม มีพิษปานกลาง เป็นสารทำให้เกิดฟอง มักใช้ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด และแชมพู อาจทำให้เกิดการระคายเคืองตาและผิวหนัง หากเกิดอาการหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ควรหยุดใช้ทันที ในกระบวนการผลิต SLES อาจปนเปื้อนด้วย 1,4-dioxane ซึ่งอาจเป็นสารก่อมะเร็ง ในต่างประเทศมีการห้ามใช้ในผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับอาหารและยา แต่อย่างไรก็ตามไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ว่าสารชนิดนี้เป็นก่อมะเร็ง
สาร/วัตถุอันตราย ที่พบบ่อยในสถานที่ทำงาน
ตอบลบโดย นายสมเกียรติ สะเตโช สาขาวิชา การตรวจสอบและกฏหมายวิศวกรรม รุ่นที่1
รหัส 5214771090 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปัจจุบันทำงานในตำแหน่ง วิศวกรระดับ 8 กองโรงงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (ตอน2)
- เก็บในบริเวณที่มีการระบายอากาศเพียงพอ
- เก็บห่างจากแสง ไอน้ำ เบสแก่ สารประกอบอินทรีย์
- เก็บภาชนะบรรจุสารไว้ในบริเวณเก็บสารเคมีที่เหมาะสม
- หลีกเลี่ยงการหายใจและการสัมผัสถูกผิวหนังและตา
- ชื่อในการขนส่ง : Sulphuric acid
การกำจัดกรณีรั่วไหล (Leak and Spill)
- วิธีการปฏิบัติในกรณีเกิดการหกรั่วไหลให้กั้นบริเวณสารหกแยกจากบริเวณอื่น
- ให้ดูดซับสารที่หกรั่วไหลด้วยสารอัลคาไลด์ เช่น โซดาแอ๊ซ สารอนินทรีย์ หรือดิน
- เก็บส่วนที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิดเพื่อนำไปกำจัด
- ล้างบริเวณสารหกรั่วไหล หลังจากสารเคมีถูกเก็บกวาดเรียบร้อยแล้ว
- ป้องกันไม่ให้สารเคมีที่หกรั่วไหล ไหลลงสู่ท่อระบายน้ำ แม่น้ำ และแหล่งน้ำอื่นๆ
- ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสม
- การพิจารณาการกำจัด : ปฏิบัติให้เป็นไปตามกฎระเบียบที่ทางราชการกำหนด
การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด (Fire and Explosion)
- สารนี้ไม่ไวไฟ
- สารดับเพลิง ในกรณีเกิดเพลิงไหม้ให้ใช้คาร์บอนไดออกไซด์ ผงเคมีแห้ง น้ำ
- สารเคมีอันตรายจากการเผาไหม้ : ออกไซด์ของกำมะถัน
- สารนี้เมื่อทำปฏิกิริยากับสารอินทรีย์ อาจทำให้เกิดเพลิงไหม้และการระเบิดได้
ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา (Stability and Reaction)
- สารที่เข้ากันไม่ได้ : เบสแก่ น้ำ สารอินทรีย์ โลหะอัลคาไลน์
- สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : เมื่อทำปฏิกิริยากับโลหะจะเกิดออกไซด์ของกำมะถันและไฮโดรเจน
- สารนี้ทำปฏิกิริยากับสารอินทรีย์ทำให้เกิดเพลิงไหม้และการระเบิด
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Impacts)
- ห้ามทิ้งลงสู่แหล่งน้ำ หรือดิน.
อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPD/PPE)
หน้ากากกันพิษ ถุงมือกันสารเคมี เสื้อคลุม แว่นตา
ขอขอบคุณข้อมูล: ศูนย์ข้อมูลวัตถุอันตรายและเคมีภัณฑ์ กรมควบคุมมลพิษ
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบตอนที่ 1 โดยสาร/วัตถุอันตราย ที่พบบ่อยในสถานที่ทำงาน
ตอบลบโดย นายสมเกียรติ สะเตโช สาขาวิชา การตรวจสอบและกฏหมายวิศวกรรม รุ่นที่1
รหัส 5214771090 มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ปัจจุบันทำงานในตำแหน่ง วิศวกรระดับ 8 กองโรงงาน การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย
ภารกิจของกองโรงงาน ซ่อมและผลิตอุปกรณ์ของโรงไฟฟ้าด้านเครื่องกล
วัตถุอันตรายที่พบบ่อยในสถานที่ทำงาน กรดซัลฟูริค เข้มข้น 98% (Sulfuric acid 98%) H2SO4
Packing ถังสีฟ้า 35 กก.
ชื่อพ้องอื่นๆ Oil of vitriol; BOU; Dipping Acid; Vitriol Brown Oil; Sulfuric; Acid Mist; Hydrogen sulfate; Sulfur acid; Sulfuric acid, spent
จัดอยู่ในประเภท 8 สารกัดกร่อน (CORROSIVE) UN/ID No.1830 รหัส RTECS WS 5600000
CAS No. 7664-93-9 รหัส EC NO. 016-020-00-8
สถานที่ทำให้เจอ โรงงานผลิต แผ่น Heating Element ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใช้สำหรับระบบอุ่นอากาศในโรงไฟฟ้าพลังความร้อนของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยและโรงไฟฟ้าเอกชน
กิจกรรมที่ทำให้เจอ กระบวนการผลิตแผ่น Heating Element หลังจากขึ้นรูปเสร็จแล้วใช้ในกระบวนการล้างคราบไขมันบนเหล็กแผ่นก่อนเข้าสู่กระบวนการพ่นเคลือบ Enamel
ความเป็นพิษและอันตรายต่อสุขภาพ
สัมผัสทางหายใจ การหายใจเข้าไป สารนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนและก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้มีอาการน้ำท่วมปอด เจ็บคอ ไอ หายใจติดขัด และหายใจถี่รัว การหายใจเอาสารที่ความเข้มข้นสูงอาจทำให้เสียชีวิตได้
สัมผัสทางผิวหนัง การสัมผัสถูกผิวหนัง สารนี้มีฤทธิ์กัดกร่อน ทำให้เป็นแผลไหม้ และปวดแสบปวดร้อน
กินหรือกลืนเข้าไป การกลืนหรือการกินเข้าไป ทำให้คลื่นไส้ อาเจียน แต่ไม่มีผลต่อเนื้อเยื่อ
สัมผัสถูกตา การสัมผัสถูกตา สารนี้มีฤทธิ์กัดกร่อน ทำให้ตาแดง ปวดตา และสายตาพร่ามัว
ความผิดปกติอื่น ๆ สารนี้มีผลทำลายฟัน ระบบหลอดเลือดเลี้ยงหัวใจ
แนวทางการป้องกันกรณีเกิดอันตราย
สัมผัสทางหายใจ ถ้าหายใจเข้าไป ให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจติดขัดให้ออกซิเจนช่วย รักษาร่างกายผู้ป่วยให้อบอุ่นและอยู่นิ่ง นำส่งไปพบแพทย์
กินหรือกลืนเข้าไป ถ้ากลืนหรือกินเข้าไป อย่ากระตุ้นให้เกิดการอาเจียน ให้ผู้ป่วยบ้วนล้างปากด้วยน้ำ
ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ 200-300 มิลลิลิตร นำส่งไปพบแพทย์
สัมผัสทางผิวหนัง ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ให้ฉีดล้างผิวหนังทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที นำส่งไปพบแพทย์
สัมผัสถูกตา ถ้าสัมผัสถูกตา ให้ฉีดล้างตาทันทีด้วยน้ำปริมาณมากอย่างน้อย 15 นาที นำส่งไปพบแพทย์
ความผิดปกติอื่น ๆ การรักษาอื่น ๆ อยู่ในการวินิจฉัยของแพทย์ภายใน 24 ชั่วโมง อาการเกี่ยวกับปอดบวม อักเสบ บางทีอาจจะมีขึ้น
การเก็บรักษา/สถานที่เก็บ/เคลื่อนย้าย/ขนส่ง (Storage and Handling)
-เก็บในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิด
- เก็บในบริเวณที่เย็นและแห้ง
นายพัฒนา ภู่สวาท รหัสนักศึกษา 5214770188 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
ทำงานที่การไฟฟ้านครหลวงเขตมีนบุรีสารอันตรายที่พบได้แก่น้ำมันเบนซินเนื่องจากที่ทำงานมีปั๊มน้ำมันไว้บริการเติมน้ำมันให้กับรถที่จะต้องไปปฏิบัติงานน้ำมันเบนซินเป็นสารอันตรายประเภท3 รหัส UN : 1114
ความเป็นพิษ ต่อร่างกาย สัมผัสทางหายใจ ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบ จะระคายเคืองระบบหายใจ เป็นอันตรายต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ปวดศีรษะ มึนงง วิงเวียนศีรษะ เหนื่อย สั่น ชัก หมดสติ หัวใจหยุดเต้น สัมผัสทางผิวหนัง ทำให้เกิดการระคายเคือง เป็นผื่นแดง คัน แสบไหม้ผิวหนัง ถ้ากลืนกินเข้าไป จะทำให้คลื่นไส้ อาเจียน และ ท้องร่วง สัมผัสถูกตา จะก่อให้เกิดการระคายเคือง น้ำตาไหล ทำให้ประสาทตาอักเสบ และมองไม่เห็น
แนวทางการป้องกัน สำหรับผู้ปฏิบัติให้มีการ สวมอุปกรณ์ป้องกันการสัมผัสกับสาร กำหนดให้ใช้ถุงมือทุกครั้งขณะเติมน้ำมัน กำหนดให้สวมหน้ากากป้องกันการสูดดมสารเข้าสู่ร่างกาย กำหนดให้แสดงป้ายขั้นตอนการปฏิบัติงานแสดงไว้ชัดเจน กำหนดให้แสดงป้ายกันพื้นที่ห้ามเกิดประกายไฟขณะเติมน้ำมัน เป็นต้น
กระผมนายจิรวิวัฒน์ นิคม รหัสนักศึกษา 5214770066 ป.โทร รุ่น 1
ตอบลบทำงานที่กรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง
สังกัดกลุ่มพัฒนาและตรวจสอบทางเทคนิค ส่วนควบคุมโรงงาน
ปฏิบัติงานในฐานะหัวหน้าส่วนตำแหน่งวิศวกรชำนาญการพิเศษ มีหน้าที่และรับผิดชอบเกี่ยวกับ
1. การสำรวจและตรวจสอบการขออนุญาตดำเนินการเกี่ยวกับโรงงานสุรา เอทานอล และสินค้าอื่นๆตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิตตามที่ได้รับมอบหมาย
2. การพิจารณาดำเนินการติดตั้ง สำรวจ ตรวจสอบ เครื่องมือวัดและอุปกรณ์
ตอบลบ3. การควบคุมดูแลการทำงานของเครื่องมือวัดและอุปกรณ์ และการตรวจสอบ การบำรุงรักษา และให้ความเห็นในการซ่อมแซมเครื่องมือวัดและอุปกรณ์ให้อยู่ในสภาพที่สามารถใช้งานได้ดี
4. การจัดทำทะเบียนประวัติเครื่องมือวัดและอุปกรณ์เพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี
5. การตรวจวัดและตรวจสอบปริมาตรภาชนะบรรจุสุรา เอทานอล
6. การสำรวจและตรวจสอบมาตรวัดปริมาตรน้ำสุรา เอทานอล
7. การตรวจสอบพิจารณาคุณลักษณะรถยนต์ ตามพิกัดอัตราภาษีสรรพสามิต ตรวจสอบเครื่องปรับอากาศ และสินค้าที่เสียภาษีสรรพสามิตเพื่อประโยชน์ในการจัดเก็บภาษี
อธิบายสารหรือวัตถุอันตรายที่เจอบ่อยที่สุดในที่ทำงาน
ตอบลบ1. สารหรือวัตถุอันตรายที่เจอบ่อยที่สุดในที่ทำงาน คือ เอทานอล
2. จัดอยู่ในวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 ของเหลวไวไฟ (ตามการจำแนกของ UN)
ของเหลวไวไฟ หมายถึงของเหลวผสมหรือของเหลวที่มีสารที่ปกติเป็นของแข็งละลายอยู่ หรือของเหลวที่มีสารแขวนลอยผสม ซึ่งมีจุดวาบไฟ (Flash Point) ที่อุณหภูมิ 60.5 องศา ยังหมายรวมถึง ของเหลวซึ่งต้องขนส่งที่อุณหภูมิสูงกว่าจุดวาบไฟของของเหลวนั้น หรือสารที่ต้องอยู่ในขณะขนส่งให้ไอระหายของสารที่สามารถติดไฟได้ที่อุณหภูมิเท่ากับหรือต่ำกว่าอุณหภูมิต่ำสุดที่สามารถใช้ในการขนส่งได้
3. สถานที่ที่ทำให้เจอเอทานอล คือที่โรงงานเอทานอล โดยไปทำการตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องวัดระดับ/เครื่องวัดอุณหภูมิชนิดอัตโนมัติและมาตรวัดเอทานอล ที่บริษัทผู้ประกอบอุตสาหกรรมเอทานอล ยื่นหนังสือขอให้เจ้าหน้าที่เพื่อทำการตรวจสอบ(กลุ่มพัฒนาและตรวจสอบทางเทคนิค) ตามกฎหมาย
4. กิจกรรมที่ทำให้เจอ คือ การสำรวจและตรวจสอบเครื่องวัดระดับ/เครื่องวัดอุณหภูมิชนิดอัตโนมัติและตรวจสอบมาตรวัดเอทานอล
วิธีการและผลการตรวจสอบ โดยตรวจสอบรูปแบบ วิธีการตรวจสอบที่ถูกต้อง และต้องปฏิบัติตามระเบียบและมาตรฐานที่กรมสรรพสามิตกำหนดไว้
ค่ามาตรฐานที่กรมสรรพสามิตกำหนด
เครื่องวัดค่าไม่เกินเกณฑ์กำหนด (Accuracy +/- 3 มม, +/- 0.5 ซ. Repeatability)
มาตรวัดค่าไม่เกินเกณฑ์กำหนด (Accuracy +/- 2.5 %3, +/- 0.5 % Repeatability)
7. อันตราย แอลกอฮอล์” (alcohol) หลายคนมักจะเหมาร่วมว่าหมายถึงเหล้า ทั้งที่ความจริงแอลกอฮอล์เป็นเชื่อสารเคมีกลุ่มหนึ่ง ซึ่งที่รู้จักกันมากที่สุดคือ “เอทานอล” (ethanol) หรือ “เอทิลแอลกอฮอล์” (ethylalcohol) และ “เมทานอล” (methanol) ซึ่งสารทั้งสองตัวนี้แม้จะมีคุณสมบัติทางกายภาพที่คล้ายกันหลายประการ แต่ความเป็นพิษต่อร่างกายนั้นแตกต่างกันอย่างที่หลายคนคาดไม่ถึง
ตอบลบความเป็นพิษต่อร่างกายต่างกันมาก โรคพิษสุราเรื้อรังและตับอักเสบ เป็นอาการพิษของผู้เสพสุราเป็นระยะเวลานาน นั่นคืออาการพิษเรื้อรังที่เกิดจากเอทานอล แต่พิษเฉียบพลันที่เกิดจากการกินเข้าไปมาก ๆ ในครั้งเดียวก็คืออาการเมานั่นเอง ส่วนกรณีการเข้าใจผิดใช้แอลกอฮอลล้างแผล และที่ซื้อที่ร้านขายยาหรือซื้อเมทานอลจากร้านขายวัสดุก่อสร้าง มาใช้แทนและผสมในเหล้าเถื่อน จะเกิดพิษรุนแรงกว่า ผู้ป่วยอาจถึงขั้นตาบอดและตายได้ถ้าดื่มเข้าไป นอกจากนี้ยังมีกรณีของชาวบ้านนิยมต้มเหล้าทานเอง และใช้วิธีเพิ่มดีกรีของเหล้าให้แรงด้วยการซื้อแอลกอฮอล์มาเติม ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย ปวดท้องรุนแรงสาหัส และทำให้เกิดการเสียชีวิตได้
8. แนวทางป้องกัน คือ
ตอบลบ8.1 การให้ความรู้เรื่องความปลอดภัยด้านสารเคมีแก่ประชาชน ให้รู้ถึงพิษภัยเมทิลแอลกอฮอล์ (methyl alcohol) หรือ เมทานอล (methanol) มีสูตรเคมีคือ CH3OH ซึ่งเป็นของเหลวใส ระเหยง่าย เป็นผลพลอยได้จากกระบวนการกลั่นทางปิโตรเคมี นิยมใช้เป็นตัวทำละลายในอุตสาหกรรมการทำเฟอร์นิเจอร์ เช่น สีทาไม้ น้ำมันเคลือบเงา ยาลอกสี ฯลฯ และใช้เป็นเชื้อเพลิงในธรรมชาติ ความเป็นพิษต่อร่างกายถือได้ว่า มีพิษมาก โดยเมทานอลเข้าสามารถดูดซึมได้ทางผิวหนัง ลมหายใจ ผู้ที่สูดดมเข้าไประคายเคืองต่อทางเดินหายใจ ทำให้หลอดลมอักเสบ หลอดคออักเสบ มีการระคายเคืองต่อเยื่อบุตา ทำให้เยื่อบุตาอักเสบ หากหายใจ เข้าไปมากๆ จะทำให้เกิดการปวดท้อง เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน กล้ามเนื้อกระตุก หายใจลำบาก การมองเห็นจะผิดปกติจนอาจทำให้ตาบอดได้ แต่หากดื่มเข้าไปเมทิลแอลกอฮอล์จะทำปฏิกิริยากับสารเคมีในร่างกายเปลี่ยนเป็นฟอร์มาลดีไฮด์ (ฟอร์มาลีน) ซึ่งเป็นพิษมาก มีผลให้ เกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดิน เห็นภาพไม่ชัดมีผลต่อประสาทตา อาจทำให้ตาบอด ที่สำคัญยังมีผลต่อระบบหายใจ ทำให้ไตอักเสบ กล้ามเนื้อตับตาย หรือโลหิตเป็นพิษ อันตรายถึงขั้นเสียชีวิตในที่สุด
8.2 การปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่เมื่อทำการตรวจสอบความถูกต้องของเครื่องวัดระดับ/เครื่องวัดอุณหภูมิชนิดอัตโนมัติและมาตรวัดเอทานอล จะต้องไม่สัมผัสกับเอทานอลโดยตรงเพราะจะทำให้สารพาเข้าสู่ร่างกายโดยตรง และต้องพยายามอยู่เหนือลมเพื่อไม่ต้องสูดดมกลิ่นของเอทานอลเข้าไปจำนวนมากซึ่งจะทำให้เกิดอาการมึนเมา วิงเวียนศีรษะและอาเจียนได้
8.3 ความรู้เรื่องความปลอดภัยของเอทานอล โดยการฝึกอบรมให้ความรู้และความปลอดภัยในการปฏิบัติงานให้กับเจ้าหน้าที่ที่ปฏิบัติงานภาคสนาม และให้ความรู้ความเข้าใจแก่ประชาชน และย้ำเตือนการแอบลักลอบนำเมทิลแอลกอฮอล์มาผสมกับโค้กหวังดื่มแทนสุรา
การบ้านวัตถุอันตรายที่พบบ่อยที่สุด
ตอบลบชื่อ-นามสกุล : นายปรีชา มงคลสาคร
รหัสนักศึกษา : 5214770330
สาขาวิชา: การตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
ลักษณะงาน
เป็นที่ปรึกษาด้านการอนุรักษ์พลังงานและการจัดการพลังงาน โดยให้คำปรึกษา สำรวจ ตรวจวัด และวิเคราะห์ การใช้พลังงานในรูปแบบต่างๆเพื่อนำเสนอวิธีการประหยัดพลังงาน ตลอดจนเป็นที่ปรึกษาในการจัดทำระบบการจัดการพลังงานในหน่วยงานต่างๆให้สอดคล้องกับ พรบ.ส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงาน พ.ศ.2535
วัตถุอันตรายที่พบบ่อยที่สุด
น้ำมันดีเซล
สถานที่ที่พบ
หน่วยงานต่างๆที่มีการใช้งานหม้อไอน้ำเพื่อผลิตไอน้ำ เช่น โรงงานอุตสาหกรรมที่มีการใช้ไอน้ำในกระบวนการผลิต โรงพยาบาล โรงแรมต่างๆ เป็นต้น
กิจกรรมที่ทำให้พบ
หม้อไอน้ำนับเป็นอุปกรณ์ที่มีการใช้พลังงานเป็นปริมาณมาก และมีการใช้งานอย่างแพร่หลายทั้งในงานด้านอุตสาหกรรมและงานด้านบริการ ทั้งนี้เชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไอน้ำมีหลากหลายชนิด เช่น ก๊าซปิโตเลี่ยมเหลว ก๊าซธรรมชาติ น้ำมันดีเซล ถ่านหิน เป็นต้น แต่อย่างไรก็ดี เชื้อเพลิงที่นิยมใช้งานมากที่สุดคือ น้ำมันดีเซล ทั้งนี้เพราะ หาซื้อและเก็บรักษาได้โดยง่าย ในการทำงานด้านที่ปรึกษาการอนุรักษ์พลังงานจำเป็นต้องดำเนินการตรวจสอบหม้อไอน้ำและอุปกรณ์ประกอบต่างๆที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมในการประหยัดพลังงานในหม้อไอน้ำ จึงทั้งจึงจำเป็นต้องตรวจสอบ ตรวจวัด และวิเคราะห์ปริมาณการใช้เชื้อเพลิง(ดีเซล)ในหม้อไอน้ำด้วย
ประเภทตามการจำแนกของ UN Recommendations
น้ำมันเตาจัดเป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 3 (ของเหลวไวไฟ)
อันตรายและการป้องกัน
1.น้ำมันดีเซลมีอันตรายคล้ายคลึงกับน้ำมันเชื้อเพลิงชนิดอื่นๆ กล่าวคือเป็นเชื้อเพลิงที่ติดไฟได้โดยง่าย ดังนั้น จึงจำเป็นต้องตั้งไว้ให้ห่างจากความร้อน ประกายไฟ หรือสารเคมีประเภท Strong oxidant เช่น คลอรีน
2.แม้น้ำมันดีเซลไม่มีสารประกอบของตะกั่วแต่ก็ยังมีสารที่ทำให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้หากสัมผัสโดยตรงมากๆ สารดังกล่าวคือ PCA หรือโพลีไซคลิก อะโรเมติกส์ ไฮโดรคาร์บอน ดังนั้น จึงควรล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังจากสัมผัสกับน้ำมันดีเซล
3.ในการเก็บรักษาต้องมีระบบการต่อเชื่อมสายดินระหว่างภาชนะที่บรรจุเพื่อป้องกันการสะสมประจุไฟฟ้าสถิต ซึ่งอาจนำไปสู่การเกิดประกายไฟได้
4.ควรจัดให้มีการระบายอากาศที่ดีเพียงพอในบริเวณที่เก็บรักษาน้ำมันดีเซล เพื่อป้องการสะสมของไอระเหยจนสามารถติดไฟได้ และป้องกันการหายใจรับไอระเหยของผู้ปฏิบัติงานในบริเวณใกล้เคียง
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ
เจ้าหน้าควบคุมกระบวนการผลิตสารอะโรเมติกส์ประจำห้องควบคุมการผลิตมีหน้าผลิตสารเบนซิน (Benzene) , โทลูอีน (Toluene)และ C8 Plus (สารที่มีองค์ประกอบของ Carbon 8 ตัวขึ้นไป) ซึ่งเป็น By-Product ที่ได้จากการผลิตสารเบนซินและโทลูอีน
ประเภทของสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงาน
งานผลิตสารอะโรเมติกส์ส่วนใหญ่ที่พบเจอและสัมผัสบ่อยๆคือสารเบนซินที่สัมผัสจากการเก็บตัวอย่างและการ drain liquid สารอะโรเมติกส์เพื่อทำการซ่อมเครื่องจักรที่ใช้ในกระบวนการผลิต
ประเภทของสารจำแนกตาม UN ได้ดังนี้
ประเภทอันตราย : 3 รหัส UN : 1114 ประเภทการบรรจุหีบห่อ : กลุ่ม II
สถานที่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตราย
สถานที่ : บริษัท ระยองโอเลฟินส์ จำกัด Plant : BTU (Benzene Toluene Unit)
กิจกรรม : การเก็บตัวอย่างของ Product Benzene เพื่อตรวจสอบ Specification Product
Benzene
: การ Swing Blind เพื่อการ Drain Liquid Hydrocabons (Benzene) ออกจาก
ระบบก่อนทำการซ่อมเครื่องจักร
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
ความเป็นพิษ
LD50(มก./กก.) : 930 ( หนู)
LC50(มก./ม3) : 13,700 / 4 ชั่วโมง ( หนู)
IDLH(ppm) : 500
ADI(ppm) : - MAC(ppm) : - PEL-TWA(ppm) : 1
PEL-STEL(ppm) : 5 PEL-C(ppm) : -
TLV-TWA(ppm) : 0.5 TLV-STEL(ppm) : 2.5 TLV-C(ppm) : -
พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535(ppm) : -
พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 (ppm) : -
พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 : -
พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ppm) :
เฉลี่ย 8 ชั่วโมง - ระยะสั้น - ค่าสูงสุด - สารเคมีอันตราย :สารก่อมะเร็ง
พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 : ชนิดที่ 3
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
อันตราย
อันตรายต่อสุขภาพ
อันตรายต่อสุขภาพ
1. สัมผัสทางหายใจ
การหายใจเอาสารนี้เข้าไป ผลกระทบของการสัมผัสสารนี้จะไปกดระบบประสาทส่วนกลางก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะ ง่วงซึม ปวดศีรษะ คลื่นไส้ เกิดภาวะการทำงานไม่ประสานกัน มึนงง และทำให้หมดสติได้ การสัมผัสสารนี้ที่ความเข้มข้น 25 ppm คาดว่าจะไม่ก่อให้เกิดอันตราย การสัมผัสสารนี้ที่ความเข้มข้น 50-150 ppm จะก่อให้เกิดอาการปวดศีรษะ และอ่อนเพลีย ก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อจมูก และลำคอ อาจจะมีอาการเวียนศีรษะ เป็นอาการนำก่อนจะเกิดอาการอื่น ๆ ตามมา การสัมผัสสารนี้ที่ความเข้มข้นประมาณ 20,000 ppm
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
อันตราย
อันตรายต่อสุขภาพ
จะทำให้เสียชีวิตได้ สารนี้จะก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเลือดและระบบภูมิคุ้มกันจากการทดลองในสัตว์ทดลอง แต่ยังไม่ยืนยันว่าสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อมนุษย์ในการสัมผัสสารในระยะสั้น มีการรายงานเกี่ยวกับผลกระทบของสารนี้ในระบบเลือดเมื่อปี 1992 พบว่า ในคนงานที่ทำงานสัมผัสกับเบนซีนที่ระดับความเข้มข้นสูง (สูงกว่า 60 ppm ) เป็นเวลาติดต่อกันหลาย ๆ วัน โดยที่คนงานก็ยังคงใช้สารเคมีชนิดอื่นเข้าไปด้วยในช่วงเวลาเดียวกัน หลังจากติดตามเป็นเวลา 4 เดือน พบว่าคนงานเหล่านี้มีอาการทางระบบประสาทส่วนกลาง 9 คน ในคนงาน 15 คน และมีอย่างน้อย 1 คน ที่พบว่าผิดปกติของระบบเลือด และหลังจากการติดตามเป็นเวลา 1 ปี พบว่ามีคนงาน 6 คน ที่ยังมีการเปลี่ยนแปลงในระบบเลือดอยู่ (มีการเปลี่ยนแปลงของจำนวนเม็ดเลือดขาวชนิด lymphocytes)
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
อันตราย
อันตรายต่อสุขภาพ
2. สัมผัสทางผิวหนัง
จากการทดลองในสัตว์พบว่าการสัมผัสสารนี้จะก่อให้เกิดการระคายเคืองเล็กน้อย จากการศึกษาในมนุษย์พบว่าสารนี้สามารถดูดซึมผ่านเข้าสู่ร่างกายได้ทำให้ผิวหนังแห้ง
3. กินหรือกลืนเข้าไป
การกลืนหรือกินเข้าไป สารนี้จะเกิดการดูดซึมอย่างรวดเร็วและไปมีฤทธิ์กดระบบประสาทส่วนกลางก่อให้เกิดอาการคล้ายหายใจเข้าไป พบว่าสารนี้สามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบเลือด และระบบภูมิคุ้มกันได้ในสัตว์ทดลอง แต่ยังไม่มีรายงานยืนยันผลกระทบดังกล่าวในมนุษย์
4. สัมผัสถูกตา
การสัมผัสถูกตา ไอระเหยของสารก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อตา
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
อันตราย
อันตรายต่อสุขภาพ
5. การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ,อื่น ๆ
- ผลกระทบต่อการสัมผัสในระยะยาว หรือการสัมผัสถูกผิวหนังเป็นระยะเวลานาน ๆ จะทำให้เกิดผื่นแดง ผิวหนังแห้ง อักเสบ และทำให้เกิดการสูญเสีย/ทำลายชั้นไขมันของผิวหนัง สารนี้จะก่อให้เกิดการลดลงของจำนวนเม็ดเลือดแดง เม็ดเลือดขาว และเกล็ดเลือด แต่ในระยะเวลานาน จะก่อให้เกิดภาวะโลหิตจางและเกิดความผิดปกติต่อเม็ดเลือดขาว (leukemia) เนื่องจากเบนซีนจะไปทำลายไขกระดูกซึ่งมีหน้าที่ในการผลิตเม็ดเลือดจึงทำให้เกิดภาวะโลหิตจาง และเกิดความผิดปกติของเม็ดเลือดขาว (leukemia) ขึ้น รวมทั้งจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันนอกจากนั้นพบว่า เบนซีนสามารถก่อให้เกิดผลกระทบต่อปลายประสาทและไขสันหลัง ทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ ปวดเมื่อย เมื่อยล้า นอนไม่หลับ และความจำเลอะเลือน
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
อันตราย
อันตรายต่อสุขภาพ
- สารนี้จัดเป็นสารก่อมะเร็งตามบัญชีรายชื่อ IARC NTP ACGIH
- เบนซีนจะก่อให้เกิดมะเร็งต่อระบบน้ำเหลือง ปอด กระเพาะปัสสาวะ
- สารนี้สามารถแพร่ผ่านรกได้ แต่จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อตัวอ่อนในครรภ์
- การสัมผัสกับเบนซีนที่ความเข้มข้นสูง อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ และมีผลกระทบต่อประจำเดือนในเพศหญิงได้
- สารนี้สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง/ก่อให้เกิดความผิดปกติของโครโมโซมในเม็ดเลือดขาว และก่อให้เกิดการทำลาย DNA ในเซลล์เม็ดเลือดได้
- จากผลการทดลองในสัตว์พบว่าการรับสัมผัสจะก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของเอทานอลในระบบเลือดได้
- เบนซีนสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วโดยทางการหายใจ และการกลืนกินและกระจายสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเนื้อเยื่อไขมัน และเบนซีนจะเกิดเมตาโบลิซึมขั้นแรกที่ตับ และผ่านเข้าสู่ไขกระดูก และทำให้มีความเป็นพิษขึ้น ในมนุษย์ค่าครึ่งชีวิตของเบนซีนคือ 1-2 วัน และสารนี้ไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดการสะสมโดยสารนี้จะถูกปล่อยออกมาพร้อมกับลมหายใจออกผ่านทางปอด และพบขับออกมาพร้อมกับยูรีน
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
อันตราย
อันตรายต่อสุขภาพ
- สารนี้จัดเป็นสารก่อมะเร็งตามบัญชีรายชื่อ IARC NTP ACGIH
- เบนซีนจะก่อให้เกิดมะเร็งต่อระบบน้ำเหลือง ปอด กระเพาะปัสสาวะ
- สารนี้สามารถแพร่ผ่านรกได้ แต่จะไม่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อตัวอ่อนในครรภ์
- การสัมผัสกับเบนซีนที่ความเข้มข้นสูง อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบสืบพันธุ์ และมีผลกระทบต่อประจำเดือนในเพศหญิงได้
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
อันตราย
อันตรายต่อสุขภาพ
- สารนี้สามารถก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง/ก่อให้เกิดความผิดปกติของโครโมโซมในเม็ดเลือดขาว และก่อให้เกิดการทำลาย DNA ในเซลล์เม็ดเลือดได้
- จากผลการทดลองในสัตว์พบว่าการรับสัมผัสจะก่อให้เกิดการเพิ่มขึ้นของเอทานอลในระบบเลือดได้
- เบนซีนสามารถดูดซึมเข้าสู่ร่างกายได้อย่างรวดเร็วโดยทางการหายใจ และการกลืนกินและกระจายสู่ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในเนื้อเยื่อไขมัน และเบนซีนจะเกิดเมตาโบลิซึมขั้นแรกที่ตับ และผ่านเข้าสู่ไขกระดูก และทำให้มีความเป็นพิษขึ้น ในมนุษย์ค่าครึ่งชีวิตของเบนซีนคือ 1-2 วัน และสารนี้ไม่มีแนวโน้มที่จะเกิดการสะสมโดยสารนี้จะถูกปล่อยออกมาพร้อมกับลมหายใจออกผ่านทางปอด และพบขับออกมาพร้อมกับยูรีน
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
แนวทางการป้องกัน
ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ
- ที่ช่วงความเข้มข้นที่เกิดกว่าค่ามาตรฐานที่ NIOSH แนะนำหรือที่ทุกช่วงความเข้มข้นที่สามารถวัดได้ : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
แนวทางการป้องกัน
- ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน : ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า และอุปกรณ์กรองอนุภาคประสิทธิภาพ (HEPA filter) หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50
นายศุภณัฐ ตรีวิบูลย์ รหัสนักศึกษา 5214770015 รุ่นที่ 1
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานผลิตสารอะโรเมติกส์
อ้างอิงตามเอกสาร MSDS เคมี: Phenyl hydride CAS No. 71-43-2 UN/ID NO. 1114
นายวิริยะ พรรคพิง รหัส 5214770476 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายในที่ทำงาน
ชื่อเคมี IUPAC : SODIUM HYDROXIDE : โซเดียมไฮดรอกไซด์
ชื่อพ้องอื่นๆ Caustic soda ; Lye; Sodium hydrate; Soda lye; White Caustic; Lye, caustic; Augus Hot Rod;
สูตรโมเลกุล :
สูตรโครงสร้าง :
รหัส IMO
CAS No 1310-73-2
รหัส EC NO. 011-002-00-6
UN/ID No. 1823
รหัส RTECS WB 4900000
รหัส EUEINECS/ELINCS 215-185-5
นายวิริยะ พรรคพิง รหัส 5214770476 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายในที่ทำงาน
ประเภทสาร/วัตถุอันตราย : จัดเป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 8 สารกัดกร่อน
สถานที่ที่พบสาร/วัตถุอันตราย
แผนกผลิตน้ำยาเคมีกลับคืน 2
บมจ.ฟินิคซ พัลพ แอนด์ เพเพอร์
99 ม.3 ต.กุดน้ำใส อ.น้ำพอง จ.ขอนแก่น 40310
ธุรกิจกระดาษในเครือซิเมนต์ไทย (SCG paper)
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ
ควบคุมกระบวนการผลิตสารเคมีให้ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพเพื่อนำไปใช้ย่อยชิ้นไม้ยูคาลิปตัส เพื่อผลิตเยื่อกระดาษและกระดาษ เช่น กระดาษไอเดียกรีน กระดาษไอเดียเวอร์ค
นายวิริยะ พรรคพิง รหัส 5214770476 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายในที่ทำงาน
ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ (Standard and Toxicity)
LD50(มก./กก.) : 40
( หนู)
LC50(มก./ม3) : -
/ -
ชั่วโมง ( -)
IDLH(ppm) : 6.11
ADI(ppm) : -
MAC(ppm) : -
PEL-TWA(ppm) : -
PEL-STEL(ppm) : -
PEL-C(ppm) : 1.22
TLV-TWA(ppm) : -
TLV-STEL(ppm) : -
TLV-C(ppm) : 1.22 2mg/m3
พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535(ppm) : -
พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 (ppm) : -
พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 : -
พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ppm) :
เฉลี่ย 8 ชั่วโมง 1.22
ระยะสั้น -
ค่าสูงสุด -
สารเคมีอันตราย :
พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 : ชนิดที่ 1
หน่วยงานที่รับผิดชอบ : กรมโรงงานอุตสาหกรรม
นายวิริยะ พรรคพิง รหัส 5214770476 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายในที่ทำงาน
อันตรายต่อสุขภาพอนามัย (Health Effect)
สัมผัสทางหายใจ
- การหายใจเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคือง และทำให้เกิดการทำลายต่อทางเดินหายใจส่วนบน ทำให้เกิดอาการจาม ปวดคอ หรือน้ำมูกไหล ปอดอักเสบอย่างรุนแรง หายใจติดขัด หายใจถี่รั่ว
สัมผัสทางผิวหนัง
- การสัมผัสถูกผิวหนัง จะก่อให้เกิดการระคายเคืองรุนแรง เป็นแผลไหม้ และเกิดเป็นแผลพุพองได้
นายวิริยะ พรรคพิง รหัส 5214770476 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายในที่ทำงาน
อันตรายต่อสุขภาพอนามัย (Health Effect)
กินหรือกลืนเข้าไป
- การกลืนหรือกินเข้าไป ทำให้แสบไหม้บริเวณปาก คอ กระเพาะอาหาร ทำให้เป็นแผลเป็น เลือดออกในกระเพาะอาหาร อาเจียน ท้องร่วง ความดันเลือดลดต่ำลง อาจทำให้เสียชีวิต
สัมผัสถูกตา
- การสัมผัสถูกตา จะมีฤทธิ์กัดกร่อน ทำให้เกิดการระคายเคืองรุนแรง เป็นแผลแสบไหม้ อาจทำให้มองไม่เห็นถึงขั้นตาบอดได้
การก่อมะเร็ง ความ
- การสัมผัสสารติดต่อกันเป็นเวลานาน จะทำให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่อ
ผิดปกติ,อื่น ๆ
- สารนี้มีฤทธิ์กัดกร่อนเนื้อเยื่อ
นายวิริยะ พรรคพิง รหัส 5214770476 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายในที่ทำงาน
แนวทางการป้องกัน
ข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE)
- ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ
- สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 125 ppm : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจประเภทที่ใช้การส่งอากาศสำหรับการหายใจ ซึ่งมีอัตราการไหลของอากาศแบบต่อเนื่อง โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APFให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า และอุปกรณ์กรองอนุภาพประสิทธิภาพสูง (HEPA filter) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) ซึ่งมีอุปกรณ์กรองฝุ่น และละอองไอ โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25 หรือให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบนายวิริยะ พรรคพิง รหัส 5214770476 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายในที่ทำงาน
แนวทางการป้องกัน
- ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือการเข้าไปสัมผัสกับสารที่ไม่ทราบช่วงความเข้มข้น หรือการเข้าไปในบริเวณที่มีสภาวะอากาศที่เป็น IDLH : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000
นายกฤตณ์พัทธ์ กิติยานันท์
ตอบลบวศ.ม. รุ่น 2 รหัส 5314770003
ตำแหน่ง วิศวกรปฎิบัติการ
ศูนย์พัฒนาน้ำบาดาลกำแพงเพชร เขต 7
กรมทรัพยากรน้ำดาดาล
กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม
ลักษณะของงาน การพัฒนาน้ำบาดาลให้มีคุณภาพสามารถใช้ในการอุปโภคและบริโภค ได้อย่างทั่วถึงทุกพื้นที่และมีใช้อย่างพอเพียง
สาร/วัตถุอันตรายที่พบบ่อยในสถานที่ทำงาน
คลอรีน
กิจกรรมที่ทำให้พบ
บ่อบำบัดน้ำบาดาลเพื่อใช้ในการผลิตน้ำประปา
ประเภทตามการแบ่งของ UN
ประเภทที่ 8 สารกัดกร่อน
ประโยชน์และโทษของคลอรีน
ประโยชน์ คลอรีนใช้เป็นสารในการฆ่าเชื้อโรคในน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ และ
ราคาไม่แพงใช้เป็นสารตั้งต้นในการผลิตพลาสติก ผลิตยาฆ่าแมลง ใช้ฟอกสีเยื่อกระดาษ ตลอดจนเส้นใยผ้า
โทษ คลอรีนเมื่อมีความชื้นจะกัดกร่อนโลหะเกือบทุกชนิด เป็นอันตรายแก่อวัยวะของร่างกาย เช่น ตา จมูก ผิวหนัง เมื่อถูกคลอรีนจะอักเสบและบวมพอง ถ้าสูดดมเข้าไปจะเกิดอาการอึดอัด หานใจไม่สะดวก เจ็บคอ แน่นหน้าอก และอาจทำให้เสียชีวิตถ้าสูดดมในปริมาณที่มากเกินไป
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
ตอบลบ ลักษณะงานที่รับผิดชอบ
งานก่อสร้างและซ่อมบำรุงระบบสาธารณูปโภคภายในพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ. ระยอง มีพื้นที่โดยรวมประมาณ 3,000 ไร่
- งานก่อสร้างระบบถนน
- งานก่อสร้างระบบระบายน้ำฝน
- งานก่อสร้างระบบระบายน้ำเสีย
- งานก่อสร้างระบบเส้นท่อส่งจ่ายน้ำประปา
- งานซ่อมบำรุงระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ถนน, ระบบระบายน้ำฝน, ระบบระบายน้ำเสีย และท่อส่งจ่ายน้ำประปา เป็นต้น
ประเภทของสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงาน
งานก่อสร้างและซ่อมบำรุงระบบสาธารณูปโภคของโครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้นั้น มีการใช้สาร/วัตถุอันตรายที่เป็นตัวทำละลายในสีประเภทน้ำมันสนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งน้ำมันสนเป็นสารประกอบพวกไฮโดรคาร์บอน มักจะนำไปใช้ในการผสมสีน้ำมัน ผสมสีเคลือบเงา และล้างคราบสิ่งสกปรกต่างๆ น้ำมันสน มีลักษณะโปร่งใส จนเกือบเป็นของเหลวที่ไม่มีสี จัดเป็นสาร/วัตถุอันตรายที่เป็นของเหลวไวไฟ (ไม่มีขั้ว/ไม่ผสมน้ำ) มีความไวไฟสูง หมายเลขรหัส 4 หลัก หรือ UN Number คือ 1263 และ Guide Number คือ 128 เป็นสาร Paint (Flammable) และ Paint Related Material (flammable) ประกอบด้วย ไว้ท์ สปิริต และไซลีน เป็นส่วนใหญ่
นายวิริยะ พรรคพิง รหัส 5214770476 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายในที่ทำงาน
แนวทางการป้องกัน
- ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน : ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า (gas mask) ซึ่งมี Canister ที่สามารถป้องกันไอระเหยของสารอินทรีย์ ฝุ่น ละอองไอ และฟูม ให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉินพร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50
ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา (Stability and Reaction)
คงตัวทางเคมี : สารนี้มีความเสถียรภายใต้สภาวะปกติของการใช้และการเก็บ
- สารที่เข้ากันไม่ได้ : น้ำ, กรด, ของเหลวไวไฟ, สารประกอบอินทรีย์ของฮาโลเจน โดยเฉพาะไตรคลอโรเอทิลีน ซึ่งอาจก่อให้เกิดไฟหรือการระเบิด การสัมผัสไนโตรมีเทนและสารประกอบไนโตรทำให้เกิดเกลือที่ไวต่อการกระแทก
- สภาวะที่ควรหลีกเลี่ยง : ความชื้น, ฝุ่น และสารที่เข้ากันไม่ได้
- สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : โซเดียมออกไซด์ การทำปฏิกิริยากับโลหะเกิดก๊าซไฮโดรเจนที่ไวไฟ
- สารนี้ผสมความชื้นในอากาศและทำปฏิกิริยากับคาร์บอนไดออกไซด์ในอากาศเป็นสารโซเดียมคาร์บอเนต
- สารนี้มีฤทธิ์เป็นเบสเข้มข้น
- อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : จะไม่เกิดขึ้น
นายปราโมทย์ ชาญบัณฑิต รหัสนักศึกษา 5214770149 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
ตอนที่ 1
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ
งานพัฒนาก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคสำหรับนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง พื้นที่ประมาณ 3,000 ไร่
- งานก่อสร้างระบบถนน
- งานก่อสร้างระบบระบายน้ำฝน
- งานก่อสร้างระบบระบายน้ำเสีย
- งานก่อสร้างระบบเส้นท่อส่งจ่ายน้ำประปา
- งานก่อสร้างระบบไฟฟ้า
- งานก่อสร้างระบบโทรศัพท์
- งานถมดินปรับระดับพื้นที่สำหรับขาย
ประเภทของสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงาน
งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคส่วนใหญ่สาร/วัตถุอันตรายที่พบเจอบ่อยที่สุดคือตัวทำละลายประเภททินเนอร์ ซึ่ง UN ได้จัดอยู่ในประเภทของเหลวไวไฟ (ไม่มีขั้ว/ไม่รวมกับน้ำ): Paint (Flammable) and Paint related material (Flammable): UN Number 1263: Guide Number 128
สถานที่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตราย
งานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคมีบางส่วนที่ต้องใช้ทินเนอร์ในงานอาทิเช่น งานทาสีเหล็ก Dowel bar สำหรับถนน งานทาสีเหล็กตระแกรงสำหรับระบบระบายน้ำฝนและระบบระบายน้ำเสีย งานทาสีเหล็กฉากประกอบฝาครอบบ่อพักต่างๆ งานทาสี Curb และป้ายจราจร โดยผู้รับเหมาจะดำเนินการในบริเวณพื้นที่เปิดโล่งหน้างาน หรือบริเวณโรงเชื่อมซึ่งเปิดโล่งเช่นกัน
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
ตอบลบ ลักษณะงานที่รับผิดชอบ
งานก่อสร้างและซ่อมบำรุงระบบสาธารณูปโภคภายในพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ. ระยอง มีพื้นที่โดยรวมประมาณ 3,000 ไร่
- งานก่อสร้างระบบถนน
- งานก่อสร้างระบบระบายน้ำฝน
- งานก่อสร้างระบบระบายน้ำเสีย
- งานก่อสร้างระบบเส้นท่อส่งจ่ายน้ำประปา
- งานซ่อมบำรุงระบบสาธารณูปโภคต่างๆ เช่น ถนน, ระบบระบายน้ำฝน, ระบบระบายน้ำเสีย และท่อส่งจ่ายน้ำประปา เป็นต้น
ประเภทของสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงาน
ตอบลบงานก่อสร้างและซ่อมบำรุงระบบสาธารณูปโภคของโครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้นั้น มีการใช้สาร/วัตถุอันตรายที่เป็นตัวทำละลายในสีประเภทน้ำมันสนอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งน้ำมันสนเป็นสารประกอบพวกไฮโดรคาร์บอน มักจะนำไปใช้ในการผสมสีน้ำมัน ผสมสีเคลือบเงา และล้างคราบสิ่งสกปรกต่างๆ น้ำมันสน มีลักษณะโปร่งใส จนเกือบเป็นของเหลวที่ไม่มีสี จัดเป็นสาร/วัตถุอันตรายที่เป็นของเหลวไวไฟ (ไม่มีขั้ว/ไม่ผสมน้ำ) มีความไวไฟสูง หมายเลขรหัส 4 หลัก หรือ UN Number คือ 1263 และ Guide Number คือ 128 เป็นสาร Paint (Flammable) และ Paint Related Material (flammable) ประกอบด้วย ไว้ท์ สปิริต และไซลีน เป็นส่วนใหญ่
สถานที่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตราย
ตอบลบงานก่อสร้างและซ่อมบำรุงระบบสาธารณูปโภคของโครงการนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้นั้น จำเป็นต้องใช้น้ำมันสนในการผสมสีสำหรับทำงานหรือกิจกรรมบางอย่าง รวมทั้งใช้ในการทำความสะอาดคราบสิ่งสกปรกต่างๆ ที่เกิดจากการก่อสร้าง เช่น คราบน้ำมัน เป็นต้น ซึ่งการทำงานงานก่อสร้างและซ่อมบำรุงระบบสาธารณูปโภคจะดำเนินการภายในพื้นที่นิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ. ระยอง ในบริเวณพื้นที่เปิดโล่งหน้างาน หรือบริเวณโรงเชื่อมที่เปิดโล่ง มีอากาศถ่ายเทได้สะดวกเช่นกัน
กิจกรรมหรือลักษณะงานที่จำเป็นต้องใช้น้ำมันสน เป็นส่วนประกอบในการผสมสีหรือทำความสะอาด มีดังนี้
- งานทาสีเหล็กฉากฝากครอบบ่อพักต่างๆ
- งานทาสีเหล็ก Dowel bar สำหรับก่อสร้างถนน
- งานทาสีตะแกรงเหล็กในระบบระบายน้ำฝนและระบบระบายน้ำเสีย
- งานทาสี Curb และป้ายจราจร
- งานทาสีไม้ ปูนและแผ่นโลหะ ในการซ่อมบำรุงระบบสาธารณูปโภคต่างๆ
- การใช้น้ำมันสนเพื่อทำความสะอาดคราบน้ำมัน คราบสิ่งสกปรกบนพื้นผิวต่างๆ
ความเป็นพิษและอันตราย
ตอบลบน้ำมันสนเป็นสารอันตรายที่มีความไวไฟสูง จุดวาบไฟ 47 องศาเซลเซียส จะลุกไหม้อย่างง่ายดายเมื่อถูกความร้อน ประกายไฟ หรือเปลวไฟ มีความหนาแน่น 0.75-0.78 กิโลกรัม/ลิตร มีไซลีนเป็นองค์ประกอบที่เป็นพิษต่อร่างกาย ซึ่งจะทำให้เกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจ มีอันตรายเมื่อสัมผัสผิวหนัง และระคายเคืองต่อผิวหนังได้
อันตรายต่อสุขภาพ ถ้าหายใจเข้าไปหรือสัมผัสสารอันตรายนี้อาจทำให้เกิดอาการระคายเคือง หากได้รับในปริมาณที่มากเกินไปอาจเกิดการไหม้และแสบร้อน หากสารอันตรายนี้ถูกเพลิงไหม้อาจก่อให้เกิดก๊าซที่ระคายเคือง กัดกร่อน และเป็นพิษ ไอระเหยที่เกิดขึ้นอาจทำให้เวียนศีรษะหรือหายใจลำบาก
ข้อมูลการเป็นพิษ ไอของตัวทำละลายที่มีความเข้มข้นสูงกว่ามาตรฐานจะเป็นสาเหตุของการทำลายอวัยวะในระบบประสาท สูญเสียความทรงจำ เกิดการระคายเคือง และหมดสติ ผลิตภัณฑ์ที่มีสารโคลทาร์ สามารถซึมเข้วผิวหนังได้ ทำให้เกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะถ้าถูกแสงแดดด้วยการสัมผัสเป็นเวลานาน ทำให้ผิวหนังถูกชะล้างไขมัน เกิดผื่นคัน และซึมเข้าผิวหนัง ในกรณีที่สารเคมีเข้าสู่ร่างกายโดยการรับประทาน จะทำให้มีอาการปวดท้อง และหากถูกทำให้อาเจียนออกมาอาจจะทำให้สารเคมีเข้าสู่ปอดได้
แนวทางการป้องกัน
ตอบลบ1. การเก็บสาร/วัตถุอันตรายนี้ ควรเก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด แห้ง สถานที่เก็บควรมีอากาศถ่ายเทได้ดี และห่างจากสถานที่ที่สามารถทำให้เกิดประกายไฟ
2. ควรหลีกเลี่ยงการหายใจเอาไอระเหยเข้าปอด เพราะอาจทำให้เกิดการระคายเคือง และเกิดอันตรายต่อระบบทางเดินหายใจได้
3. ในกรณีที่ต้องทำงานกับสาร/วัตถุอันตรายนี้เป็นระยะเวลานาน ควรสวมชุดป้องกันสารเคมีเมื่อทำการฉีดพ่น ควรสวมแว่นตาหรือหน้ากากเพื่อป้องกันการกระเด็นของสารเคมี หากต้องสัมผัสสารเคมีควรสวมถุงมือที่ไม่ได้ทำจากยางหรือพลาสติก
4. หากรับประทานเข้าไป ไม่ควรทำให้ผู้ป่วยอาเจียนออกมา เพราะอาจทำให้สารเคมีเข้าสู่ปอดได้ ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลพร้อมทั้งนำฉลากหรือข้อมูลด้านความปลอดภัยของสาร/วัตถุอันตรายนั้นไปด้วย
เอกสารอ้างอิง
ตอบลบการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย. (2546). คู่มือระงับอุบัติภัยจากวัสดุอันตราย 2000. พิมพ์ครั้งที่ 2.
กรุงเทพฯ : การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย.
http://www.carco.co.th/home/images/SonOil.pdf
นายปราโมทย์ ชาญบัณฑิต รหัสนักศึกษา 5214770149 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
ตอนที่ 2
ความเป็นพิษและอันตราย
ทินเนอร์มีส่วนผสมของตัวละลายอินทรีย์หลายตัวผสมรวมกันขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์การใช้งาน โดยทั่วไปในท้องตลาดทินเนอร์จะมีขายอยู่ 3 เกรด คือ A, AA และ AAA
จากเอกสารข้อมูลด้านความปลอดภัย (MSDS) ของทินเนอร์ที่ใช้ในงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภคสำหรับนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง (บริษัท คาร์โก้เคมีเคิล จำกัด, http://www.carco.co.th/home/images/AA_Carwa.pdf) มีข้อมูลดังนี้
1. ชื่อผลิตภัณฑ์: ทินเนอร์ AA CARWA/ AA KSC
ชื่อผู้ผลิต, ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์: บริษัท คาร์โก้เคมิเคิล จำกัด เลขที่ 66/1 ถ.อ่อนนุช แขวงประเวศ กรุงเทพฯ 10250, หมายเลขโทรศัพท์ โรงงาน 038-595508-9 ออฟฟิศ 02-721-7999
2. ส่วนประกอบและข้อมูลส่วนผสม
สารเคมีอันตรายที่มีผลต่อสุขภาพร่างกาย
ชื่อสารเคมี อัตราส่วน สัญลักษณ์ ผลกระทบต่อร่างกาย
เมธิลไอโซบิวทิลคีโทน 1-5
ไซลีน 5-10 Xn R20, R21, R38
เอธิลเบนซิล 20-30 Xn R20
อัลคิลเบนซิล C9-C10 60-70
นายปราโมทย์ ชาญบัณฑิต รหัสนักศึกษา 5214770149 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
ตอนที่ 3
ข้อมูลความเป็นพิษ: ข้อมูลไม่เพียงพอในการยืนยัน ไอของตัวทำละลายที่มีความเข้มสูงกว่ามาตรฐานจะเป็นสาเหตุของการทำลายอวัยวะภายในระบบประสาทสูญเสิยความทรงจำ การระคายเคือง และหมดสติ ผลิตภัณฑ์ที่มีสารโคลทาร์ ซึ่งสามารถซึมเข้าผิวหนังได้ทำให้เกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะถ้าถูกแสงแดดด้วยการสัมผัสเป็นเวลานาน ทำให้ไขมันที่ผิวหนังถูกซะล้าง ทำให้เกิดผื่นคัน และซึมเข้าสู่ผิวหนัง ในกรณีที่สารเคมีเข้าสู่ร่างกายโดยการรับประทาน จะทำให้มีอาการปวดท้อง และหากถูกทำให้อาเจียนออกมาอาจทำให้สารเคมีเข้าสู่ปอดได้
ข้อมูลรายละเอียดของสารอันตราย: เป็นสารไวไฟ มีความไวไฟสูง ประกอบด้วย สารพิษไซลีน, อัลคิลเบนซิน C9-C10 มีอันตรายต่อระบบหายใจ ผิวหนังและร่างกายทำให้มีการระคายเคืองผิวหนัง
แนวทางการป้องกัน
ในการทำงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับทินเนอร์ ผู้ผลิตแนะนำโดยแยกตามประเภทดังนี้
1. การป้องกันทางการหายใจ: เมื่อไอระเหยของสารเคมีมีความเข้มข้นมากกว่า TLV ควรใช้อุปกรณ์ช่วยในการหายใจ
2. การป้องกันสารเคมีโดยการสัมผัสทางมือ: ควรทาครีมหรือสวมถุงมือให้เหมาะสมไม่ควรใช้ครีมที่สามารถละลายได้ด้วยน้ำกับถุงมือยางหรือพลาสติก
3. การป้องกันสารเคมีทางตา: ควรสวมแว่นตา หรือหน้ากากป้องกันการกระเด็นของสารเคมี
4. การป้องกันทางผิวหนัง: ควรสวมชุดป้องกันสารเคมีเมื่อทำการพ่นสารเคมี
5. หากรับประทานเข้าไปก็ไม่ควรทำให้ผู้ป่วยอาเจียน ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลพร้อมทั้งนำฉลากหรือข้อมูลด้านความปลอดภัยของสารเคมี/วัตถุอันตรายไปด้วย
นายปราโมทย์ ชาญบัณฑิต รหัสนักศึกษา 5214770149 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
ตอนที่ 3
ข้อมูลความเป็นพิษ: ข้อมูลไม่เพียงพอในการยืนยัน ไอของตัวทำละลายที่มีความเข้มสูงกว่ามาตรฐานจะเป็นสาเหตุของการทำลายอวัยวะภายในระบบประสาทสูญเสิยความทรงจำ การระคายเคือง และหมดสติ ผลิตภัณฑ์ที่มีสารโคลทาร์ ซึ่งสามารถซึมเข้าผิวหนังได้ทำให้เกิดการระคายเคือง โดยเฉพาะถ้าถูกแสงแดดด้วยการสัมผัสเป็นเวลานาน ทำให้ไขมันที่ผิวหนังถูกซะล้าง ทำให้เกิดผื่นคัน และซึมเข้าสู่ผิวหนัง ในกรณีที่สารเคมีเข้าสู่ร่างกายโดยการรับประทาน จะทำให้มีอาการปวดท้อง และหากถูกทำให้อาเจียนออกมาอาจทำให้สารเคมีเข้าสู่ปอดได้
ข้อมูลรายละเอียดของสารอันตราย: เป็นสารไวไฟ มีความไวไฟสูง ประกอบด้วย สารพิษไซลีน, อัลคิลเบนซิน C9-C10 มีอันตรายต่อระบบหายใจ ผิวหนังและร่างกายทำให้มีการระคายเคืองผิวหนัง
นายปราโมทย์ ชาญบัณฑิต รหัสนักศึกษา 5214770149 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานก่อสร้างระบบสาธารณูปโภค
ตอนที่ 4
แนวทางการป้องกัน
ในการทำงานที่ต้องเกี่ยวข้องกับทินเนอร์ ผู้ผลิตแนะนำโดยแยกตามประเภทดังนี้
1. การป้องกันทางการหายใจ: เมื่อไอระเหยของสารเคมีมีความเข้มข้นมากกว่า TLV ควรใช้อุปกรณ์ช่วยในการหายใจ
2. การป้องกันสารเคมีโดยการสัมผัสทางมือ: ควรทาครีมหรือสวมถุงมือให้เหมาะสมไม่ควรใช้ครีมที่สามารถละลายได้ด้วยน้ำกับถุงมือยางหรือพลาสติก
3. การป้องกันสารเคมีทางตา: ควรสวมแว่นตา หรือหน้ากากป้องกันการกระเด็นของสารเคมี
4. การป้องกันทางผิวหนัง: ควรสวมชุดป้องกันสารเคมีเมื่อทำการพ่นสารเคมี
5. หากรับประทานเข้าไปก็ไม่ควรทำให้ผู้ป่วยอาเจียน ควรรีบนำส่งโรงพยาบาลพร้อมทั้งนำฉลากหรือข้อมูลด้านความปลอดภัยของสารเคมี/วัตถุอันตรายไปด้วย
เอกสารอ้างอิง
[1] 2008 EMERGENCY RESPOND GUIDEBOOK (เรียงลำดับตาม UN Number). เว็บไซด์ฐานความรู้เรื่องความปลอดภัยด้านสารเคมี http://www.chemtrack.org/UNNumber-List.asp
[2] เอกสารข้อมูลด้านความปลอดภัย. เว็บไซด์บริษัท คาร์โก้เคมิเคิล จำกัด http://www.carco.co.th/home/images/ AA_Carwa.pdf
นายธีรพงษ์ เพาะพูล
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
รหัสนักศึกษา 5214770258
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานสุขาภิบาลและปรับอากาศ
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ (บริษัท คิวทีซี เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด)
ทำงานด้านงานออกแบบ, ควบคุมงานและติดตั้งงานก่อสร้างและงานระบบ
ประเภทของสาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงาน
ในงานระบบสุขาภิบาล (ประปา) และปรับอากาศ วัตถุอันตรายที่พบเสมอในการติดตั้งงานระบบคือ น้ำยาประสานท่อพีวีซีแข็งและข้อต่อท่อพีวีซีแข็ง จัดอยู่ในของเหลวประเภทไวไฟ มีผลต่อระบบประสาท ระบบทางเดินหายใจ และระบบผิวหนัง ชนิดของตัวทำละลาย ได้แก่ TETRAHYDROFURAN, CYCLOHEXANONE
สถานที่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตราย
ในการต่อท่อ PVC ของระบบสุขาภิบาลและปรับอากาศทุกครั้ง เพื่อกันการหลุดออกจากกันต้องใช้น้ำยาประสานท่อพีวีซีแข็งและข้อต่อท่อพีวีซีแข็งในการต่อ โดยทั่วไปช่างที่ปฏิบัติงานในสถานที่นั้น ๆ หรือประกอบในที่โล่งแจ้งแล้วนำเข้าไปติดตั้ง
นายธีรพงษ์ เพาะพูล
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
รหัสนักศึกษา 5214770258
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานสุขาภิบาลและปรับอากาศ
ชื่อเคมีทั่วไป Tetrahydrofuran
ชื่อพ้องอื่นๆ THF; 1,4-Epoxybutane; Butylene oxide; Cyclotetramethylene; Tetramethylene oxide; Oxacyclopentane; Cyclotetramethylene oxide; Furanidine; Hydrofuran
รหัส IMO : CAS No.: 109-99-9 รหัส EC NO. : 603-025-00-0
UN/ID No. : 2056 รหัส RTECS : LU5950000
รหัส EUEINECS/ELINCS : 203-726-8 ชื่อวงศ์ Cyclic Ether
ชื่อผู้ผลิต/นำเข้า EM. Science
ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ (Standard and Toxicity)
LD50(มก./กก.) : 1650 ( หนู)
LC50(มก./ม3) : - / - ชั่วโมง ( -)
IDLH(ppm) : 2000 ADI(ppm) : - MAC(ppm) : -
PEL-TWA(ppm) : 200 PEL-STEL(ppm) : - PEL-C(ppm) : -
TLV-TWA(ppm) : 200 TLV-STEL(ppm) : 250 TLV-C(ppm) : -
พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535(ppm) : -
พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 (ppm) : -
พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 : -
พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ppm) : -
เฉลี่ย 8 ชั่วโมง - ระยะสั้น - ค่าสูงสุด - สารเคมีอันตราย :
นายธีรพงษ์ เพาะพูล
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
รหัสนักศึกษา 5214770258
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานสุขาภิบาลและปรับอากาศ
การเก็บรักษา/สถานที่เก็บ/เคลื่อนย้าย/ขนส่ง (Storage and Handling)
- เก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด
- เก็บในบริเวณที่เย็น แห้ง และมีการระบายอากาศเพียงพอ
- เก็บห่างจากแหล่งจุดติดไฟและสารออกซิไดซ์และเก็บโดยการเติมตัวยับยั้ง
- ให้ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบแสงสว่างที่ป้องกันการระเบิด และไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ
- เก็บในบริเวณที่ป้องกันไฟ
- ตรวจสอบสารเปอร์ออกไซด์ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเกิดความร้อนกับสารเคมี
- อย่าให้สารเคมีเข้าตา ผิวหนัง หรือบนเสื้อผ้า
- อย่าหายใจเอาไอระเหยเข้าไป
- ชื่อทางการขนส่ง : Tetrahydrofuran
- รหัสหมายเลข : UN 2056
การกำจัดกรณีรั่วไหล (Leak and Spill)
- วิธีการปฏิบัติในกรณีเกิดการหกรั่วไหล ให้อพยพคนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกจากพื้นที่
- สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายให้เหมาะสม
- ขจัดแหล่งจุดติดไฟใด ๆ จนกระทั่งพื้นที่นั้นปลอดภัยจากการระเบิดหรืออันตรายจากอัคคีภัย
- เก็บส่วนที่หกรั่วไหลและแยกออกจากแหล่งสารเคมีนั้นสามารถทำได้โดยปราศจากความเสี่ยงอันตราย
- เก็บส่วนที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิดเพื่อนำไปกำจัด
- ระบายอากาศและล้างบริเวณที่สารหกรั่วไหลหลังจากเก็บกวาดสารเคมีแล้ว
นายธีรพงษ์ เพาะพูล
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
รหัสนักศึกษา 5214770258
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานสุขาภิบาลและปรับอากาศ
การเก็บรักษา/สถานที่เก็บ/เคลื่อนย้าย/ขนส่ง (Storage and Handling)
- เก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด
- เก็บในบริเวณที่เย็น แห้ง และมีการระบายอากาศเพียงพอ
- เก็บห่างจากแหล่งจุดติดไฟและสารออกซิไดซ์และเก็บโดยการเติมตัวยับยั้ง
- ให้ใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าและระบบแสงสว่างที่ป้องกันการระเบิด และไม่ก่อให้เกิดประกายไฟ
- เก็บในบริเวณที่ป้องกันไฟ
- ตรวจสอบสารเปอร์ออกไซด์ให้เรียบร้อยก่อนที่จะเกิดความร้อนกับสารเคมี
- อย่าให้สารเคมีเข้าตา ผิวหนัง หรือบนเสื้อผ้า
- อย่าหายใจเอาไอระเหยเข้าไป
- ชื่อทางการขนส่ง : Tetrahydrofuran
- รหัสหมายเลข : UN 2056
นายธีรพงษ์ เพาะพูล
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
รหัสนักศึกษา 5214770258
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานสุขาภิบาลและปรับอากาศ
การกำจัดกรณีรั่วไหล (Leak and Spill)
- วิธีการปฏิบัติในกรณีเกิดการหกรั่วไหล ให้อพยพคนที่ไม่เกี่ยวข้องทั้งหมดออกจากพื้นที่
- สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายให้เหมาะสม
- ขจัดแหล่งจุดติดไฟใด ๆ จนกระทั่งพื้นที่นั้นปลอดภัยจากการระเบิดหรืออันตรายจากอัคคีภัย
- เก็บส่วนที่หกรั่วไหลและแยกออกจากแหล่งสารเคมีนั้นสามารถทำได้โดยปราศจากความเสี่ยงอันตราย
- เก็บส่วนที่หกรั่วไหลในภาชนะบรรจุที่ปิดมิดชิดเพื่อนำไปกำจัด
- ระบายอากาศและล้างบริเวณที่สารหกรั่วไหลหลังจากเก็บกวาดสารเคมีแล้ว
ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม (Environmental Impacts)
- ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ : เป็นพิษต่อสิ่งมีชีวิตในน้ำ ความเป็นพิษต่อปลา
นายธีรพงษ์ เพาะพูล
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
รหัสนักศึกษา 5214770258
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานสุขาภิบาลและปรับอากาศ
แนวทางป้องกัน
อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล (PPD/PPE)
ข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE) :
- ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ
- สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 2000 ppm : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจประเภทที่ใช้การส่งอากาศสำหรับการหายใจ ซึ่งมีอัตราการไหลของอากาศแบบต่อเนื่อง โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25 หรือให้เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า (gas mask) พร้อมCanister สำหรับป้องกันไอระเหยของสารอินทรีย์ โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า (gas mask) พร้อมCanister สำหรับป้องกันไอระเหยของสารอินทรีย์ โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air
- purifying respirator) พร้อมCanister สำหรับป้องกันไอระเหยของสารอินทรีย์ โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50
นายธีรพงษ์ เพาะพูล
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
รหัสนักศึกษา 5214770258
สาร/วัตถุอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงานสุขาภิบาลและปรับอากาศ
แนวทางป้องกัน
- ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือการเข้าไปสัมผัสกับสารที่ไม่ทราบช่วงความเข้มข้น หรือการเข้าไปในบริเวณที่มีสภาวะอากาศที่เป็น IDLH : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000
- ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน : ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า (gas mask) ซึ่งมี Canister ที่สามารถป้องกันไอระเหยของสารอินทรีย์ ให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉินพร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50
นายธีรพงษ์ เพาะพูล
ตอบลบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
รหัสนักศึกษา 5214770258
เอกสารอ้างอิง MSDS Tetrahydrofuran CAS No. 109-99-9 UN/ID NO. 2056
วันดี พืชผา วศ.ม. รุ่น 1 รหัส 5214770297
ตอบลบสารอันตรายที่พบบ่อยที่สุด : ทินเนอร์
จัดอยู่ในสารอันตรายประเภทที่ …. จัดอยู่ในกลุ่มสารกดประสาท โดยทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย (Sovent) 2 ชนิดขึ้นไปผสมกัน ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ว่าจะนำไปใช้ในงานชนิดใด โดยส่วนประกอบหลักของทินเนอร์ที่ขายตามท้องตลาดคือ โทลูอิน อะซิโตน อาจเติม เอลกอฮอลล์ ทินเนอร์เป็นสารระเหยที่ได้จากการกลั่นระเหย เป็นสารประกอบอินทรีย์เคมีพวกไฮโดรคาร์บอน ที่มาจากขบวนการผลิตน้ำมันปิโตรเลียม มีลักษณะเป็นไอระเหยได้ในอากาศ มีกลิ่นหอมชวนดม เมื่อสูดดมเข้าไปจะทำให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายโดยเฉพาะสมอง ซึ่งไม่มีทางรักษาให้หายเป็นปกติได้
สถานที่ที่พบ : หน่วยงานก่อสร้าง
ทินเนอร์ จะผสมอยู่ในผลิตภัณฑ์ เช่น สีพ่น แลคเกอร์ กาวยางน้ำ ที่ใช้ในหน่วยงานก่อสร้าง
กิจกรรมที่ทำให้เจอ : การตรวจสอบควบคุมงานก่อสร้าง
ความเป็นพิษ :
พิษเฉียบพลัน
อาการเกิดขึ้นทันทีหลังสูดดมระยะแรกมึนงงเคลิบเคลิ้มมีความสุข ตื่นเต้น ร่าเริง ต่อมาจะมีอาการมึนเมาเหมือนเมาสุรา ควบคุมตัวเองไม่ได้ คลื่นไส้ ปวดศรีษะ อ่อนเพลีย ตามีความไวต่อแสงมาก มีเสียงในหู ประสาทหลอน เดินไม่ตรงทาง ต่อมาง่วงซึม ชัก หมดสติ และตายอย่างเฉียบพลัน
วันดี พืชผา วศ.ม. รุ่น 1 รหัส 5214770297
ตอบลบ(สารอันตรายต่อ)
พิษระยะยาว
เกิดจากการสูดดมติดต่อกันเป็นเวลานานประมาณ 1 ปี ขึ้นไป มีอาการทางประสาท ทางจิตและสมองเสื่อม บุคลิก อารมณ์ และนิสัยเปลี่ยนแปลง เฉื่อยชา ซึม และไม่สนใจตัวเอง อารมณ์หงุดหงิด ก้าวร้าว ประสาทหลอน หลงผิด หวาดระแวง แขนขาสั่น กล้ามเนื้อทำงานไม่ประสานกัน มือสั่น ลิ้นแข็งพูดไม่ชัดเดินโซเซ ชาปลายมือ ปลายเท้า ปวดแสบปวดร้อนตามมือและขา 2 ข้าง
ระบบทางเดินหายใจ : ระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทำให้ไอ อึดอัด แน่นจมูก เจ็บหน้าอก หอบ ทำให้ปอดอักเสบ มีเลือดออกในถุงลม และระหว่างเนื้อปอด มีลมรั่วออกจากถุงลม เนื่องจากผนังถุงลมอ่อนแอ
ระบบหัวใจ : หัวใจเต้นผิดปกติ สารเคมีในสารระเหยทำลายกล้ามเนื้อหัวใจโดยตรงทำให้กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
ระบบกล้ามเนื้อ : ทำให้กล้ามเนื้อเปลี้ย หรือเป็นอัมพาตได้
ระบบโลหิต : ทำให้ไขกระดูกฝ่อ การสร้างเม็ดเลือดลดลง ทำให้ซีด ภูมิต้านทานต่ำ ติดเชื้อได้ง่าย ทำให้เกิดมะเร็งเม็ดเลือดขาว
ตับและไต : ทำให้ตับและไตอักเสบ
ระบบทางเดินอาหาร : ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเดินเบื่ออาหารน้ำหนักลดลงเลือดออกในกระเพาะอาหาร
เมื่อหยุดใช้จะเกิดอาการอย่างไร หลังจากใช้ไปนาน ๆ แล้วหยุดใช้ จะมีอาการขาดยาเกิดขึ้น คือ มีอาการหนาวสั่น ประสาทหลอน ปวดศีรษะ ปวดท้อง ปวดตามกล้ามเนื้อ มีอาการทางจิต คลุ้มคลั่ง โมโหง่าย
การสังเกตอาการของผู้ติดสารระเหย : ง่วงซึม ตาแดง จมูกบาน ไอบ่อยๆ น้ำหนักลด ลมหายใจมีกลิ่นเหม็น ชอบมั่วสุมในที่ลับตาคน
การป้องกัน :
ข้อควรระวัง สำหรับผู้ที่จำเป็นต้องทำงานเกี่ยวข้องกับการใช้สารระเหย
1. ไม่ควรนำเอาสารระเหยมาสูดดม
2. หาความรู้เกี่ยวกับโทษพิษภัยและวิธีป้องกันอันตรายจากสารระเหย
3. เมื่อมีความจำเป็นต้องใช้สารระเหย ควรใช้อย่างระมัดระวัง ถูกต้องตามคำแนะนำที่ติดมากับผลิตภัณฑ์นั้น
4. ควรป้องกันอย่าให้สารระเหยเข้าสู่ร่างกายไม่ว่าจะทางการหายใจ หรือซึมเข้าสู่ทางผิวหนัง โดยสวมหน้ากากหรือใช้ผ้าปิดปากปิดจมูก สวมเสื้อผ้าให้หนามิดชิดขณะใช้สารระเหย
5. ขณะใช้สารระเหยควรอยู่เหนือลมและในที่ที่อากาศถ่ายเทได้สะดวก เป็นวัตถุไวไฟ เป็นพิษห้ามรับประทาน ระหว่างพ่นสีควรใช้หน้ากากที่มี เครื่องกรองสารพิษที่ได้รับการรับรองคุณภาพ
6. ไอระเหยมีพิษห้ามสูดดม ไอระเหยสามารถกระจายไปได้เป็นระยะไกล และสามารถทำให้ไฟติดและเกิด
ระเบิดได้ ไม่ควรใช้ในสถานที่อับลม ที่มีสวิชไฟ เครื่องทำความร้อน เครื่องไฟฟ้าที่ไม่มีระบบกันการระเบิด
หรือมีเปลวไฟ และประกายไฟ
สารพิษจากวัสดุก่อสร้าง
ตอบลบนายชฎิล พกุลานนท์
นักศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
บทนำ
การก่อสร้างของประเทศไทยเป็นสาเหตุให้มีสารพิษแพร่กระจายสู่ประชาชน เนื่องจากมาตราการป้องกันต่างๆไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการสกัดกั้นอย่างได้ผลและความไม่รับผิดชอบของผู้เกี่ยวข้องบางรายที่ปล่อยปละละเลย ทำให้การก่อสร้างสร้างผลกระทบแพร่กระจายสารพิษจากวัสดุก่อสร้างสู่ประชาชน
แนวคิดที่คำนึงถึงเรื่องการใช้และเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง เช่น
1. ที่มาของวัสดุ วัสดุบางชนิดผ่านกระบวนการที่ปนเปื้อนสารเคมีที่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต เช่น ในการผลิตวัสดุการก่อสร้างแต่ละชนิดเพื่อสนองความต้องการของตลาดนั้นจำเป็นต้องใช้สารเคมีที่อาจมีคุณสมบัติที่เป็นพิษ หรือ เมื่อเปลี่ยนสภาพกลายเป็นผงที่ฟุ้งกระจายได้จากการตัด เป็นต้น
2. วัสดุที่ผลิตในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลมาจากผู้ผลิตบางรายที่ผลิตวัสดุก่อสร้างที่มีผลกระทบของสารพิษที่ปนเปื้อนในเนื้อของวัสดุมากเกินกว่ามาตรฐานกำหนด เพราะคำนึงถึงผลกำไรจากการผลิตสินค้าที่มีราคาถูกและไม่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เป็นต้น
3. วัสดุก่อสร้างเป็นวัสดุที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงยังคงไว้เมื่อมีการทิ้งขยะก่อสร้างเกลื่อนเมืองดังปรากฏให้เห็นทั่วไปตามที่รกร้างว่างเปล่าส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง
4. การนำวัสดุที่มีความเป็นพิษและอันตราย ( Toxic & dangerous materials ) จะปรากฏในงานตกแต่งภายในของอาคาร เช่น สีหรือการเคลือบผิววัสดุ เป็นต้น
5. การออกแบบที่ลดการเหลือเศษวัสดุหรือลดการตัดวัสดุ ทำให้เกิดฝุ่นผงฟุ้งกระจายเป็นจำนวนมากที่จะส่งผลกระทบทั้งต่อผู้ที่ทำงานและต่อประชาชนที่ต้องหายใจเอาอากาศที่มีสารพิษฟุ้งกระจายอยู่เข้าสู่ร่างกาย
สารพิษจากวัสดุก่อสร้าง
ตอบลบนายชฎิล พกุลานนท์
นักศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
บทนำ
การก่อสร้างของประเทศไทยเป็นสาเหตุให้มีสารพิษแพร่กระจายสู่ประชาชน เนื่องจากมาตราการป้องกันต่างๆไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการสกัดกั้นอย่างได้ผลและความไม่รับผิดชอบของผู้เกี่ยวข้องบางรายที่ปล่อยปละละเลย ทำให้การก่อสร้างสร้างผลกระทบแพร่กระจายสารพิษจากวัสดุก่อสร้างสู่ประชาชน
แนวคิดที่คำนึงถึงเรื่องการใช้และเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง เช่น
1. ที่มาของวัสดุ วัสดุบางชนิดผ่านกระบวนการที่ปนเปื้อนสารเคมีที่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต เช่น ในการผลิตวัสดุการก่อสร้างแต่ละชนิดเพื่อสนองความต้องการของตลาดนั้นจำเป็นต้องใช้สารเคมีที่อาจมีคุณสมบัติที่เป็นพิษ หรือ เมื่อเปลี่ยนสภาพกลายเป็นผงที่ฟุ้งกระจายได้จากการตัด เป็นต้น
2. วัสดุที่ผลิตในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลมาจากผู้ผลิตบางรายที่ผลิตวัสดุก่อสร้างที่มีผลกระทบของสารพิษที่ปนเปื้อนในเนื้อของวัสดุมากเกินกว่ามาตรฐานกำหนด เพราะคำนึงถึงผลกำไรจากการผลิตสินค้าที่มีราคาถูกและไม่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เป็นต้น
3. วัสดุก่อสร้างเป็นวัสดุที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงยังคงไว้เมื่อมีการทิ้งขยะก่อสร้างเกลื่อนเมืองดังปรากฏให้เห็นทั่วไปตามที่รกร้างว่างเปล่าส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง
สารพิษจากวัสดุก่อสร้าง
ตอบลบนายชฎิล พกุลานนท์
นักศึกษาหลักสูตรวิศวกรรมศาสตรมหาบัณฑิต สาขาวิชาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง
บทนำ
การก่อสร้างของประเทศไทยเป็นสาเหตุให้มีสารพิษแพร่กระจายสู่ประชาชน เนื่องจากมาตราการป้องกันต่างๆไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอในการสกัดกั้นอย่างได้ผลและความไม่รับผิดชอบของผู้เกี่ยวข้องบางรายที่ปล่อยปละละเลย ทำให้การก่อสร้างสร้างผลกระทบแพร่กระจายสารพิษจากวัสดุก่อสร้างสู่ประชาชน
แนวคิดที่คำนึงถึงเรื่องการใช้และเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง เช่น
1. ที่มาของวัสดุ วัสดุบางชนิดผ่านกระบวนการที่ปนเปื้อนสารเคมีที่มีอันตรายต่อสิ่งมีชีวิต เช่น ในการผลิตวัสดุการก่อสร้างแต่ละชนิดเพื่อสนองความต้องการของตลาดนั้นจำเป็นต้องใช้สารเคมีที่อาจมีคุณสมบัติที่เป็นพิษ หรือ เมื่อเปลี่ยนสภาพกลายเป็นผงที่ฟุ้งกระจายได้จากการตัด เป็นต้น
2. วัสดุที่ผลิตในประเทศไทย ซึ่งเป็นผลมาจากผู้ผลิตบางรายที่ผลิตวัสดุก่อสร้างที่มีผลกระทบของสารพิษที่ปนเปื้อนในเนื้อของวัสดุมากเกินกว่ามาตรฐานกำหนด เพราะคำนึงถึงผลกำไรจากการผลิตสินค้าที่มีราคาถูกและไม่มีคุณภาพได้มาตรฐาน เป็นต้น
3. วัสดุก่อสร้างเป็นวัสดุที่ไม่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ จึงยังคงไว้เมื่อมีการทิ้งขยะก่อสร้างเกลื่อนเมืองดังปรากฏให้เห็นทั่วไปตามที่รกร้างว่างเปล่าส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมอย่างรุนแรง
4. การนำวัสดุที่มีความเป็นพิษและอันตราย ( Toxic & dangerous materials ) จะปรากฏในงานตกแต่งภายในของอาคาร เช่น สีหรือการเคลือบผิววัสดุ เป็นต้น
5. การออกแบบที่ลดการเหลือเศษวัสดุหรือลดการตัดวัสดุ ทำให้เกิดฝุ่นผงฟุ้งกระจายเป็นจำนวนมากที่จะส่งผลกระทบทั้งต่อผู้ที่ทำงานและต่อประชาชนที่ต้องหายใจเอาอากาศที่มีสารพิษฟุ้งกระจายอยู่เข้าสู่ร่างกาย
ชื่อเคมี IUPAC : Carbonmonoxide : คาร์บอนมอนน๊อกไซด์
ตอบลบชื่อเคมีทั่วไป Carbonic oxide
ชื่อพ้อง Monoxide; Carbon oxide; Various grades
สูตรโมเลกุล : CO
สูตรโครงสร้าง :
รหัส IMO
CAS No 630-08-0
รหัส EC NO. 006-001-00-2
UN/ID No. 1016
รหัส RTECS FG 3500000
รหัส EUEINECS/ELINCS 211-128-3
ประเภทสาร/วัตถุอันตราย : จัดเป็นวัตถุอันตรายประเภทที่ 2 ก๊าซ
สถานที่ที่พบสาร/วัตถุอันตราย
....ปล่องควันระบายไอเสีย จากการเผาถ่านหินเพื่อ ผลิตกระแสไฟฟ้า
ลักษณะงานที่รับผิดชอบ
……ก่อสร้าง ส่วนขยายเพิ่มเติมกำลังการผลิต ในพื้นที่โรงงานไฟฟ้า เดิมที่มีการผลิตไฟฟ้าโดยการเผาถ่านหินอยู่ตลอดเวลาในขณะทำการก่อสร้าง ส่วนขยายใหม่
ค่ามาตรฐานและความเป็นพิษ (Standard and Toxicity)
ตอบลบLD50(มก./กก.) : -
( -)
LC50(มก./ม3) : 1807
/ 4
ชั่วโมง ( -)
IDLH(ppm) : 1200
ADI(ppm) : -
MAC(ppm) : -
PEL-TWA(ppm) : 35
PEL-STEL(ppm) : -
PEL-C(ppm) : -
TLV-TWA(ppm) : 25
TLV-STEL(ppm) : -
TLV-C(ppm) : -
พรบ. ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อม พ.ศ. 2535(ppm) : -
พรบ. โรงงาน พ.ศ. 2535 (ppm) : -
พรบ. ควบคุมยุทธภัณฑ์ พ.ศ. 2530 :
ชนิดที่ 1
ชนิดที่ 2
ชนิดที่ 3
พรบ. คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 (ppm) :
เฉลี่ย 8 ชั่วโมง 50
ระยะสั้น -
ค่าสูงสุด -
สารเคมีอันตราย :
พรบ. วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 :
ชนิดที่ 1
ชนิดที่ 2
ชนิดที่ 3
ชนิดที่ 4
หน่วยงานที่รับผิดชอบ :
อันตรายต่อสุขภาพอนามัย (Health Effect)
สัมผัสทางหายใจ - การหายใจเข้าไป จะไปจับกับเลือดเกิดเป็นคาร์บอกซีฮีโมโกลบิน ซึ่งจะทำให้ออกซิเจนไม่สามารถถ่ายเทได้ทำให้มีอาการปวดศีรษะ มึนงง หัวใจเต้นเร็ว อ่อนเพลีย ชัก หมดสติด และอาจทำให้เสียชีวิตได้
สัมผัสทางผิวหนัง - การสัมผัสทางผิวหนัง จะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง
กินหรือกลืนเข้าไป - การกลืนหรือกินเข้าไป ไม่มีผลกับร่างกาย
สัมผัสถูกตา - การสัมผัสถูกตา จะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อตา
การก่อมะเร็ง ความผิดปกติ,อื่น ๆ - ทำให้เกิดความผิดปกติต่อระบบเลือด การหายใจ อัตราการเต้นของหัวใจ และระบบไหลเวียนโลหิต หมดสติ และอาจเสียชีวิตได้ สามารถทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบประสาทและการทำลายสมองได้
ข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE)
ความคงตัวและการเกิดปฏิกิริยา (Stability and Reaction)
ตอบลบ- ความคงตัวทางเคมี : สารนี้มีความเสถียร
- สารที่เข้ากันไม่ได้ : สารออกซิไดซ์
- สารเคมีอันตรายที่เกิดจากการสลายตัว : คาร์บอนมอนนอกไซด์
- อันตรายจากการเกิดปฏิกิริยาพอลิเมอร์ : ไม่เกิดขึ้น
การเกิดอัคคีภัยและการระเบิด (Fire and Explosion)
- สารดับเพลิง : น้ำ ผงเคมีแห้ง คาร์บอนไดออกไซด์
- ใช้น้ำฉีดหล่อเย็นภาชนะบรรจุที่สัมผัสถูกไฟ
- คาร์บอนมอนนอกไซด์ มีความหนาแน่นใกล้เคียงอากาศ จะไม่แพร่กระจายโดยก๊าซที่ไวไฟ เช่น ไฮโดรเจน หรือมีเทน
- คาร์บอนมอนนอกไซด์ ทำปฏิกิริยากับออกซิเจนไดฟูลออไรด์ และแบเรียมออกไซด์
การเก็บรักษา/สถานที่เก็บ/เคลื่อนย้าย/ขนส่ง (Storage and Handling)
ตอบลบในบริเวณที่มีการระบายอากาศเพียงพอ
- เก็บไว้ที่ความดัน 500 psig (3450 kPa) ถ้าสูงมากกว่านี้จะเกิดก๊าซพิษ และสารคาร์บอนิล
- เก็บบรรจุในที่บริเวณเก็บสารเคมีและวางไว้อย่างมั่นคง อุณหภูมิไม่เกิน 130 องศาเซลเซียส
- ติดป้ายเตือน " ห้ามสูบบุหรี่ หรือจุดไฟ" และไม่ควรมีแหล่งจุดติดไฟบริเวณเก็บสาร
- ชื่อในการขนส่ง : Carbonmonoxide
- ประเภทอันตราย : 2.3 ก๊าซพิษ ก๊าซไวไฟ
- รหัส UN : 1016
การกำจัดกรณีรั่วไหล (Leak and Spill)
- วิธีการปฏิบัติในกรณีเกิดการหกรั่วไหล ให้เคลื่อนย้ายออกจากบริเวณที่มีการหกรั่วไหล
- ให้สวมใส่อุปกรณ์ป้องกันอันตรายที่เหมาะสม
- ถ้าภาชนะบรรจุหรือวาล์วรั่ว ให้ติดต่อบริษัทที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการแก้ไข
การปฐมพยาบาล (First Aid)
ตอบลบหายใจเข้าไป: - ถ้าหายใจเข้าไป ให้เคลื่อนย้ายผู้ป่วยออกสู่บริเวณที่มีอากาศบริสุทธิ์ ถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ช่วยผายปอด ถ้าหายใจลำบากให้ออกซิเจนช่วย และนำส่งไปพบแพทย์
กินหรือกลืนเข้าไป: - การกลืนกินเข้าไป ไม่จำเป็น
สัมผัสถูกผิวหนัง: - ถ้าสัมผัสถูกผิวหนัง ไม่จำเป็น
สัมผัสถูกตา : - ถ้าสัมผัสถูกตา ไม่จำเป็น
เอกสารอ้างอิง (Reference)
1. "Chemical Safety Sheet ,Samsom Chemical Publisher ,1991 ,หน้า 193 "
2. "NIOSH Pocket Guide to Chemical Hazards.US.DHHS ,1990 ,หน้า 54 "
3. "Lange'S Handbook of Chemistry McGrawHill ,1999 ,หน้า 1.136 "
4. "Fire Protection Guide to Hazardous Material ,NFPA ,1994 ,หน้า 325-25 "
5. "ITP. SAX'S Dangerous Properties of Industrial Materials ,1996 ,หน้า 664 "
6. "สอป.มาตรฐานสารเคมีในอากาศและดัชนีวัดทางชีวภาพ ,นำอักษรการพิมพ์ ,2543 ,หน้า 22 "
7. "http://www.cdc.gov/NIOSH ,CISC Card. , 0023 "
8. "Firefighter 's Hazardous Materials Reference Book ,1997 ,หน้า 173 "
9." ACGIH. 2000 TLVs and BEIs Threshold Limit Values for Chemical Substances and Physical Agents ,and Biological Exposure Indices. Ohio.,2000 ,หน้า 20 "
นาย.....วีระ วิบูลกีรติ......................... รหัส 5214770328.......วศม.รุ่นที่ 1
ตอบลบนาย ดำรงเกียรติ คิวขุนทด รหัส 5214770343 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาขาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตราย
ในสถานที่ทำงาน
หน้าที่รับผิดชอบ สถานที่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตราย
ผู้ดูแลควบคุมงานสนามบินเล็กและสนามกอล์ฟ บริษัท Best Ocean Airpark จังหวัดสมุทรสาคร
สารส่วนใหญ่ที่พบเจอและสัมผัสบ่อยๆในการทำงาน คือ MTBE ที่สัมผัสจากการจัดเก็บ ตรวจรับน้ำมันเบนซินเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินเล็ก หรือเครื่องยนต์เล็กที่ใช้ในสนามกอล์ฟ
น้ำมันเบนซินหรือก๊าซโซลีน (Gasoline) เป็นเชื้อเพลิงที่ระเหยได้ง่าย ได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบในโรงกลั่น โดยกลั่น หรือ ตัดเอาส่วนที่เบาพอเหมาะจากส่วนต่างๆ ในกรรมวิธีการกลั่น แล้วเอามาผสมกันและปรุงแต่งด้วยสารเพิ่มคุณภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แนฟธา (Naphtha), Isomerate, Reformate และสารเติมแต่งสำหรับ gasolines ไร้สารตะกั่วเพื่อปรับปรุงการเผาไหม้ (Additives) เช่น MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether), เอทานอล เป็นต้น เพื่อให้เหมาะสมแก่การใช้เป็นเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์เบนซินชนิดสันดาปภายในโดยมีหัวเทียนเป็นเครื่องจุดระเบิด (Spark Ignition Internal Combustion Engine) ความสามารถในการระเหยน้ำมันต้องพอเหมาะกับการเผาไหม้ในกระบอกสูบและต้องเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง เครื่องยนต์แต่ละชนิดมีความต้องการออกเทนสูงไม่เท่ากัน รัฐบาลจึงแบ่งน้ำมันเบนซินออกเป็น 2 ชนิด ตามค่าออกเทนนัมเบอร์ ดังนี้
1. น้ำมันเบนซินพิเศษ (PREMIUM MOTOR GASOLINE) มีค่าออกเทนนัมเบอร์ 95 สีเหลืองอ่อน เหมาะสมกับเครื่องยนต์เบนซินที่มีอัตราส่วนกำลังอัดสูงกว่า 8:1 ขึ้นไปซึ่งได้แก่ รถยนต์นั่งทั่วไป รถบรรทุกเล็ก (เครื่องยนต์เบนซิน)
นาย ดำรงเกียรติ คิวขุนทด รหัส 5214770343 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาขาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
สาร/วัตถุอันตราย
ในสถานที่ทำงาน
หน้าที่รับผิดชอบ สถานที่และกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับสาร/วัตถุอันตราย
ผู้ดูแลควบคุมงานสนามบินเล็กและสนามกอล์ฟ บริษัท Best Ocean Airpark จังหวัดสมุทรสาคร
สารส่วนใหญ่ที่พบเจอและสัมผัสบ่อยๆในการทำงาน คือ MTBE ที่สัมผัสจากการจัดเก็บ ตรวจรับน้ำมันเบนซินเพื่อใช้เป็นเชื้อเพลิงสำหรับเครื่องบินเล็ก หรือเครื่องยนต์เล็กที่ใช้ในสนามกอล์ฟ
น้ำมันเบนซินหรือก๊าซโซลีน (Gasoline) เป็นเชื้อเพลิงที่ระเหยได้ง่าย ได้มาจากการกลั่นน้ำมันดิบในโรงกลั่น โดยกลั่น หรือ ตัดเอาส่วนที่เบาพอเหมาะจากส่วนต่างๆ ในกรรมวิธีการกลั่น แล้วเอามาผสมกันและปรุงแต่งด้วยสารเพิ่มคุณภาพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น แนฟธา (Naphtha), Isomerate, Reformate และสารเติมแต่งสำหรับ gasolines ไร้สารตะกั่วเพื่อปรับปรุงการเผาไหม้ (Additives) เช่น MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether), เอทานอล เป็นต้น เพื่อให้เหมาะสมแก่การใช้เป็นเชื้อเพลิงของเครื่องยนต์เบนซินชนิดสันดาปภายในโดยมีหัวเทียนเป็นเครื่องจุดระเบิด (Spark Ignition Internal Combustion Engine) ความสามารถในการระเหยน้ำมันต้องพอเหมาะกับการเผาไหม้ในกระบอกสูบและต้องเป็นไปอย่างสม่ำเสมอ ต่อเนื่อง เครื่องยนต์แต่ละชนิดมีความต้องการออกเทนสูงไม่เท่ากัน รัฐบาลจึงแบ่งน้ำมันเบนซินออกเป็น 2 ชนิด ตามค่าออกเทนนัมเบอร์ ดังนี้
1. น้ำมันเบนซินพิเศษ (PREMIUM MOTOR GASOLINE) มีค่าออกเทนนัมเบอร์ 95 สีเหลืองอ่อน เหมาะสมกับเครื่องยนต์เบนซินที่มีอัตราส่วนกำลังอัดสูงกว่า 8:1 ขึ้นไปซึ่งได้แก่ รถยนต์นั่งทั่วไป รถบรรทุกเล็ก (เครื่องยนต์เบนซิน)
นาย ดำรงเกียรติ คิวขุนทด รหัส 5214770343 รุ่นที่ 1
ตอบลบสาขาการตรวจสอบและกฎหมายวิศวกรรม
ตอนที่ 2
2. น้ำมันเบนซินธรรมดา (REGULAR MOTOR GASOLINE) มีเลขจำนวนออกเทน 91สีแดง ใช้กับน้ำมันเครื่องยนต์เบนซินที่มีอัตราส่วนกำลังอัดต่ำกว่า 8:1 ซึ่งได้แก่ รถยนต์นั่งขนาดเล็ก รถมอเตอร์ไซค์ เครื่องยนต์ขนาดเล็ก เช่น เครื่องปั่นไฟ, รถตัดหญ้า หรือ ปั๊มน้ำขนาดเล็ก
ชื่อเคมี : MTBE (Methyl Tertiary Butyl Ether)
ชื่ออื่น : Methyl-tert.-butylether ; 1-Methoxy-2-methylpropane ; MBT-ether
ประเภท : สารละลาย
ประเภทของสารจำแนกตาม UN ได้ดังนี้
CAS Number : 1634-04-4
รหัส EC Number : 216-653-1
ประเภทอันตราย (Class number) : 3
UN number : 2398
สมบัติทางเคมีและกายภาพ
ลักษณะ: ของเหลว
สี: ไม่มีสี
กลิ่น: เฉพาะตัว
ค่าพีเอช ไม่มีข้อมูล
ความหนืด ไดนามิค (20 ฐC) 0.27 mPa*s
จุดหลอมเหลว -108 ฐC
จุดเดือด 55 ฐC
อุณหภูมิติดไฟ 460 ฐC
จุดวาบไฟ -28 ฐC
ขอบเขตการระเบิด ล่าง 1.65 Vol%
บน 8.4 Vol%
ความดันไอ (20 ฐC) 417 mbar
ความหนาแน่น (20 ฐC) 0.74 g/cm3
น้ำ (20 ฐC) 51 g/l
นาย ดำรงเกียรติ คิวขุนทด รหัส 5214770343 รุ่นที่ 1
ตอบลบตอนที่ 4
ข้อมูลเพิ่มเติมทางพิษวิทยา
อันตรายที่อาจเกิดได้
ไฟไหม้หรือระเบิด
- ไวไฟสูง; จะทำให้ติดไฟ เกิดประกายไฟ หรือเปลวไฟได้ง่าย
- ไอระเหยอาจทำให้เกิดการระเบิดเมื่อรวมกับอากาศ
- ไอระเหยอาจเคลื่อนที่ไปยังแหล่งที่ทำให้เกิดการติดไฟ และลุกติดไฟย้อนกลับไปยังต้นกำเนิด
- ไอส่วนใหญ่หนักกว่าอากาศ มันจะกระจายตามพื้น และรวมตัวในบริเวณต่ำ หรือบริเวณจำกัด (ท่อระบายน้ำ ใต้ถุน ในถัง ฯลฯ)
- การระเบิดจากไอระเหยในอาคาร นอกอาคาร หรือในท่อระบายน้ำ
- สารที่มีสัญลักษณ์ "P" อาจโพลิเมอร์ไรซ์รุนแรง ระเบิดได้ เมื่อถูกความร้อน หรือเมื่อมีไฟไหม้
- น้ำจากท่อระบายน้ำอาจทำให้เกิดไฟไหม้หรือระเบิด
- ภาขนะบรรจุอาจระเบิดได้เมื่อถูกความร้อน
- ของเหลวหลายอย่างเบากว่าน้ำ
นาย ดำรงเกียรติ คิวขุนทด รหัส 5214770343 รุ่นที่ 1
ตอบลบตอนที่ 3
สารที่ต้องหลีกเลี่ยง
ตัวออกซิไดซ์ , กรดแก่ ; แสง ( ก่อให้เกิดเปอร์ออกไซด์ได้ ) ;
ข้อมูลเพิ่มเติม
ไวไฟมาก ; ว่องไวต่อแสง ;
วัสดุที่ไม่หมาะสม: พลาสติกชนิดต่างๆ , ยาง ;
สารเคมีในสภาพที่เป็นไอระเหยหรือแก๊ส เมื่อผสมกับอากาศ ก่อให้เกิดการระเบิดได้
ความเป็นพิษ
1. ข้อมูลทางพิษวิทยา
พิษเฉียบพลัน
LD50 (oral, rat): 4000 mg/kg ;
LC50 (inhalation, rat): 23576 ppm(V) /4 h ;
ข้อมูลเชิงนิเวศน์
การย่อยสลายทางชีวภาพ:
ไม่สามารถย่อยสลายได้ทางชีวภาพ
ผลกระทบต่อระบบนิเวศน์:
ผลกระทบทางชีวภาพ:
ความเป็นพิษต่อปลา: L.idus LC50: > 1000 mg/l /48 h ;
พิษต่อไรน้ำ: Daphnia magna EC50: 651 mg/l /48 h ;
ความเป็นพิษต่อสาหร่าย: Scenedesmus subspicatus EC50: > 800 mg/l /72 h ;
ความเป็นพิษต่อแบคทีเรีย: Ps.pudita EC10: ~ 700 mg/l /18 h ;
ข้อมูลอื่นๆเกี่ยวกับระบบนิเวศน์:
ไม่ก่อให้เกิดผลต่อระบบนิเวศน์ หากมีการใช้และจัดการกับผลิตภัณฑ์อย่างเหมาะสม
นาย ดำรงเกียรติ คิวขุนทด รหัส 5214770343 รุ่นที่ 1
ตอบลบตอนที่ 5
ข้อมูลเพิ่มเติมทางพิษวิทยา
อันตรายที่อาจเกิดได้
ไฟไหม้หรือระเบิด
- ไวไฟสูง; จะทำให้ติดไฟ เกิดประกายไฟ หรือเปลวไฟได้ง่าย
- ไอระเหยอาจทำให้เกิดการระเบิดเมื่อรวมกับอากาศ
- ไอระเหยอาจเคลื่อนที่ไปยังแหล่งที่ทำให้เกิดการติดไฟ และลุกติดไฟย้อนกลับไปยังต้นกำเนิด
- ไอส่วนใหญ่หนักกว่าอากาศ มันจะกระจายตามพื้น และรวมตัวในบริเวณต่ำ หรือบริเวณจำกัด (ท่อระบายน้ำ ใต้ถุน ในถัง ฯลฯ)
- การระเบิดจากไอระเหยในอาคาร นอกอาคาร หรือในท่อระบายน้ำ
- สารที่มีสัญลักษณ์ "P" อาจโพลิเมอร์ไรซ์รุนแรง ระเบิดได้ เมื่อถูกความร้อน หรือเมื่อมีไฟไหม้
- น้ำจากท่อระบายน้ำอาจทำให้เกิดไฟไหม้หรือระเบิด
- ภาขนะบรรจุอาจระเบิดได้เมื่อถูกความร้อน
- ของเหลวหลายอย่างเบากว่าน้ำ
ผลต่อสุขภาพ :
- เมื่อสูดดมไอระเหย: ระคายเคืองต่อเยื่อเมือก , ระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ เมื่อมีความเข้มข้นสูงส่งผลให้ หมดสติ
- การสูดดมหรือสัมผัสกับสารอาจทำให้ระคายเคืองหรือผิวหนังไหม้และเป็นอันตรายต่อตา
- เมื่อดูดซึมในปริมาณมาก: ง่วงซึม เวียนศีรษะ เคลิ้ม ตื่นเต้นง่าย ชัก อาจก่อให้เกิดอาการง่วง
- เมื่อถูกผิวหนัง: ระคายเคือง ระวังอันตรายจากการซึมผ่านผิวหนัง
- เมื่อเข้าตา: ระคายเคือง
- เมื่อกลืนกิน: MTBE ในน้ำดื่มเพียงเล็กน้อยประมาณ 5-15 mg/l จะทำให้เกิดกลิ่นและรสที่ไม่พึงประสงค์ ทำให้ไม่สามารถนำน้ำมาดื่มได้ สำหรับอาการทั่วไปเมื่อได้รับสาร MTBE เช่น ไซนัส ปวดศีรษะ คลื่นไส้ วิงเวียน ระคายเคืองตา จมูก และลำคอคลื่นไส้อาเจียน อาจทำให้สำลักเนื่องจากการอาเจียน
นาย ดำรงเกียรติ คิวขุนทด รหัส 5214770343 รุ่นที่ 1
ตอบลบตอนที่ 6
ผลต่อระบบในร่างกาย :
- ไฟอาจก่อให้เกิดก๊าซที่ระคายเคือง กัดกร่อน และ/หรือเป็นพิษ
- ไอระเหยทำให้หน้ามืด หายใจไม่ออก หรืออึดอัด
- น้ำจากการดับเพลิง อาจก่อให้เกิดมลพิษ
สาร MTBE กับปัญหาสิ่งแวดล้อม :
สาร MTBE สร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมโดยปนเปื้อนกับน้ำใต้ผิวดินอากาศ และดิน การปนเปื้อนเกิดได้หลายทาง อาจโดยการรั่วจากถังเก็บน้ำมันใต้ดิน (Underground Storage Tanks) การรั่วจากท่อส่งน้ำมัน การเติมน้ำมันแล้วเกิดการหก สำหรับการปนเปื้อนในน้ำ MTBE จะเกาะกับอนุภาคในน้ำซึ่งยากที่จะทำให้เกิดตะกอน
ความปลอดภัยในที่สาธารณะ
-โทรศัพท์เรียกทีมฉุกเฉินตามเอกสารการขนส่ง ถ้าเอกสารการขนส่งไม่มีหรือไม่มีการตอบรับ,ตรวจสอบรายนามผู้ใช้โทรศัพท์จากปกหลังด้านใน
- มาตรการป้องกันที่ต้องทำทันทีคือ กั้นเขตบริเวณที่มีการหกรั่วไหลโดยรอบทันทีไม่น้อยกว่า 50 เมตร (150 ฟุต)
- กันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออก
- อยู่เหนือลม
- ออกห่างจากบริเวณต่ำ
- ระบายอากาศก่อนเข้าบริเวณที่อับ
นาย ดำรงเกียรติ คิวขุนทด รหัส 5214770343 รุ่นที่ 1
ตอบลบตอนที่ 7
ชุดป้องกัน
ข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE)
1. ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ
- สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน 125 ppm : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจประเภทที่ใช้การส่งอากาศสำหรับการหายใจ ซึ่งมีอัตราการไหลของอากาศแบบต่อเนื่อง โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APFให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า และอุปกรณ์กรองอนุภาพประสิทธิภาพสูง (HEPA filter) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) ซึ่งมีอุปกรณ์กรองฝุ่น และละอองไอ โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25 หรือให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50
- ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือการเข้าไปสัมผัสกับสารที่ไม่ทราบช่วงความเข้มข้น หรือการเข้าไปในบริเวณที่มีสภาวะอากาศที่เป็น IDLH : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000
- ชุดผจญเพลิงจะป้องกันได้ในระดับจำกัด
นาย ดำรงเกียรติ คิวขุนทด รหัส 5214770343 รุ่นที่ 1
ตอบลบตอนที่ 8
การอพยพ
หกรั่วไหลมาก
- อันดับแรกพิจารณาอพยพประชาชนที่อยู่ใต้ลมออกไปอย่างน้อย 300 เมตร (1000 ฟุต)
ไฟไหม้
- ถ้าถังก๊าซ รถตู้ หรือรถบรรทุกติดอยู่ในกองเพลิง กั้นเขตรัศมี 800 เมตร (1/2 ไมล์) พร้อมทั้งอพยพออกนอกรัศมี 800 เมตร (1/2 ไมล์)
การระงับอุบัติภัย
ไฟไหม้
ข้อควรระวัง: ผลิตภัณฑ์เหล่านี้มีจุดวาบไฟต่ำ: การฉีดน้ำเป็นฝอยดับไฟอาจไม่เป็นผล
ไฟไหม้ขนาดเล็ก
- ผงเคมีแห้ง คาร์บอนไดออกไซด์ ฉีดน้ำเป็นฝอย หรือ โฟมทนแอลกอฮอล์
ไฟไหม้ขนาดใหญ่
- ฉีดน้ำเป็นฝอย เป็นหมอก หรือ แอลกอฮอล์ทนไฟ
- ใช้น้ำฉีดเป็นฝอยหรือเป็นหมอก ไม่ฉีดเป็นลำตรง
- เคลื่อนย้ายภาชนะบรรจุออกจากที่เกิดเหตุ ถ้าสามารถทำได้โดยไม่เสี่ยงภัย
ไฟไหม้ ถัง หรือ รถ/รถพ่วง
- ผจญเพลิงจากระยะไกลหรือใช้สายฉีดน้ำที่ไม่ต้องมีคนถือ หรือใช้หัวฉีดที่มีระบบควบคุม
- หล่อเย็นภาชนะบรรจุ โดยฉีดน้ำปริมาณมาก ๆ จนกว่าเพลิงจะสงบ
- ออกจากบริเวณทันทีที่อุปกรณ์นิรภัยระบายไอมีเสียงดังขึ้น หรือภาชนะบรรจุที่ไหม้เปลี่ยนสี
- อยู่ให้ห่างจากถังขณะไฟไหม้เสมอ
- กรณีเพลิงไหม้ขนาดใหญ่ ให้ใช้สายฉีดน้ำที่ไม่มีคนถือ หรือใช้หัวที่มีระบบควบคุม หากไม่สามารถดำเนินการได้ ให้ถอยออกจากพื้นที่และปล่อยให้เพลิงสงบเอง
หกหรือรั่วไหล
- กำจัดแหล่งกำเนิดไฟทั้งหมด (ไม่สูบบุหรี่ ไม่ทำให้เกิดเปลวไฟ ประกายไฟในพื้นที่ใกล้ ๆ)
- อุปกรณ์ทุกชนิดที่ใช้ต้องต่อสายดิน
- ห้ามสัมผัสหีบห่อชำรุด หรือเดินผ่านสารที่หกรั่วไหล
- หยุดการรั่วไหล ถ้าสามารถทำได้โดยไม่เสี่ยงอันตราย
- ป้องกันการไหลเข้าทางน้ำ ทางระบายน้ำ ใต้ดิน และพื้นที่ที่จำกัด
- ใช้โฟมคลุมไอระเหยเพื่อลดไอลง
- ดูดซับหรือกลบด้วยดิน ทราย หรือ วัสดุดูดซับอื่น ๆ ที่ไม่ติดไฟและบรรจุลงภาชนะ
- ใช้เครื่องมือที่ไม่ก่อประกายไฟในการเก็บกวาดวัสดุดูดซับ
หกรั่วไหลมาก
- ทำทำนบกั้นของเหลวที่หกรั่วไหล เพื่อรอการกำจัดต่อไป
- ฉีดน้ำเป็นฝอย อาจช่วยลดไอระเหยของสาร แต่อาจจะไม่สามารถป้องกันการติดไฟในบริเวณที่อับ
นาย ดำรงเกียรติ คิวขุนทด รหัส 5214770343 รุ่นที่ 1
ตอบลบตอนที่ 9
การปฐมพยาบาล
- เคลื่อนย้ายผู้ประสบภัยไปยังบริเวณที่อากาศบริสุทธิ์
- เรียก 911 หรือหน่วยแพทย์ฉุกเฉิน
- ถ้าผู้ประสบภัยไม่สามารถหายใจเองได้ ให้ใช้เครื่องช่วยหายใจ
- ให้อ๊อกซิเจน ถ้าหายใจไม่ออก
- ถอดเสื้อผ้าและรองเท้าที่เปื้อนสารออก
- กรณีสัมผัสกับสาร ให้รีบล้างผิวหนังและตาด้วยน้ำที่ไหลตลอดเวลาอย่างน้อย 20 นาที
- ชะล้างผิวหนังด้วยสบู่และน้ำ
- ในกรณีที่ไฟไหม้ ผิงหนัง รีบทำให้เย็นทันทีเท่าที่จะทำได้ด้วยน้ำเย็น ไม่ถอดเสื้อผ้าออก ถ้าเสื้อผ้าติดผิวหนัง
- ดูแลผู้ประสบภัยให้ได้รับความอบอุ่นและไม่ถูกรบกวน
- บอกแพทย์ ว่ามีสารอะไรเกี่ยวข้อง และระมัดระวังป้องกันตนเอง
มาตรการปกป้องสิ่งแวดล้อม:
ป้องกันไม่ให้ไหลลงสู่ระบบสุขาภิบาล, ดิน หรือสิ่งแวดล้อม เพราะอาจก่อให้เกิดการระเบิด
การจัดการและการเก็บรักษา
การจัดการ:
ป้องกันการเกิดไฟฟ้าสถิต
การเก็บ:
ปิดให้แน่น บริเวณที่มีการถ่ายเทอากาศได้ดี เก็บห่างจากแหล่งกำเนิดประกายไฟและความร้อน ณ. อุณหภูมิ+15 ถึง +25 องศาเซลเซียส
นาย ดำรงเกียรติ คิวขุนทด รหัส 5214770343 รุ่นที่ 1
ตอบลบตอนที่ 10
ข้อมูลการขนส่ง
ข้อมูลการขนส่งทางบก เอดีอาร์/อาร์ไอดี และจีจีวีเอส/จีจีวีอี [เยอรมัน]
จีจีวีเอส/จีจีวีอี คลาส: 3 ตัวเลขและตัวอักษร: 3b
เอดีอาร์/อาร์ไอดี คลาส: 3 ตัวเลขและตัวอักษร: 3b
ชื่อผลิตภัณฑ์: 2398 METHYL-TERT-BUTYLETHER
ข้อมูลการขนส่งทางทะเล ไอเอ็มดีจี
ไอเอ็มดีจี คลาส: 3.1 เลขยูเอ็น: 2398 ประเภทบรรจุภัณฑ์: II
อีเอ็มเอส: 3-07 เอ็มเอฟเอจี: 330
ชื่อเทคนิคที่ถูกต้อง: METHYL tertiary-BUTYL ETHER
ข้อมูลการขนส่งทางอากาศ ไอซีเอโอ-ทีไอ และไอเอทีเอ-ดีจีอาร์
ไอซีเอโอ/ไอเอทีเอ คลาส: 3 เลขยูเอ็น: 2398 ประเภทบรรจุภัณฑ์: II
ชื่อเทคนิคที่ถูกต้อง: METHYL-TERT-BUTYL ETHER
ข้อมูลเกี่ยวกับข้อกำหนด
การติดฉลากตามระเบียบอีซี
สัญลักษณ์: F ไวไฟ
ข้อมูลเกี่ยวกับอันตราย: R 11 ไวไฟสูง
ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัย: S 9-16-29-43.3 เก็บภาชนะในที่อากาศระบายได้ดี เก็บห่างจากแหล่งติดไฟ ห้ามสูบบุหรี่ ห้ามปล่อยลงสู่ระบบน้ำทิ้ง เมื่อไฟไหม้ ใช้ผงดับเพลิงเคมี ห้ามใช้น้ำ
เลขอีซี: ---
ระดับมลพิษต่อแหล่งน้ำ 1 (สารก่อมลพิษ ระดับต่ำ)
แนวทางการป้องกัน
ตอบลบข้อแนะนำการเลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันอันตรายส่วนบุคคล(PPD/PPE) :
- ข้อแนะนำในการเลือกประเภทหน้ากากป้องกันระบบหายใจ
- สารที่ช่วงความเข้มข้นไม่เกิน4ppm : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจประเภทที่ใช้การส่งอากาศสำหรับการหายใจ ซึ่งมีอัตราการไหลของอากาศแบบต่อเนื่อง โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25 หรือให้เลือกใช้อุปกรณ์ป้องกันระบบหายใจ ซึ่งใช้สารเคมีประเภทที่เหมาะสมเป็นตัวดูดซับในการกรอง (Cartridge) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมี canister ประเภทที่เหมาะสม โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25 หรือให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) ซึ่งมี cartridge ที่เหมาะสม โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 25 หรือให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 2000
- ในกรณีที่เกิดเหตุฉุกเฉิน หรือการเข้าไปสัมผัสกับสารที่ไม่ทราบช่วงความเข้มข้น หรือการเข้าไปในบริเวณที่มีสภาวะอากาศที่เป็น IDLH : ให้ใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดที่มีถังอากาศในตัว (SCBA) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000 หรือให้ใช้อุปกรณ์ส่งอากาศสำหรับการหายใจ (Supplied - air respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า ซึ่งมีการทำงานแบบความดันภายในเป็นบวก ( pressure-demand / positive pressure mode) หรือแบบที่ใช้การทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว และแบบความดันภายในเป็นบวก (combination with an auxiliary self-contained positive-pressure breathing apparatus) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 10,000
- ในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน : ให้ใช้อุปกรณ์ทำให้อากาศบริสุทธิ์ (Air - purifying respirator) พร้อมหน้ากากแบบเต็มหน้า(gas mask) และ canister ประเภทที่เหมาะสม หรือ ให้ใช้อุปกรณ์ที่เหมาะสมสำหรับในกรณีการหลบหนีออกจากสถานการณ์ฉุกเฉิน พร้อมอุปกรณ์ช่วยหายใจชนิดมีถังอากาศในตัว (SCBA) โดยแนะนำให้ใช้อุปกรณ์ที่มีค่า APF. = 50
เรียน อ.สิรวัลย์
ตอบลบผมนายชัยยุทธ์ เงินส่งเสริม 5214770163 พยายามส่งรายงานทาง Blog แต่ไม่สำเร็จครับ เคยส่งได้เมื่อ 1 กันยายน ซึ่งเป็นท่อนที่ 3 สุดท้าย วันนี้ก็พยายามอีกแต่เช่นเดิมครับท่อน 1-2 หายไป เหลือแต่ท่อนสุดท้าย ดังนั้นผมขออนุญาตส่งทางเมล์ของอาตารย์นะครับ
ขอแสดงความนับถืออย่างสูง
ชัยยุทธ์
รายงานเรื่องสาร/วัตถุอันตรายที่พบในที่ทำงาน
ตอบลบโดย นายชัยยุทธ์ เงินส่งเสริม
รหัสนักศึกษา 5214770163
เนื่องด้วยกระผมทำงานอยู่ที่การไฟฟ้านครหลวง เขตบางพลี ในที่ทำงานจะมีหน่วยงานในความรับผิดชอบคือ แผนกจัดการยานพาหนะและเครื่องมือกล ซึ่งจะทำหน้าที่ดูแลบำรุงรักษารถยนต์ที่ใช้ในงาน รวมทั้งการเติมน้ำมันเพื่อใช้ในงานประจำ สาร/วัตถุอันตรายที่กระผมพบประจำในที่ทำงานส่วนนี้ก็คือ “น้ำมันดีเซล” ซึ่งมีสาร2-Chloroacetonephenone เป็นส่วนประกอบ สถานที่ที่ทำให้ได้พบเจอคือปั๊มน้ำมันในที่ทำการ และโดยกิจกรรมคือการเติมน้ำมัน
สารนี้จัดอยู่ใน UN CLASS 6.1
ความเป็นพิษ ตามค่าดังนี้
LD50 = 130 มก./กก. LC50 = 140 มก./ลบ.ม. 4 ชม. IDLH = 4 ppm
อันตรายจากสารพิษ
สัมผัสทางหายใจ การหายใจเข้าไปจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อทางเดินหายใจ ปวดอย่างรุนแรง จมูก คอ และเยื่อเมือก ทำให้ปวดศีรษะ สั่น ไอ หายใจติดขัด เจ็บหน้าอก การได้รับสารที่เข้มข้นมากทำให้ปอดอักเสบ น้ำท่วมปอด โลหิตจาง ลำตัวเป็นสีเขียวคล้ำเนื่องจากขาดออกซิเจน หัวใจเต้นช้าลง
สัมผัสทางผิวหนัง การสัมผัสถูกผิวหนังจะก่อให้เกิดการระคายเคืองต่อผิวหนัง ทำปฏิกิริยากับโปรตีนในผิวหนัง ทำให้เม็ดสีเปลี่ยน สารนี้ไม่ดูดซึมผ่านผิวหนัง
กินหรือกลืนเข้าไป ก่อให้เกิดการระคายเคือง
สัมผัสถูกตา ทำให้เกิดอาการระคายเคืองต่อตาอย่างรุนแรง และอาจทำลายตา
การก่อมะเร็งและอันตรายอื่น ๆ สารนี้เป็นสารก่อมะเร็งตาม IARC กลุ่ม 2B